ความในใจสุดซึ้งของสองเพื่อนซี้ ก้อง ปิยะ - ท็อป ดารณีนุช จะคบกันไปจนตาย

24 ม.ค. 65

เข้าใจและรู้เรื่องราวของชีวิตและหัวใจของกันทุกเรื่อง สำหรับ "ก้อง ปิยะ" และ "ท็อป ดารณีนุช" ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show งานนี้สองเพื่อนซี้ที่นอกจากจะเปิดความในใจที่มอบให้แก่กันแล้ว ท็อป ดารณีนุช ยังได้เผยว่าในช่วงที่ตัดสินใจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ยากเท่ากับทำให้ลูกเข้าใจ ส่วน ก้อง ปิยะ เปิดใจหลังจากที่เจอสถานการณ์โควิด-19 เป็นเหตุ เกือบจะทำให้ตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า

s__688422

ถาม คนที่กลัวโควิดมากจนกระทั่งภาวะจิตเริ่มแบบว่าไม่ปกติสุข พี่ก้องเกือบเป็นซึมเศร้าเพราะการกลัวโควิด

ก้อง ปิยะ : มันคือโรคที่มันอุบัติใหม่ แล้วก็งงกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น งานก็หยุดหมด ครั้งที่เป็นตอนนั้นก็ยังมีจิตใจฮึดสู้อยู่เมื่อปี 2564 เดือนมีนาคมเริ่มดีขึ้น แล้วมันดีมาก อยู่ๆ โควิด-19 ระลอก 4 มาอีกแล้ว คนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเราที่เป็นลูกน้องเราบางคนนี่ก็คือมีญาติมาพัวพันคนนี้ๆ ก็เลยพัวพันหมด แล้วเราเป็นคนเครียดแทนคนอื่น อยู่บ้านก็สวดมนต์ไหว้พระ ก็เห็นรูปคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในห้องพระ ก็คิดในใจว่าท่านก็ดีเนอะ ไม่ต้องมาเจอผจญภัยกับโรคอะไรอย่างนี้ ก็นึกในใจ ครั้งแรกก็อยากไปอยู่กับท่านจังเลย คงมีความสุขเนอะ วันที่สองไป ก็รู้สึกอีก คราวนี้ก็เริ่มน้ำตาไหล เวลามองรู้สึกเศร้าๆ รู้สึกแบบอิจฉาเลยอย่างนี้ ก็เป็นแบบนี้อยู่ 3-4 วัน เสร็จปุ๊บก็โทรหาท็อปกับชุ บอกท็อปว่าฉันว่าฉันอาจจะเป็นซึมเศร้า รู้สึกว่ามันแปลกๆ อะไรอย่างนี้ เขาบอกว่าต้องระวังนะ อาการแบบนี้มันอาจจะเป็นซึมเศร้าได้ ก็เลยบอกว่าให้พยายามอัปจิตใจหน่อย หาอะไรทำหน่อย หรือว่าเราก็ต้องต่อสู้ต่อนะ อนาคตชีวิตอะไรอย่างนี้ เราก็ต้องทำต่อ เพราะเราเริ่มดีขึ้นอย่างนี้ จริงๆ ทุกอย่างอยู่ที่ใจเรานะ ถ้าใจเราสามารถที่จะมีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อแล้วฮึดสู้ต่อไม่มีอะไรทำเราได้นะคะพี่

ท็อป ดารณีนุช : เขากดดันตัวเองหลายเรื่อง แม่บ้านทุกคนจะต้องออกไปจากบ้าน ห้ามใครมาทำอะไรให้เขาทั้งสิ้น ขนาดนั้นเลยค่ะ เขาทำเองทุกอย่าง หมาก็ส่งไปให้น้องเลี้ยง ก่อนเข้าบ้านเขาจะต้องล้างรองเท้าเขามีเครื่องอบชุด เขาซื้อมาเป็นหมื่นบาทเลยนะคะ

ก้อง ปิยะ : ตอนนี้ทำเองหมดค่ะ ถูบ้าน รีดเสื้อ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ล้างห้องน้ำไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ล้างจาน คือ เพิ่งรู้ว่าเป็นแม่บ้านมันไม่สนุกเหนื่อยเหลือเกิน

ถาม พี่ก้อง กลัวขนาดนี้ไม่น่าออกไปทำงานได้เลย

ก้อง ปิยะ : ก็กักตัวอยู่บ้าน 3 เดือน

ท็อป ดารณีนุช : เราก็ไปเยี่ยมเขานะ ซื้ออะไรไปให้เขากิน แต่ไม่กล้าเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขา รู้ว่าเขากลัวเรา เราก็บอกเขาว่าเราฉีดแอลกอฮอล์แล้วแขวนไว้ ตากแดดด้วย

ก้อง ปิยะ : มีคนส่งเค้กให้กิน เค้กตากไว้ละลายไหลเลย ตายแล้ว ฉันอดกินเลย อย่าง อั๋นให้ครัวซองต์พี่มา la baguette อร่อยมากค่ะ แต่อั๋นเชื่อไหมว่าพี่ต้องตากแดดก่อน แล้วก็ฉีดแอลกอฮอล์กล่อง แล้วพี่ก็วางกล่องไว้พี่ก็เอาของอั๋นไปใส่ในกล่องอาหารพี่


ถาม แต่ถ้าเราเจอแบบนี้มันก็ดีนะพี่ แต่ถ้าแบบมันมากเกินไปมันก็บ้าได้นะพี่


ท็อป ดารณีนุช : ก็นี่ไง เขาถึงเอาทุกอย่างมารวมกัน ไหนจะกังวลเรื่องตัวเอง ไหนจะกังวลลูกน้อง ไหนจะรู้สึกว่าโรคนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเขาเลยกลายเป็นโรคซึมเศร้า

ก้อง ปิยะ : เกือบจะเป็น

s__688421

ถาม ส่วนพี่ท็อปก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่ายากที่สุดในชีวิตมาเหมือนกัน

ท็อป ดารณีนุช : ตอนที่ตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มันไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์ในช่วง 1-2 วัน มีการวางแผนเป็นปีนะคะหลักสำคัญคือลูก ใจของลูกเป็นใจที่สำคัญก่อน เหมือนเราจะดูว่าลูกโอเคไหม แต่ตัวเราเราบอกว่าไม่แล้ว เราไม่โอเคแล้ว การที่ครอบครัวมาอยู่รวมกัน แล้วคนหนึ่งที่เป็นหลัก แล้วไม่โอเค มันส่งผมกระทบถึงกันอย่างแรงแน่นอน เราวางแผนเป็นปีเลยนะว่าถ้าเกิดจะถอยออก ดูช่วงวัยของอายุว่าเราจะต้องทำให้เขาเข้าใจได้อย่างไร อีกอันคือเรามั่นคงกับตัวเราเองมากพอหรือยัง เพราะว่าเราเป็นลักษณะนิสัยเรามันเลิฟเบิร์ด หมายถึงเราจะชอบมีคู่ค่ะ แต่มันเป็นคู่ชีวิตที่มันเป็นเหมือนเฟืองที่มันไม่ลงร่องกัน มันขัดกันตลอด มันก็ไม่สามารถจะขับเคลื่อนอะไรในชีวิตได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยแบบว่าไม่เอาดีกว่า เราอาจจะคิดต่างกับเขาจนมันตามกันไม่ติด เราได้ปรับความเข้าใจกันนะคะ พี่ฉอดก็เคยคุย แต่เรารู้แล้วแหละว่าแนวความคิดเขามันไม่แล้ว มีบางอย่างที่เราก็ไม่รักมากพอในสิ่งที่เขาเป็น เพราะฉะนั้นเราก็ออกมาดีกว่า จริงๆ แล้วการที่บอกว่าเรารักใครสักคนมันไม่ได้หมายความว่าเราเห็นแต่ข้อดีค่ะ ความรักคือเราต้องทนกับข้อเสียของเขาได้ด้วยว่าเขาก็มีอะไรที่มันไม่ถูกใจเรา แต่พอมันเก็บแต้มมาเรื่อยๆ แล้วเราชั่งน้ำหนักแล้ว ไม่ทน ไม่เอาแล้ว ไม่เอาดีกว่าอยู่คนเดียวก็ได้ แต่คนที่มันจะเป็นผลพวงก็คือลูก ก็ต้องดูก่อนว่าลูกจะอย่างไร กำลังใจจากเพื่อนนี่สำคัญมากเลยนะ เพื่อนไม่ได้มายืนยันกับเราว่าคนนั้นดีหรือไม่ดี แต่เพื่อนที่ดีคือเพื่อนที่ฟังเราพูดเรื่องอะไรต่างๆ บางเรื่องเขาไม่ได้สะท้อนอะไรกลับมาที่มันเป็น เหมือนอย่างเขาให้ผัวไม่สู้กับงูจงอาง มันทำให้เราสบายใจจังเลย มันไม่ได้แบบอะไรก็ตาม ใดๆ ก็ตาม หรือเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้ต้องมานั่งวิเคราะห์ ฉันเป็นอย่างนั้นแบบนี้ แต่เราแฮปปี้ มันทำให้เรามั่นคงข้างใน มีอยู่วันหนึ่งไปญี่ปุ่นด้วยกัน คุณเจนนิดฟอร์ คิ้ม ก็ไปด้วย ลูกก็เริ่มโต สิ่งหนึ่งที่มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดคือลูกรู้แล้วแหละว่าบรรยากาศมันเป็นอย่างไร แต่ใครจะเป็นคนบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราบอกลูกว่าแม่กับพ่อไม่ค่อยอะไรนะ อย่างนี้ๆ คือในทริปนั้นมีลูกเราไป แต่พ่อเขาไม่ได้ไป เราไปกับเพื่อนเรา จู่ๆ ในวง คิ้มก็บอกถ้าพ่อกับแม่เขาหย่ากันจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อไหมคะ ว่าวันนั้นมันก็เป็นการเปิดจุกเลย ในขณะที่ทุกคนหนีตลอด เราเองก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูก ไม่กล้าไปพูดแบบนั้นตรงๆ เพียงแต่บอกให้รู้สถานการณ์ว่ามันไม่ลงล็อคกัน ลูกเขาพอจะรู้ เราจะไม่ทะเลาะกันในบ้าน แต่ก็รู้ว่านี่มามุมนั้น แล้วไปมุมนี้ หนีไม่อยากจะพูดด้วยอะไรอย่างนี้ค่ะ ลูกก็ช็อก มันอึ้งไปเลย แล้วคนหนึ่งก็ไปร้องไห้ คือเขาก็มีอะไรของเขา แล้วคนโตเขาก็เลยเริ่มคิดคือคำถามนี้มันยิ่งมาแล้ว ทำให้ทุกคนย้อนเข้ามาดูตัวเอง


ถาม พี่ตกใจไหมที่พี่คิ้มเปรี้ยงออกมา

ท็อป ดารณีนุช : ก็ตกใจ แต่ก็ดีนะเหมือนลูกเขาก็เริ่มรู้แล้วว่ามันจะต้องมีวันนี้เข้าสักวันนะ แล้วเราก็ค่อยๆ เริ่มใส่ แล้วเรารู้เลยว่าครอบครัวแตกแยก สิ่งที่เขากังวลคืออะไรความไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตใจว่าพ่อแม่รักฉันไหม สิ่งหนึ่งที่เด็กที่บ้านแตกรู้สึกแย่คือเป็นเพราะเราหรือเปล่า


ถาม เราเป็นเพื่อนกันมานาน วันนี้ได้มานั่งใน Club Friday Show ตรงนี้แล้วมีอะไรอยากบอกกันและกันบ้าง

ท็อป : หนูเดินทางในชีวิตมานะคะ ตอนนี่อายุ 54 ปี มีก้องอยู่ 30 ปี เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าในชีวิตที่เดินทาง จากการเริ่มต้นที่เริ่มเกิดมาเนี่ย ต้องบอกว่าเรามีหลายคนที่หายไปจากชีวิตเรา แต่ก้องคือเดินมากับเราตลอด ทุกข์ สุข ก็จะบอกว่าฉันไม่ทิ้งแกหรอกนะ แล้วเราก็ทำแบบนั้นจริงๆ คือจะไม่ทิ้งเขา เพราะฉะนั้นถามว่าวันหนึ่งถ้าไม่มีเขา เราก็ร้องไห้กับลูก อุ้ย !! ถ้าเป็นอะไรหรือเพื่อนอีกคนเป็นอะไร (น้ำตาคลอ) เราแย่แน่เลย เพราะว่ารักเขา เราก็พยายามจะไม่ยึดเขานะคะ แต่รู้ว่ารักเขามาก มันก็คงเป็นเหมือนชาติภพที่เราสร้างกันมา เราก็เชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนร่วมทางในชีวิตของเราไปจนกระทั่งวันหนึ่งมันจะต้องจากกันด้วยเหตุใดก็ตาม จะต้องไม่ด้วยความสัมพันธ์หรอก มันจะต้องเกิดจากธรรมชาติจากพรากไป ก็คบกันไปจนตายค่ะ

ก้อง ปิยะ : ก็เหมือนกันค่ะ อยู่กับท็อป อยู่กับเพื่อนๆ ในกลุ่มก็มีความสุขที่สุดอยู่แล้วนะคะ ชอบอย่างหนึ่งคำว่าเป็นเพื่อน เพื่อนมันไม่ได้คาดหวังจากเรา เขาจะรู้ว่าเราเป็นอย่างไร เขาจะให้อภัยเราทุกอย่าง ทุกครั้งที่เราทำอะไรไป ถ้าคำว่าเพื่อนให้อภัยกับเราได้นั่นคือเพื่อนแท้

ท็อป : เชื่อไหมมองตาก็รู้ใจแล้วอีปิยะ

ก้อง ปิยะ : คือไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว เพราะเวลาพูดมันเขินเนอะ บอกว่าฉันรักเธอ ก็เขิน

ท็อป : ฉันก็รักเธอ

s__688417

สามารถชมคลิปย้อนหลังได้ทางยูทูบ :

https://youtu.be/GYInmSutw2Q
https://youtu.be/w12ZVEUgLqY
https://youtu.be/dj9W9jFIO_s

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- เท่ห์ อุเทน เปิดหมดเปลือกทุกมุมของความรัก เคยตกหลุมรักสาวหล่อ

- แจ๊ส ชวนชื่น คือรอยยิ้มที่ยื้อให้ บอล เชิญยิ้ม ไม่จมดิ่งกับมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต!

- แตงโม นิดา เปิดใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้ เบิร์ด มาเป็นคนดูแลหัวใจ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส