ชายเพี้ยนไม่เกี่ยวฆ่า “ซูลุยผิว” วันหายป่าอ้อย ญาติยันอยู่วัด - เด็กไทยโดนสอบ ย้ำไม่เล่นกับพม่า (คลิป)

29 ธ.ค. 61
กรณีที่ ด.ช.ซูลุยผิว หรือ น้องต้าแง อายุ 2 ขวบ ลูกชายของแรงงานชาวเมียนมา ที่พลัดหลงเข้าไปในป่าอ้อย หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะพบร่างของน้องต้าแง นอนเสียชีวิตอยู่ห่างจากจุดที่มีคนเห็นวิ่งเล่นก่อนหายตัวประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งทางครอบครัวสงสัยปมการเสียชีวิตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนขับรถไถ วันที่ 28 ธ.ค. 61 พ่อและแม่ของ เด็กชาย ซุลุยผิว พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยคลี่คลายคดีที่ลูกเสียชีวิต  (อ่าน : พ่อแม่ "ซูลุยผิว" ร้องกองปราบฯ คลายคดีลูกตาย จ่อมอบตัวตม. หนีเข้าเมือง)
เจ้าหน้าที่ปูพรมหาหลักฐาน
ขณะที่ พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี  กล่าวว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ สภ.สระยายโสม ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งปูพรมค้นหาหลักฐานและสอบปากคำพยานอย่างละเอียด และจากการรวบรวมหลักฐานของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ ได้ข้อมูลมากพอสมควร คาดว่า คดีดังกล่าวอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้
นางผึ้ง (นามสมมติ) พี่สาวของนายฝน
ขณะที่มีข่าวว่า นายฝน ชายสติไม่ดี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ ด.ช.ซูลุยผิว หรือน้องต้าแง อายุ 2 ขวบ ที่หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดย นางผึ้ง (นามสมมติ) พี่สาวของนายฝน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุที่น้องต้าแงหายไปนั้น น้องชายตนออกไปวัดนันทวัน ซึ่งเป็นวัดในหมู่บ้าน ตั้งแต่ 06.00 น. ทั้งนี้ กิจวัตรประจำวันของน้องชาย จะออกไปวัดนันทวันทุกวันตั้งแต่เช้า แล้วจะใช้เวลาอยู่กับพระในวัดเสียส่วนใหญ่ แล้วจึงจะกลับเข้าบ้านมาตอนเย็น น้องชายตนไม่มีทางที่จะเข้าไปในไร่อ้อยเด็ดขาด เพราะเขาไม่มีนิสัยที่จะชอบไปไร่อ้อย ชอบไปแต่วัด แล้วจะคอยไปหาเงินด้วยการบีบนวดให้กับคนในวัด นางผึ้ง กล่าวต่อว่า นิสัยของนายฝนนั้นจะชอบไปเที่ยววัดกับตลาดนัด แต่ไม่ชอบไปดงอ้อย เพราะเวลาไปดงอ้อยไม่ได้เงินเหมือนกับไปขอเงินคนที่วัด
พงหญ้า จุดพบศพเด็กชายซูลุยผิว (แฟ้มภาพ)
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายฝนสามารถพาตำรวจไปชี้จุดที่พบศพได้ถูกต้องนั้น ตนไม่แน่ใจว่าจริงเท็จอย่างไร แต่นายฝนเป็นคนสติไม่สมประกอบ หากใครมาชี้นำหรือบอกเขาก่อน เขาก็จะจำแล้วชี้ตามหรือพูดตามเขา ขณะนี้ตนรู้สึกแปลกใจที่เจ้าหน้าที่สงสัยน้องชายตน เพราะน้องตนเป็นคนสติไม่สมประกอบ หากใครพูดอะไรจะพูดตามเขา ตนจึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปทำร้ายใคร ขณะเดียวกัน เรื่องที่น้องชายตนตกเป็นผู้ต้องสงสัย ทำให้ครอบครัวตนเดือดร้อนมาก แม่ตนมีอาการความดันขึ้น และก็เป็นลม เพราะเครียดจากกระแสข่าว ตนเป็นห่วงแม่กับพ่อที่ต้องไปสอบปากคำ อายุเขาก็เยอะกันแล้ว ส่วนน้องชายก็มีโรคประจำตัวเป็นลมชัก และสติไม่สมประกอบตั้งแต่เกิด จึงไม่น่าจะทำอะไรใครได้ ส่วนครอบครัวของน้องต้าแง ตนขอให้เขายุติเรื่องนี้ได้แล้ว น้องชายตนไม่มีทางทำแบบนั้นอย่างแน่นอน
วัดนันทวัน
ต่อมา ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดนันทวัน ซึ่งเป็นวัดที่พี่สาวนายฝนระบุว่า นายฝนแวะเข้ามาในวันเกิดเหตุ จากการสอบถามกับ พระลูกวัดภายในวัดนันทวัน ให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุนายฝนมาที่วัดตั้งแต่ช่วงเช้า แล้วอยู่ภายในวัดตลอดทั้งวัน แม้จะมีออกไปซื้อน้ำอัดลมหน้าวัดบ้าง แต่ก็ออกไปไม่เกิน 10 นาที ก็กลับเข้ามา ช่วงกลางวันยังนั่งทานอาหารที่วัด และกลับออกจากวัดไปช่วงเย็น 17.00 น. จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายฝนจะเข้าไปในไร่อ้อย
นางแอ๊ว สร้อยทอง แม่ค้าขายของชำ
ด้าน นางแอ๊ว สร้อยทอง แม่ค้าขายของชำ ระบุว่า ในวันเกิดเหตุตรงกับวันปฏิบัติธรรมปริวาสกรรมของพระสงฆ์ ทำให้ที่วัดมีการทำบุญแต่เช้า พบว่า นายฝนแวะมาที่วัดในวันดังกล่าว อีกทั้งยังมาแวะซื้อน้ำอัดลมที่ร้านของตนอยู่เลย ตอนช่วง 06.00 น. ทั้งนี้ ตนคาดว่านายฝนอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน และไม่เชื่อว่านายฝนจะออกจากวัดไปไร่อ้อย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยไปไร่อ้อย รวมถึงไร่อ้อยที่จุดเกิดเหตุด้วย นอกจากนี้ นิสัยใจคอของนายฝนเป็นคนที่หากมีใครพูดอะไรก็จะพูดตามเขา ซึ่งตนคาดว่าการที่นายฝนสามารถชี้จุดที่พบศพเด็กได้ อาจเป็นเพราะนายฝนอาจจะปั่นจักรยานตามชาวบ้านที่ไปมุงดูศพของเด็กชายไป แต่เขาไม่รู้มาก่อนว่าเกิดเหตุเด็กหายในไร่อ้อย เพราะเขาอยู่แต่ในวัด
นายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังเดินทางมาพูดคุยกับ นายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้ เพราะรู้สึกเสียเวลา อีกทั้งยังทำให้ตนขาดรายได้ และไม่ได้ไปทำงานเกือบ 10 วันแล้ว ที่ดินของตนซึ่งวางแผนเตรียมปลูกอ้อย แต่ก็ไม่ทันได้ปลูก เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน
โพสต์จากเฟซบุ๊กของนายอนันต์ชัย
ส่วนกรณีที่นายอนันต์ชัย ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพราะรู้สึกเห็นใจตนนั้น ตนขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง แต่อยากให้เรื่องถึงที่สุดก่อน หากถึงที่สุดแล้ว มีประเด็นใดที่ต้องการขอความช่วยเหลือ ตนก็จะติดต่อทนายความไป ซึ่งหากผลการชันสูตรรอบที่ 3 ออกมา แล้วพ่อแม่ของเด็กรับความจริงได้ ไม่มาพาดพิงหรือตั้งข้อสงสัยกับตนอีก ตนก็อาจไม่ไปฟ้องร้องใด ๆ แต่หากยังมีการพาดพิงให้ตนได้รับความเสียหายอีก ตนก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย นายสมาน กล่าวอีกว่า ตนรู้จักนายฝน ผู้ถูกกล่าวหาอีกรายหนึ่ง เพราะเป็นคนในหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งตนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องต้าแง เพราะแม้ว่าจะสติไม่ดี แต่ก็เป็นคนอารมณ์ดี ตนยืนยันว่านายฝนมีนิสัยไม่ชอบไปในที่รก ๆ อย่างป่าอ้อย แต่จะชอบไปเที่ยวที่มีคนเยอะ ๆ มากกว่า อย่าง วัด หรือ ตลาดนัด อีกทั้งตนไม่เคยเห็นเขาเป็นคนกิริยาก้าวร้าวด้วย ซึ่งหากวันนี้นายฝนต้องตกเป็นผู้สงสัยแทนตน ตนยอมตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวเสียจะยังดีเสียกว่า เพราะเขาเป็นคนน่าสงสาร นายฝนก็สติไม่ปกติคงจะไม่สามารถต่อสู้ได้เหมือนกับคนปกติ ทำให้ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม หากเรื่องคลี่คลายแล้ว ผลชันสูตรยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ ตนก็อยากให้ครอบครัวของน้องต้าแงมาขอโทษครอบครัวตนเหมือนกัน เพราะเขาพาดพิงถึงตนและรถไถของตน รวมถึงต้องการให้นายจ้างมาขอโทษตนด้วย
นางขิม (นามสมมติ) แม่ของเด็กชายวัย 6 ขวบ
จากนั้น ที่แคมป์คนงาน บริเวณ ต.หนองบ่อ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พบว่า นางขิม (นามสมมติ) แม่ของเด็กชายวัย 6 ขวบ เปิดเผยว่า ปกติลูกชายตนไม่เคยเล่นกับกลุ่มของน้องต้าแงเลย เพราะตนทำงานที่แปลงอ้อยคนละแปลงกับครอบครัวของน้องต้าแง ทั้งนี้ เมื่อตนสอบถามกับลูกชาย เขาก็บอกว่าไม่เห็นน้องต้าแง แล้วก็ไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน เพราะน้องต้าแงเป็นครอบครัวของชาวเมียนมา ลูกตนเป็นคนไทย ทำให้มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกัน นางขิม ระบุว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ ตนกับลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามว่าเคยเห็นครอบครัวของน้องต้าแงหรือไม่ ตนเองกับลูกชายก็บอกว่าไม่เคยเห็น แม้แต่ตอนที่เขาหายตัวไป ตนก็เพิ่งมาทราบ อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงผู้ปกครองที่นำลูกมาทำงานด้วยว่า หากอยู่ในไร่อ้อยก็ต้องคอยมองดูลูกประจำ เวลาไปตัดอ้อยไกลๆ ต้องคอยเรียกชื่อให้เขาเดินตามมาด้วย ซึ่งเด็กวัยนี้จะต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา
นางสาวฟ้า (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ
ขณะที่ด้านของแรงงานชาวไทยอีกราย คือ นางสาวฟ้า (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งเป็นทีมงานตัดอ้อยในวันเดียวกัน ระบุว่า วันเกิดเหตุ ตนพาลูกสาวไปเล่นที่ไร่เหมือนกัน แต่ตนทำงานอยู่แปลงด้านหน้า แล้วครอบครัวชาวพม่าอยู่แปลงด้านหลัง ซึ่งครอบครัวของน้องต้าแง ตนเพิ่งจะเคยเห็นก็ในวันเกิดเหตุ ส่วนน้องต้าแง ตนไม่ทันได้สังเกตว่าเขาพาลูกมาด้วย ทั้งนี้ เวลาตนทำงานก็จะเรียกชื่อให้ลูกสาวติดตามตนไปด้วย ฉะนั้น ลูกตนจึงไม่ได้เข้าไปเล่นกับน้องต้าแงเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับลูกตนพูดคนละภาษา ทำให้ไม่เคยให้ลูกไปเล่นกับครอบครัวชาวเมียนมา สำหรับรถของเล่นที่เป็นรถไถสีส้มนั้น ตนก็ชี้แจงว่าบ้านตนไม่มีของเล่นเหล่านี้ เพราะลูกตนเป็นผู้หญิง จึงไม่ค่อยได้เล่นรถตักเท่าไหร่ ตนจึงยืนยันว่ารถของเล่นในที่เกิดเหตุไม่ใช่ของเล่นของลูกตน ช่วงที่ผ่านมาตำรวจก็มาสอบถามกับตนและลูกสาว ทำให้เกิดความเครียดบ้าง แต่ตนก็ยืนยันไปว่าไม่รู้เรื่อง แล้วลูกสาวก็ไม่เห็นเหตุการณ์

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ