เมื่อวันที่ 23 ม.ค.65 เวลา 11.00 น. ร.ต.อ.นิพนธ์ บุตรสง่า ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธปืนยิงนายธีรพงศ์พันธุ์ ฉิมคราม อายุ 56 ปี อดีตผู้สมัครนายก อบต.คลองหก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านเลขที่ 10 ม.13 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 10 ม.13 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายธีรพงศ์พันธุ์ฉิมคราม อดีตผู้สมัครนายก อบต.คลองหก พบว่าสภาพบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ติดถนนเส้นเลียบคลองหก ไม่มีรั้วรอบขอบชิด ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุอยู่หน้าบ้าน ทีมข่าวสังเกตเห็นเก้าอี้พลาสติกสีแดงในสภาพพัง เนื่องจากถูกกระสุนเจาะ นอกจากนี้ที่บริเวณประตูสีชมพู ยังมีร่องรอยกระสุนเจาะ จำนวน 9 รู
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.คลองห้า จึงได้พบกับนางสาวสิริขวัญ ฉิมคราม หรือ เบนซ์ อายุ 22 ปี ลูกสาวผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ โดยนางสาวสิริขวัญ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ่อกำลังหากระเป๋าสตางค์ จึงได้เดินออกมาที่โรงจอดรถก่อนจะเดินมาเคลียร์เอกสารที่โต๊ะหน้าบ้าน จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มาจอด เเละกำลังจะเดินออกมาดูว่าเป็นรถใคร
จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงดังขึ้น คิดว่ามีอะไรระเบิด ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงปืน ผ่านไปครู่หนึ่งตนก็ได้ยินเสียงดังขึ้นรัว ๆ จึงได้รีบวิ่งออกมาดู ก็เห็นคนร้ายกำลังจะขี่รถออกไปพอดี ก็รีบวิ่งตามไป ระหว่างที่ตนวิ่งไปก็ไปตะโกนด้วยว่า “มึงทำอะไรพ่อกูเนี้ย มึงทำอะไร ๆ” เเต่วิ่งไม่ทัน ตอนนั้นตนยอมรับว่าไม่ทันคิดอะไร ไม่คิดว่าจะต้องกลัวคนร้ายหันกลับมายิงใส่ตนด้วย ตนคิดเเค่ว่าอยากให้คนร้ายหยุดรถ เพราะว่าเขาต้องทำอะไรพ่อของตนเเน่ ๆ ตนจึงวิ่งตามไปก่อน
"พอดีมีพี่ที่รู้จักกันขับรถผ่านมาพอดี จึงเรียกบอกให้ตามให้หน่อยเขายิงพ่อหนู เเต่เขาก็ตามไม่ทัน หนูจึงได้รีบกลับมาดูพ่อ ก็พบว่าพ่อนอนอยู่ ถูกกระสุนยิงเข้าหลายจุด มีบาดแผลที่เเขนซ้าย ขาซ้าย เลือดออกเยอะ เเละมีแผลที่คอ จึงรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์โทรหารถพยาบาล เเต่โทรไม่ติด จึงตัดสินใจจะไปส่งพ่อเอง โชคดีมีคนรู้จักขับผ่านมาพอดี จึงได้ขอความช่วยเหลือ เเต่พอไปถึงหมอเอกซเรย์ ปรากฏว่ามีกระสุนฝังที่ท้องเเละเเขนของพ่อ ตอนนี้อาการของพ่อยังน่าห่วง กำลังเข้ารับการผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด" ลูกสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวให้ฟัง
ทั้งนี้ ตนเพิ่งจะได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ เพราะเมื่อเช้ายุ่งมาก ๆ ตำรวจกำลังไล่กล้องวงจรปิดเเละรวบรวมพยานหลักฐาน เเละตนก็ยังไม่สงสัยใคร เพราะพ่อทำงานหลายอย่าง ไม่รู้ว่าพ่อไปขัดผลประโยชน์กับใครหรือมีศัตรูที่ไหนบ้าง เพราะพ่อไม่ค่อยพูดเรื่องงานให้ที่บ้านฟัง พ่อเคยสมัครนายกอบต.ก็จริง เเต่ก็ไม่ได้ตำแหน่ง เเละเท่าที่ทราบบ้านของตนไม่เคยถูกข่มขู่ เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งเเรกที่พ่อถูกทำร้าย
นางสาวสิริขวัญ ยังเปิดเผยอีกว่า ตนยอมรับว่ากลัวคืนนี้คนร้ายอาจจะกลับมา เเต่อีกใจก็คิดว่าเขาคงไม่กลับมา เพราะตอนนี้ข่าวก็ออกไปเยอะเเล้ว เขาน่าจะกำลังหลบหนีมากกว่า ตนจึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะตนอยากรู้สาเหตุที่คนร้ายทำลงไปและต้องการอะไรกันเเน่ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างอุกอาจและเกินกว่าเหตุ
ทีมข่าวได้พบกับนางสาวสัตกมล ตาทอง อายุ 46 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.00 น. ตนกำลังล้างรถจักรยานยนต์อยู่หน้าบ้าน ก็เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ เลยมาทางบ้านของตน ก่อนจะวนรถกลับไปที่บ้านของผู้บาดเจ็บ ในตอนเเรกตนไม่ทันได้เอะใจ คิดว่าเขาคงจะลืมของจึงได้วนรถกลับไปเช่นนั้น จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงดัง 3 ครั้ง คิดว่าเป็นเสียงประทัด แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูก็เห็นว่าคนร้ายถืออาวุธปืน ยิงเข้าไปในบ้านของผู้บาดเจ็บ เเต่ตนไม่เห็นว่ายิงถูกใครหรือไม่ เพราะมีกำเเพงบ้านบังอยู่
ในขณะนั้นตนกลัวมากว่าคนร้ายอาจจะหันมาเห็น เเละยิงใส่ตน จึงได้วิ่งเข้าไปหลบข้างในบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนรัวอีกหลายนัด ก่อนที่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจะขี่ออกไป เเละได้ยินเสียงนางสาวสิริขวัญ ลูกสาวของคนเจ็บ วิ่งตะโกนไล่ตามหลังคนร้าย ร้องขอให้คนช่วย จากนั้นตนได้วิ่งมาดูที่บ้านที่เกิดเหตุ ก็พบผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือด เเต่ยังมีสติพูดได้ เเต่เริ่มขยับตัวไม่ค่อยได้ ตนจึงช่วยถอดรองเท้า พร้อมกับบอกให้ใจเย็น ๆ เเละเรียกให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ มาช่วย ซึ่งสภาพของผู้บาดเจ็บตอนนั้นมีบาดแผลบริเวณคอด้านซ้ายเเละที่คาง
ถึงแม้ตนจะย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ละแวกดังกล่าวได้ประมาณ 7-8 ปีเเล้ว แต่ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพื่อนบ้านมากนัก เท่าที่ทราบนายธีรพงศ์เป็นคนนิสัยดี เวลาเจอกันก็ยิ้มทักทายตามปกติ เเละไม่เคยเห็นมีเรื่องมีราวอะไรมาก่อน เหตุการณ์อุกอาจเช่นนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งเเรกในชุมชน ตนยอมรับว่าทำให้ตนกลัวมาก ๆ หากเมื่อเช้าคนร้ายหันมาเห็นตนก็คงถูกยิงไปด้วย
