4 รปภ.ลาออกถูกกระทืบคาบริษัท เจ้าของปัดสั่งสกรัม เจอลูกค้าแฉเลี้ยงขี้ยา (คลิป)

20 ม.ค. 65

จากกรณีเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 3" ได้ลงเรื่องราว รปภ.4 คน ถูกทำร้ายร่างกายจนเกิดร่องฟกช้ำทั่วร่างกาย เนื่องจากเดินทางไปรับเงินเดือนจากบริษัท เพราะลาออกด่วน โดยไปพร้อมกัน 4 คน ทางบริษัทก็ให้เข้าไปในห้อง และปิดห้อง ก่อนที่ชายฉกรรจ์ 7-8 คนจะรุมกะทืบนั้น

903627

วันที่ 20 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีไปยัง สน.หัวหมาก ผู้เสียหายทั้ง 4 คน เข้าสอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก

157473247745335953672685

นายอนัตชัย ปิยะธีรวัฒน์ อายุ 32 ปี ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเองเป็น รปภ.ของบริษัทเเห่งหนึ่ง ย่านรามคำเเหง ทำงานรักษาความปลอดภัยให้กับหมู่บ้านจัดสรรเเห่งหนึ่ง ต่อมาทราบว่าหมู่บ้านเเห่งนี้กำลังจะยกเลิกสัญญากับบริษัทเก่า จะจ้างบริษัทใหม่มารักษาความปลอดภัยเเทน ตนเองพร้อมเพื่อน 4 คน จึงยื่นใบลาออกจากบริษัทเก่า เมื่อเดือนธันวาคม 2564 เป็นการลาออกล่วงหน้า 1 เดือนตามกฎของบริษัท ไปสมัครทำงานบริษัทใหม่ เพื่อให้ได้ทำงานรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้านเดิม เพราะรู้สึกผูกพันกันหมู่บ้านนี้

482273

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว 18 มกราคม 2565 เวลา 11.30 น. ตนเองพร้อมด้วยเพื่อน 4 คน เดินทางไปยังบริษัทเก่า เพื่อรับเงินค่าจ้างงวดสุดท้าย จำนวน 9,000 บาท เนื่องจากบริษัทนัดรับในวันดังกล่าว เมื่อไปถึงมีเจ้าหน้าที่บอกว่าให้เข้าไปนั่งรอในห้องประชุม จะมีผู้ใหญ่ลงมาพูดคุยด้วย พวกตนจึงเข้าไปนั่งรอ ผ่านไปสักพักมีชายฉกรรจ์ 7-8 คนถือไม้กระบองเข้ามาในห้อง แต่งกายมิดชิด สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ก่อนจะปิดล็อกประตูปรี่เข้ามารุมกระทืบพวกตน ใช้ไม้กระบองทุบตี ข่มขู่ว่า "อย่าให้เห็นพวกมึงมาทำงานที่เดิมอีกนะ"

cg

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุมาจากบริษัทไม่พอใจที่พวกตนลาออก จึงได้เตรียมการวางเเผนมาทำร้ายร่างกาย ตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก เพราะที่ผ่านมาตั้งใจทำงานมาโดยตลอด เเต่บริษัทกลับมาทำเเบบนี้ จึงตัดสินใจเดินทางมาเเจ้งความ ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

657368

นายมังกรทอง บุญศรี อายุ 33 ปี ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตนทำงานอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม 81 มาประมาณ 3 ปี ค่อนข้างมีความสนิทสนมกับลูกบ้าน และเจ้าหน้าที่ภายในโครงการของบ้านเป็นอย่างดี อีกทั้งอีกที่ทำงานอย่างใกล้บ้านมาก

โดยล่าสุด ทางนิติบุคคลของหมู่บ้าน ได้มีการเปลี่ยนสัญญาบริษัทรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ตนและเพื่อนอีก 3 คน จึงตัดสินใจลาออกจากบริษัทเดิมไปสมัครบริษัทใหม่ เพื่อที่จะได้ทำงานที่เดิม ซึ่งก็ได้การลาออกอย่างถูกต้องแล้ว ทางต้นสังกัดจึงนัดให้ไปรับเงินเดือนก้อนสุดท้ายที่บริษัทวันที่ 18 มกราคม 65 มีตนเอง นายอนัตชัย, นายสนอง, นายวรวุฒิ รวม 4 คน ขับรถไปเพื่อรับเงิน มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาบอกว่าให้ไปรอที่ห้องรับรอง เป็นห้องใต้บันไดอยู่ภายในอาคาร ตนนั่งรอนานกว่า 30 นาที

จากนั้นก็มีชายฉกรรจ์ 7-8 คน แต่งกายสวมชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปกปิดใบหน้า เข้ามารุมทำร้ายร่างกายทั้ง 4 คน ตนได้ยิน 1 ในผู้ก่อเหตุพูดว่า "อย่าให้กูเห็นมึงไปยืนทำงานอยู่ที่เดิมนะ" หลังจากนั้นกลุ่มคนก่อเหตุก็ออกไป แล้วตนก็พากันเดินออกมารับเงินข้างนอก จากเดิมต้องได้รับ 9,000 บาท แต่ได้รับจริงแค่ 5,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นการหักเงินค่าออกก่อนกำหนด และค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนอาการบาดเจ็บ ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณเบ้าตาซ้าย หลัง แขนขา ฟกช้ำ ซึ่งอาการบาดเจ็บดีขึ้นตามลำดับ

ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเรื่องการหักเงิน แต่ติดใจเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย มองว่าให้เงินก็จบแล้ว ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้ โดยเชื่อว่าที่ถูกทำร้ายอาจเป็นเพราะต้นสังกัดไม่พอใจที่ตนออกจากงาน แล้วไปอยู่อีกบริษัท ส่วนตัวอยากให้เจ้าที่ตำรวจดำเนินคดีสูงสุด ให้สืบหาคนก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนทางบริษัทก็ขอให้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเกิดในพื้นที่ของคุณจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้

197243

นายสนอง น้องศรี อายุ 60 ปี ผู้บาดเจ็บ ยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ตนอายุ 60 ปี ยังไม่เว้น ถูกรุมกระทืบและใช้ไม้ตะบองตี ได้รับบาดเจ็บ ส่วนตัวรู้สึกกลัวเพราะชายฉกรรจ์ผู้ก่อเหตุพูดว่า "อย่าให้ไปเห็นว่ายืนเป็น รปภ. ที่หมู่บ้านเดิมอีก" ซึ่งตนก็จำเป็นต้องทำงานอาชีพนี้ต่อไป เพราะอายุมากแล้ว ทั้งยังห่างจากบ้านแค่ 2 กิโลเมตร มองว่าน่าจะให้เงินก็จบแล้ว ไม่เห็นต้องทำความรุนแรงกันแบบนี้

สภาพจิตใจของคนก็ย่ำแย่ ลูกสาวก็เป็นห่วง ตนก็กังวลใจว่าหลังจากนี้จะมีอันตรายหรือไม่ ตนไม่อยากให้มีการรังแกกันอีก จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับตนและพวกด้วย ขอให้จับคนก่อเหตุได้ไว ๆ

287298

ด้านนายมนูญ ทองทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด ยอมรับว่า ในวันที่ 18 มกราคม 65 ที่ผ่านมา เกิดเหตุทำร้ายร่างกายจริงภายในบริษัท รายละเอียดตนเองได้รับรายงานจากลูกน้องว่าเป็นวันที่นัดหมายอดีตพนักงานมารับเงินค่าจ้าง ซึ่งวันดังกล่าว กลุ่ม รปภ. ผู้บาดเจ็บ มีเรื่องกระทบกระทั่งกับ รปภ. ที่มารับเงินด้วยกัน ก่อนที่จะมีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมหมวกกันน็อกขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทำร้ายร่างกายภายในห้องรับแขก ไม่ใช่ห้องรับรอง ซึ่งพนักงานหรือบุคคลภายนอกสามารถเข้ามาในห้องรับแขกนี้ได้ เนื่องจากบริษัทไม่มีความลับ เว้นแต่การเข้าพบผู้บริหารบางกรณีเท่านั้น

ภายในบริษัทมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพได้ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ชำรุดมานานแล้ว บางตัวก็เป็นกล้องติดหลอก ส่วนสังคมจะมองว่าเป็นคำแก้ตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมอง และมองว่าสังคมได้ตัดสินไปแล้ว เรื่องของชายฉกรรย์ที่เข้ามาทำร้ายร่างกายอดีต รปภ.ของบริษัทของตนนั้น ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายของบริษัทพิจารณาในเรื่องดำเนินคดีผู้บุกรุก และตรวจเช็กความเสียหายแล้ว

ส่วนจะมีการตั้งรางวัลนำจับหรือไม่นั้น มองว่าไม่ใช่หน้าที่ของบริษัท ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยจากการสอบถามลูกน้อง ตนมั่นว่าชายฉกรรจ์ไม่ใช่คนของบริษัทตัวเอง เนื่องจากได้ยินบางคนเล่าว่าเห็นเป็นชายไว้ผมยาวเลยหมวกกันน็อกออกมา คาดว่าน่าจะมีปัญหากันมาก่อนหน้านี้ และตามเข้ามารุมทำร้าย ส่วนประเด็นเรื่องเป็นผู้มีอิทธิพล หรือมีข้าราชการมีสีให้การสนับสนุน ชี้แจงว่าเป็นการกล่าวหา รวมทั้งประเด็นที่บอกว่าเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเกิดจากการที่กลุ่มผู้บาดเจ็บย้ายไปทำงานบริษัท รปภ. อื่นนั้น ขอชี้แจงว่า อาชีพรปภ. มีการเปลี่ยนงานเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเหตุผลที่ต้องหาคนไปรุมกระทืบอดีตลูกน้องตัวเอง

508184

นางสาวลำดวล (นามสมมติ) นิติส่วนบุคคลหมู่บ้าน ย่านเพชรเกษม เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนบริษัท รปภ. เพราะบริษัทดังกล่าวไม่ค่อยมีการคัดคน บางครั้งเอาคนมาทำแทน ก็มีแต่พนักงานฉี่ม่วง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีลูกบ้านพบอุปกรณ์เสพยาเสพติดในสโมสรหมู่บ้าน ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็น รปภ. ที่มาแทนชั่วคราว ทำให้ลูกบ้านไม่พอใจ รวมถึงฝ่ายบริหารเองก็ไม่ยอม จึงมีการร่วมลงมติหารือกับลูกบ้าน มติเอกฉันท์ให้เปลี่ยนบริษัทรักษาความปลอดภัย

ส่วนการที่ รปภ. ทั้ง 4 คนไปสมัครงานใหม่นั้น เป็นความประสงค์ของทั้ง 4 คน ซึ่งทางนิติเองก็เห็นว่าทั้ง 4 คน เป็นรปภ.ที่ประพฤติดีเยี่ยม ลูกบ้านไว้วางใจ และอยู่ทำงานมาจนคุ้นชินกับลูกบ้านทั้งหมู่บ้าน ทางนิติจึงอยากได้ทั้ง 4 คนมาทำงานด้วยกันเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ หลายคนก็รู้จักชื่อเสียงบริษัทนี้ดีว่ามีทั้งตำรวจ และทนายความเกี่ยวข้องกับบริษัท แต่ก็ขอให้เป็นหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจับคนก่อเหตุให้ได้ ตนขอให้ความยุติธรรมจากสื่อมวลชนช่วยนำเสนอ เนื่องจากลำพังชีวิตพวกเขาก็ลำบากกันมากพอแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส