วันที่ 3 ม.ค. 61 เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ลงตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บริเวณริมถนนชนเกษมใกล้กับสี่แยกการุณ ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 04.50 น. หลังได้รับแจ้งเหตุยิงกันตาย 2 ศพ
โดยบริเวณจุดเกิดเหตุ อยู่หน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง พบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย สภาพนอนหงาย รายแรกคือ นายอดินันท์ ด้วงเพชร อายุ 27 ปี สวมเสื้อแดง กางเกงยีนส์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. บริเวณหลังศรีษะ ทะลุหน้าผาก 1 นัด รายที่สองคือ นายสุขสันต์ กำเนิดพิลา อายุ 22 ปี สวมเสื้อลาย กางเกงยีนส์ ถูกยิงด้วยอาวุธชนิดเดียวกันเข้าที่บริเวณใต้ตาซ้าย จำนวน 1 นัด ข้างรถ ใกล้กันมีจักรยานยนต์ ยึ่ห้อฮอนด้า โซนิค สีเหลือง ล้มคว่ำอยู่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 1 นัด
โดย
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย กลับจากไปเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมือง และอาจมีปัญหากับกลุ่มผู้ก่อเหตุถึงขั้นชกต่อยกัน ซึ่งขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน กลุ่มคู่อริจึงขับรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ แบบสี่ประตู ตามมาถึงจุดเกิดเหตุจึงใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่กลุ่มผู้ตายในระยะเผาขนจนเสียชีวิต หลังก่อเหตุจึงขับรถหลบหนีไปทางสี่แยกแสงเพชรมุ่งหน้าแยกบางใหญ่
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวอีกว่า หลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ และติดตามกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี กระทั่งทราบทะเบียนรถที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงตัวผู้ก่อเหตุ พบว่ามีทั้งหมดจำนวน 4 คน เป็นวัยรุ่นอายุ 20 - 25 ปี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบชื่อและที่อยู่ของผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว และกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ขณะที่ บริเวณงานศพของนายสุขสันต์ กำเนิดพิลา อายุ 22 ปี จัดขึ้นที่ วัดท่าเพชร ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติ และเพื่อนบ้าน ทยอยเดินทางมางาน ร่วมไว้อาลัย
ด้าน
นายปรีชา กำเนิดพิลา อายุ 44 ปี พ่อของ นายสุขสันต์ ผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะเป็นคดีอุจกรรณ์ สะเทือนขวัญสังคม คนร้ายกล้าพกปืนในที่ชุมชนใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี และก่อเหตุในช่วงเทศกาล ซึ่งมีด่านตรวจเป็นจำนวนมาก หากไม่แน่จริงคงไม่กล้าลงมือ และทำให้ครอบครัวต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อไว้
หากเจอคนร้าย ตนก็อยากจะถามว่า มายิงลูกชายตนอย่างโหดร้ายทารุณแบบนี้ด้วยสาเหตุอะไร เพราะทราบว่า เป็นการยิงระยะเผาขน เหมือนโกรธแค้นกันมาเป็น 10 - 20 ปี ทั้งนี้ ตนต้องการให้คนร้ายมามอบตัว และว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงอยากให้มือปืนเข้ามาขอขมาศพ เพื่อที่วิญญาณลูกจะได้ไปสู่สุขติ
อย่างไรก็ตาม
นายปรีชา เปิดเผยอีกว่า ลูกชายเพิ่งเรียนจบ ระดับ ปวส. เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งตนก็คาดหวังอนาคตลูกชายเอาไว้ว่าจะปลุกปั้นให้เป็นเจ้าของกิจการรถยก สืบทอดจากตนเอง เพื่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ตนก็รู้สึกเสียใจมาก หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดกับใคร ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตน