เด็ก 3 ขวบกลับลำอีก! เห็นคนจูงซูลุยผิว แม่รับ "รองเท้า" ของลูก - ก๊วนพม่าไม่มีใครหนี อึ้งของเล่นเด็กใกล้ศพคล้ายกับที่บ้าน (คลิป)

28 ธ.ค. 61
จากกรณีที่ ด.ช.ซูลุยผิว (น้องต้าแง) อายุ 2 ขวบ ลูกชายของแรงงานเมียนมา ที่เดินหลงเข้าไปในป่าอ้อย หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แล้วหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนระดมกำลังกันออกค้นเป็นเวลานานถึง 9 วัน จนกระทั่งเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ได้พบ ร่างของน้องซูลุยผิว นอนเสียชีวิตอยู่ห่างจากจุดที่มีคนเห็นวิ่งเล่นก่อนหายตัว ประมาณ 5 กิโลเมตร โดยจุดที่พบอยู่ใกล้กับร่องน้ำ มีหญ้าขึ้นปกคลุม ล่าสุดครอบครัวไม่เชื่อในผลชันสูตรพลิกศพ จึงส่งร่างของน้องผ่ารอบที่ 3 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นั้น
นางเพียว ชาวเมียนมา คนงานตัดอ้อยที่อยู่อาศัยมาเกือบ 20 ปีแล้ว
วันที่ 28 ธ.ค. 61 นางเพียว ชาวเมียนมา คนงานตัดอ้อยที่อยู่อาศัยมาเกือบ 20 ปีแล้ว เปิดเผยว่า ตนเป็นหนึ่งในคนตัดอ้อยในวันเกิดเหตุ (17 ธ.ค.) ในวันดังกล่าว เด็กหญิงวัย 3 ขวบ วิ่งร้องไห้ออกมา พยายามบอกว่า “น้องไปทางนั้น” พร้อมกับชี้มือไปทางไร่อ้อย ซึ่งอยู่แปลงฝั่งตรงข้ามกับไร่อ้อยที่ตัดอยู่ โดยทันทีที่ผู้ใหญ่ทราบว่าน้องหายตัวไปก็พาไปดู ตรงสี่แยกแล้วพยายามสอบถามน้องผู้หญิงชาวเมียนมาว่า น้องไปไหน เด็กหญิงคนดังกล่าวก็ชี้ไปทางไร่อ้อยเดิมอีกครั้ง และพยายามบอกว่ามีน้าผู้ชายจูงมือน้องไป แต่เมื่อถามว่ามีพาหนะอะไรรับไปหรือไม่ เด็กก็บอกว่าไม่รู้  และไม่ได้พูดหรือชี้ไปทางรถไถแต่อย่างใด โดย นางเพียว บอกอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ต่อให้คนงานตัดอ้อยไม่ว่าชาวไทยหรือชาวเมียนมาพาลูก พาเด็กไปวิ่งเล่นที่ป่าอ้อย ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์พลัดหลง ทั้งนี้ มีคนงานตัดอ้อยทั้งหมด 35 คน มีเด็ก มี 4 คน คือ น้องซูลุยผิววัย 2 ขวบ น้องผู้หญิงชาวเมียนมา 3 ขวบ และลูกคนงานอีสานอีก 2 คน ซึ่งในวันดังกล่าวครอบครัวน้องซูลุยผิว และครอบครัวเด็กผู้หญิงเมียนมา มาเล่นที่ไร่อ้อยเท่านั้น ซึ่งหลังเกิดเหตุจนถึงวันนี้ คนงานไทยอีสานและคนงานชาวเมียนมา ก็อยู่ครบทุกคน ไม่มีใครหายไปไหนทั้งสิ้น
นายมิล่วย ตาของเด็กชายซูลุยผิว
ในขณะที่ นายมิล่วย ตาของเด็กชายซูลุยผิว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนกำลังตัดอ้อยอยู่ จึงไม่ได้สังเกตว่าหลานหายไปเมื่อไหร่ เนื่องจากไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้เจอหน้าหลานชายและกลายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน โดยวันที่หลานวิ่งเล่นอยู่นั้น อยู่ค่อนข้างไกลจากจุดที่ตนยืนตัดอ้อยมากพอสมควร ซึ่งในระหว่างที่ตนกำลังตัดอ้อยอยู่ พ่อแม่ของน้องซูลุยผิวปล่อยให้น้องวิ่งเล่นตามร่องอ้อย โดยขณะวิ่งเล่น มีเพียงน้องซูลุยผิวและเด็กหญิงชาวเมียนมาวัย 3 ขวบเท่านั้น ส่วนลูกคนงานชาวไทยอีก 2 คน ไม่ได้มาวิ่งเล่นด้วย โดยส่วนตัวแล้วนั้น ตนไม่ได้มุ่งประเด็นใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจน จึงไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ส่วนเรื่องของคนขับรถไถนั้น ตนยังไม่สามารถระบุได้เป็นการฆาตกรรม เนื่องจากไม่เห็นกับตา จึงยังไม่ได้ปักใจเชื่อ นอกจากนี้ นายมิล่วย ให้ข้อมูลอีกว่า เด็กผู้หญิง 3 ขวบ ไม่ได้พูดเรื่องรถใด ๆ บอกแค่ว่าจับมือ หลังจากนี้ก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินตามขั้นตอนต่อไป
ห้องแถวที่พักของชาวเมียนมา
จากนั้นทีมข่าวเดินสำรวจดูบริเวณรอบแคมป์คนงาน พบว่าด้านหลังห้องแถวที่พักของชาวเมียนมา เป็นห้องแถวของแรงงานคนไทยซึ่งพักอาศัยรวมกัน และจากการพูดคุยกับคนไทยที่ไปตัดอ้อย พบว่าไม่มีใครทราบเรื่องว่าน้องหายไปเมื่อไร หรืออย่างไร แต่ทราบอีกทีคือขณะที่พ่อแม่ชาวเมียนมาขอให้ช่วยตามหาลูก
ของเล่นที่พบภายในบ้านพักคนงาน
เปรียบเทียบของเล่นที่พบใกล้ศพของเด็กชายซูลุยผิว และรถของเล่นที่พบบริเวณห้องพักคนงาน
ในขณะเดียวกัน ทีมข่าวเดินสำรวจบริเวณรอบ ๆ พื้นที่บ้านของนายจ้างและโรงซ่อมรถ ซึ่งอยู่ใกล้เคียง พบว่า มีของเล่น ซึ่งเป็น “รถตักดินสีส้ม” มีลักษณะและสีใกล้เคียงกับของเล่นที่จุดพบศพน้อง แต่จากการสอบถาม ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเป็นของเล่นเด็กบ้านใด นายปรเมศ อินทรชุมนุม เรื่องระยะทางที่เด็กหายไป และสถานที่พบศพที่อยู่ห่างกันถึง 2 กิโลเมตรนั้น เป็นเรื่องชวนคาใจ ส่วนมุมมองของตนนั้น คาดว่าเป็นเด็กเล่นกันแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นเองหรือไม่ และหลังเกิดเหตุก็ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกว่าจะทราบว่าเด็กหายไปไหนก็ใช้เวลาไปเป็นอาทิตย์ ร่องรอยต่าง ๆ ที่ระบุว่าเคยมีเด็กเล่นกันอาจหายไป เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเด็กคนอื่นบ้างแล้วหรือยัง เรื่องดังกล่าวนี้ก็น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถเป็นไปได้หลายทาง และยังไม่สามารถสรุปอะไรได้อย่างชัดเจน
รองเท้าที่พบในสถานที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดมาว่า พ่อแม่ของเด็กผู้เสียชีวิตรับว่า รองเท้าที่พบในที่เกิดเหตุเป็นรองเท้าของเด็ก แต่ของเล่นยืนยันว่าไม่ใช่ของเด็กชายซูลุยผิวอย่างแน่นอน และขณะนี้ครอบครัวชาวเมียนมาและเด็กหญิงวัยสามขวบ ได้เดินทางไปทำงานที่จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ