กรณีการเสียชีวิตของนายมิเชล ชัยโรจน์ พูพาร์ต หรือ ไมเคิล พูพาร์ต อดีตพระเอกรุ่นใหญ่ลูกครึ่งชาวไทย-เบลเยียม ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.65 นายคุณศุภกร โคมีนิค วาสนารุ่งกิจ น้องชายผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาติดต่อขอรับร่างพี่ชายที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
เวลาประมาณ 13.00 น. ญาติ ๆ ได้มีการเคลื่อนย้ายร่างของ ไมเคิล พูพาร์ต ออกจากสถาบันนิติเวชวิทยา ไปประกอบพิธีอันเชิญดวงวิญญาณที่บ้าน ก่อนจะเดินทางไปยังวัดสาครสุ่นประชาสรรค์ ศาลา 9 เพื่อบำเพ็ญกุศลเป็นลำดับต่อไป โดยกำหนดสวดอภิธรรมศพนั้น จะจัดขึ้นทั้งสิ้น 3 วัน ในวันนี้ (17 มกราคม 65) เวลา 16.00 น. จะพิธีรดน้ำศพ และสวดอภิธรรมในเวลา 19.00 น. กำหนดการฌาปนกิจจะจัดขึ้นในวันที่ 19 มกราคม 65
"อ้อม - ศุภกร โคมีนิค วาสนารุ่งกิจ" อายุ 51 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้พี่ชายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่อาศัยอยู่กับแฟนที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาแฟนได้บอกให้พี่ไมเคิล ลงมารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ รักษาอยู่ประมาณ 4-5 เดือน ส่วนในวันเกิดเหตุตนคาดว่า น่าจะประมาณเที่ยงคืน พี่ไมเคิลเดินขึ้นไปนอนบนห้องพร้อมกับคุณแม่ แต่เช้าวันถัดมาไม่เห็นพี่ชายลงมา ตนเลยตัดสินใจขึ้นไปดู ก็พบพี่ชายนอนนิ่งคล้ายคนหลับ แต่พบอาวุธปืนอยู่ที่มือข้างขวา โดยปกติแล้วตนไม่เคยเห็นมีชายเล่นปืน หรือมีปืนไว้ในครอบครอง จึงไม่ทราบว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของใคร วินาทีที่เห็นศพพี่ชาย ตนทั้งช็อกและร้องไห้ เพราะพี่ชายเป็นคนดีมาก ๆ
ขณะที่ "อั๋น - โอลิเวอร์ พูพาร์ต" น้องชายคนสุดท้อง กล่าวว่า พี่ชายตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ 2 ปีกว่า ๆ เมื่ออาการเริ่มป่วยหนักมากขึ้น ครอบครัวก็ตัดสินใจให้มารักษาที่กรุงเทพ โดยมีคุณแม่เป็นผู้ดูแล พาไปโรงพยาบาล ทั้งนี้ ครอบครัวไม่ได้ติดใจถึงสาเหตุของการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าต้นเหตุการจากไปครั้งนี้มาจากหลายสาเหตุ แต่หากจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตคู่ ก็คงจะไม่ใช่ความจริง เพราะหนึ่งในนั้นก็คือปัญหาครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วหากแฟนของพี่ชายฟังอยู่ ก็ขอให้มาลาพี่ไม่เคิลเป็นครั้งสุดท้าย ครอบครัวก็ไม่ได้ปิดกั้น
"พี่ชายเป็นคนสงบ เงียบ ๆ ครับ เขารักสันโดด ไปใช้ชีวิตอยู่เชียงใหม่ ไม่คิดจะกลับเข้าวงการ ผมในฐานะน้องเห็นพี่ชายชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีเมตตา คำพูดพี่ชายมีเยอะมาก ๆ และอาการซึมเศร้าไม่ใช่อาการชั่ววูบ แต่เป็นมาสักพัก ผมก็คอยพูดคุยให้กำลังใจ ซึ่งพี่ชายก็ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง บางครั้งมักจะพูดเล่นสั่งเสียไว้อยู่บ่อย ๆ ผมก็บอกว่าให้คิดถึงแม่ ไม่เพียงเท่านั้นพี่ชายเคยสั่งเสียถึงขั้นว่า อยากให้จัดงานศพแค่วันเดียว ผมก็รู้สึกดีใจนะที่ยังมีคนรักและคิดถึงพี่ชาย ตอนนี้พี่ชายไปแบบหมดห่วงแล้ว เขาสั่งเสียไว้เรียบร้อย ส่วนลูกสาวบุญธรรม" น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ “เอ็ม” หรือคุณแพรน้ำฝน พินิวัตร์ อดีตแฟนสาวที่คบหากันมา 20 ปี ก่อนเลิกรากันไป กล่าวว่า อารมณ์ของพี่ไมเคิลช่วงหลัง ๆ มักจะมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตนบอกให้กลับไปหาแม่เพื่อรักษาที่กรุงเทพฯ เพราะก่อนหน้านี้ 3 ปี ก็เคยทะเลาะกันบ่อย ลูกสาวของตนก็อยู่ในเหตุการณ์เสมอ ตอนแรกคิดว่าอาการป่วยของพี่ไมเคิลจะหายใน 2 ปี แต่ก็ยังไม่หาย เขาไปรักษาตัวอยู่กับแม่เขาได้ไม่นานก็แอบกลับมาที่เชียงใหม่ เป็นแบบนี้อยู่ 3 รอบ เพราะเขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งสาเหตุการป่วยก็ไม่แน่ชัด เพราะตนอยู่ด้วยกันมา 20 ปี เขาไม่มีท่าทีว่าจะป่วย แต่เขาเพิ่งมาป่วยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
หากถามตนว่าพี่ไมเคิล มีสัญญาณของการฆ่าตัวตายหรือไม่ ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเขา ก็เคยบ่นว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากฆ่าตัวตาย ตนก็สงสัยว่าอยู่ด้วยกันปกติ แต่จู่ ๆ มาคิดแบบนี้ ตนก็ไม่รู้ด้วยว่าอาการของโรคนี้เป็นอย่างไร ระยะเวลา 8 ปีที่อยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ ก็ไม่เคยห่างกัน แต่หลังจากนั้นเมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เลิกกัน ซึ่งเขาเป็นคนบอกเลิก ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจขับรถกลับเชียงใหม่ 2 คนแม่ลูก และหมาอีก 1 ตัว ทุก ๆ เหตุการณ์ลูกสาวของตนก็อยู่ด้วย รวมถึงวันที่ถูกบอกเลิก นับเวลาวันบอกเลิกเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว แต่หลัง ๆ เขาก็จะขอกลับมาอยู่ด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ทั้งนี้ครั้งล่าสุดที่ทำให้พวกตนเลิกกัน จริง ๆ ตนไม่อยากพูด เพราะอยากให้เกียรติผู้ที่เสียชีวิต เพราะไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อเขาบอกเลิกตนก็ออกมา แต่วันที่ออกมาจากกัน เขาก็โทรศัพท์มาหาเสมอ ตนก็จะรับสายบ้างเพราะต้องทำงาน แต่หลัง ๆ มานี้เขามักจะพูดไม่รู้เรื่อง แต่ตนก็คุยกับเขา เพราะเขาบอกว่าอยากได้กำลังใจ แต่หากจะขนของย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตนก็ไม่กลับไปแล้ว เพราะเลิกกันแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ตอนนี้ตนทำงานและทำบริษัท รวมถึงจะต้องดูลูก ไหนจะเรื่องขนของย้ายไปมาอีก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายคนคิดว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ไมเคิลคิดสั้น ตนอยากจะบอกสังคมว่า เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ และเราทั้ง 2 คนก็อยู่ด้วยกันมา 20 ปีแล้ว ตนก็รักเขามาก ๆ จึงอยากให้สังคมให้เกียรติผู้เสียชีวิต และอยากให้มีวิจารณญาณในการเสพข่าวสาร ไม่มีใครรู้ดีเท่าตนและพี่ไมเคิล จากที่สังคมมองว่าตนเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจมาก ๆ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวพี่ไมเคิลกับตนก็ดี ไปมาหาสู่กันตลอด
"ก่อนที่เขาจะตัดสินใจปลิดชีพ เขาพยายามจะโทรมาลา โดยได้โทรหาป้าเพื่อให้ป้ามาบอกต่อ เพราะเราไม่ได้รับโทรศัพท์เขาเลย คำพูดที่เขาลาคือ หากเขาเป็นอะไรไป ให้ทำบุญให้เขาด้วย เราก็ตอบไปว่าอย่าทำแบบนั้นนะ อีกไปกี่วันเรากับลูกก็จะกลับไปกรุงเทพแล้ว จะไปหาในฐานะพี่น้อง ก่อนวันที่เขาจะเสียชีวิต เย็นวันที่ 15 ม.ค.65 เขาก็โทรมาคุยกันถึงประมาณ 4 ทุ่ม เขาก็อาละวาดขึ้น ต่อจากนั้นเขาก็ส่งคลิปเสียงมาเป็น 10 เสียง ช่วงเวลา 5 ทุ่มจะเที่ยงคืนเขาก็ส่งคลิปเสียงมาเป็นคลิปสุดท้าย" คุณแพรน้ำฝน กล่าวให้ฟัง
