ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือน ในชุมชนบ้านหนองนางดำ หมู่ 5 ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กันอย่างหวาดผวา เนื่องจากมีหนุ่มคลั่งยาประจำหมู่บ้าน
ทราบชื่อนายสุรศักดิ์ สวามีชัย หรือ เสือ อายุ 39 ปี พฤติกรรมถือมีดไล่แทง ไล่ไถเงินชาวบ้านเพื่อเอาไปซื้อยาบ้า หรือแม้กระทั่งร้านค้าในชุมชนที่ถูกขู่เอาข้าวของไป ชาวบ้านบางต่างพากันหนี ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านเพราะเกรงจะได้รับอันตราย
วันที่ 25 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านดังกล่าว พูดคุยกับ นางเบญจพร จิตติชุติพร อายุ 56 ปี แม่ของหญิงสาววัย 26 ปีที่ถูกนายเสือทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ปัจจุบันกลายเป็นคนขี้ระแวง เก็บตัว มีพฤติกรรมแปลกจนครอบครัวเป็นกังวลมาก บอกว่าปกตินายเสือจะแวะเวียนเข้ามาขอเงินตนที่บ้าน แต่เป็นช่วงกลางวัน ตนก็จะให้ไปครั้งละ 50-100 บาท เพราะแม่ของเขาเป็นพี่สาวตน มองว่าเป็นญาติกัน อีกทั้งรั้วบ้านก็อยู่ใกล้กันด้วย
ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกสาวตนกลายเป็นแบบนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2559 เวลา 02.30 น. ขณะนั้นตนออกไปทำงานข้างนอก แล้วปล่อยให้ลูกสาวตนคือนางสาวเบล ปัจจุบันอายุ 26 ปี กับหลานอีก 5 คนอยู่ภายในบ้าน แล้วนายเสือปีนรั้วเข้ามาในบ้านตน แล้วเห็นลูกสาว จึงตะโกนถามว่า "พี่จะมาขอเงินไปซื้อเหล้า พี่ไม่ได้เอาไปเล่นยานะ" แต่ลูกสาวตนบอกไปว่า "ไม่มีเงิน แม่ไม่อยู่ แม่ไปทำงาน" แล้วนายเสือก็กระโดดข้ามรั้วกลับไป
ผ่านไปสัก 10 นาที นายเสือปีนรั้วกลับมาพร้อมกับมีดตะขอ 1 ด้าม แล้วก็เข้ามาทุบประตูกระจกบ้านจนแตก จากนั้นก็เข้าไปในบ้าน ทำให้ลูกสาวตนตกใจจึงรีบวิ่งเข้าห้องนอน มีเด็กหญิงวัย 3 เดือนซึ่งเป็นลูกของนางสาวเบลนอนอยู่ อีกทั้งยังมีหลานของนางสาวเบล อีก 4 คนนอนอยู่ด้วย อายุ 5 เดือน, 7 ขวบ, 8 ขวบ และหลานชายอายุ 2 ขวบ ตอนนั้นนางสาวเบลพยายามปลุกหลานวัย 7 ขวบ กับ 8 ขวบมาช่วยเลื่อนตู้เสื้อผ้าเพื่อดันประตูห้องนอนไว้ แต่ก็สู้แรงไม่ไหว นายเสือเอาเก้าอี้ไม้มาทุบประตูจนพัง เอามีดครัวมาแทงตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัดจนพรุน และสามารถพังเข้ามาได้ ทำให้นางสาวเบลและหลานต้องกระโดดออกจากหน้าต่าง ลำเลียงเด็ก ๆ ออกไปจนหมด
จากนั้นนางสาวเบลก็กระเตงเด็กน้อยวัย 3 เดือนกับ 5 เดือนไป แล้วทั้งหมดก็พากันวิ่งเข้าป่าหลังบ้าน วิ่งวนรอบบ้านหลายรอบเพื่อหนีนายเสือ จนนางสาวเบลรู้สึกว่าหนีไปยังไงก็ไม่รอด เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก ๆ จึงตัดสินใจวางเด็ก 2 คนลง แล้วเดินยกมือไหว้เข้าไปหานายเสือ ก่อนจะก้มลงกราบเท้าขอชีวิต แต่นายเสือก็วิ่งไล่ฟันลูกสาวตนต่อ จนกระทั่งเวลา 03.00 น. น้องเขยตนที่อยู่บ้านใกล้กันได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงโทรแจ้งตำรวจและวิ่งมาช่วย จนโดนนายเสือฟันเข้าที่แขนซ้าย 1 ครั้ง ทำให้กระดูกแตก จนกระทั่งเวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ถึงจะมาจับกุมนายเสือไว้ได้ และถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกาย และ บุกรุกเคหะสถานยามวิกาล จำคุก 1 ปีครึ่ง
หลังจากนายเสือพ้นโทษก็ออกมาก่อเหตุในลักษณะเดิมคือถืออาวุธไล่ไถ่เงินชาวบ้าน เข้ามาเคาะประตู หน้าต่างบ้านตนเพื่อขอเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพในราคาเม็ดละ 35 บาท ราคา 3 เม็ด 100 บาท บางวันถ้าตนไม่มีให้ก็จะขู่ว่าจะฆ่าให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก จนทำให้ตนไม่สามารถออกไปทำงานข้างนอกได้ ลูกสาวมีอาการหวาดระแวง นมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ต้องคอยเฝ้าดูใกล้ชิด เช่น ชอบเปิดเพลงเสียงดัง เปิดเพลงบวงสรวงพญานาคแล้วรำ บอกกับตนว่าทำแบบนี้แล้วสนุก มีความสุข แต่บางวันก็เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร กรี๊ดเสียงดังออกมา ขังตัวเองอยู่ในห้อง เอาเงินไปฝังดิน ไม่ยอมให้ใครเข้าบ้าน
ที่ผ่านมาตนพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจโดยตลอด เพราะอยากให้คุมตัวนายเสือไปรักษาอย่างเป็นทางการในระยะยาวสักที แต่ตำรวจบอกว่ามันไม่มีเหตุเกิดขึ้นซึ่งหน้า และไม่มีผู้เสียหาย จึงไม่สามารถคุมตัวไปได้ แล้วยิ่งนายเสือเห็นว่าตนเติมเอาโครงเหล็กมาติดที่หน้าต่างและประตู จะบอกว่า "ช่วยอะไรมึงไม่ได้หรอก กูจะปีนขึ้นหลังคา ถ้ากูทะลุลงไปได้ พวกมึงก็ตายกันหมด" ยอมรับว่าคำพูดนี้ทำให้ตนรู้สึกผวาจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยาช่วยทุกวัน และต้องติดกล้องวงจรปิด นอนมองกล้องทุกคืน เป็นแบบนี้มาได้ประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว หนักไปกว่านั้น ตนไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเหมือนเดิมได้ ต้นปี 2563 นายเสือเห็นตนขับรถอยู่บนถนนในบ้าน เขาก็เข้ามาทำร้ายตนถึงในรถยนต์ เดินข้ามากระโจนใส่ พอตกเย็นตนเดินไปซื้อของ นายเสือถือมีดวิ่งไล่ตนจนตนต้องวิ่งเข้าบ้าน
ล่าสุด พ.ต.ท.ยรรยง ทองใบใหญ่ รองผกก.(สืบสวน) สภ.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของนายเสือ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะนายเสือ รอบแรกเจ้าตัวปฏิเสธบอกว่า "ไม่ได้เสพ จะตรวจทำไม" จนสุดท้ายยอมให้ตรวจปัสสาวะ พบว่าเป็นสีม่วง ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและหาแนวทางส่งไปรักษาตามอาการ หากพบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชก็จะส่งไปที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาตามขั้นตอนต่อไป
ทีมข่าวย้อนกลับไปที่บ้านของนายเสือ เจ้าตัวอยู่ที่นี่คนเดียวมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว เนื่องจากเมื่อ 10 ปีก่อน ประมาณปี 2555 ตอนที่นายเสือเสพยาและคลุ้มคลั่งแรกมีการจับภรรยาเป็นตัวประกัน แล้วจุดไฟเผาบ้านหลังนี้ไปรอบหนึ่ง จนทำให้ภรรยาต้องหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น เมื่อทีมข่าวเข้าไปด้านใน พบว่าภายในบ้านค่อนข้างรกมาก เตียงนอนมีทั้งขยะ เปลือกเมล็ดทานตะวัน ซองบุหรี่ ไฟแช็ก มีค้อนเหล็กที่ชาวบ้านคุ้นชินวางอยู่ข้างเตียง
และมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ทีมข่าวได้รับอนุญาตจากครอบให้เปิดดู พบว่ามีการเขียนบทกลอนในลักษณะคนที่อกหักไว้ 1 บท ระบุว่า "อยู่ทางนั้นสบายดีไหม อยู่กับเขาคนนั้น เขาดูแลคุณดีกว่าผมไหม เกมนี้ผมขอยอมแพ้ เพราะตอนที่มีคุณอยู่ ผมชอบทำให้คุณงอแง"
ครอบครัวคาดว่าน่าจะหลอนยา แล้วเพ้อเจ้อเขียนไปเรื่อย เพราะเห็นอยู่บ่อยครั้งที่เวลาเขาหลอนแล้วไม่ออกไปอาละวาด เขาจะนั่งร้องเพลง แล้วพูดอะไรพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว ส่วนชั้น 2 ของบ้านจะเป็นพื้นที่โล่ง เต็มไปด้วยมูลของนกและสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นมาทำรัง
นายเกษม สวามีชัย อายุ 65 ปี พ่อของนายเสือ บอกว่า ลูกชายมีคดีเยอะ เริ่มเสร็จยาเสพติดตั้งแต่ปี 2555 เริ่มต้นจากการดมกาว แล้วก็พัฒนาไปเป็นยาบ้า ก่อเหตุอาละวาดทำร้ายร่างกายชาวบ้าน จนถูกจำคุกมาแล้ว 4 รอบ
ครั้งที่ 1 ปี 2555 โดนจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกาย จำคุก 1 ปี 6 เดือน ที่ สภ.คูเมือง
ครั้งที่ 2 ปี 2559 โดนจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกาย และบุกรุกเคหะสถานยามวิกาล จำคุก 1 ปี 6 เดือน ที่ สภ.คูเมือง
ครั้งที่ 3 ต้นปี 2564 โดนจับกุมข้อหาขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ จำคุก 5 เดือน 10 วัน ที่ สภ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
ตนทนพฤติกรรมของลูกชายไม่ไหว จึงชวนภรรยาออกจากบ้านมาได้ 2 ปีแล้ว เพราะตนรำคาญที่ลูกติดยา พร่ำเพ้อพูดจาเพ้อเจ้อคนเดียวทั้งวันทั้งคืน บางวันก็หลอนหยิบมีดหยิบค้อนมาถือเหวี่ยงไปมา บอกว่ามีคนจะมาทำร้ายเขา จนทำให้ตนกับภรรยานอนไม่ได้