สังเวย 2 ศพ! ผัวโหดรัว 4 นัดปลิดชีพคู่เมีย แม่รับเสพยาหลอนเคยขู่ตายตามสาว

17 ม.ค. 65

วันที่ 16 มกราคม 2565 เวลา 21.30 น. ขณะที่ ร.ต.อ.ไพบูลย์ ไชยสิทธิ์กุล รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุสามีใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงภรรยา ก่อนยิงตัวเองตายตาม เหตุเกิดบริเวณโรงจอดรถใต้ถุนบ้าน ม.13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

627453

ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนมุงดูกันจำนวนมาก ทราบชื่อผู้ตายคือ นายพานทอง แสนลำ หรือ มุ้ย อายุ 34 ปี สามี และเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงหันหลังชนกับนางสาวอารยา ผิวแดง หรือ เวย์ อายุ 26 ปี ภรรยา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณท้ายทอย 2 นัด หัวไหล่ด้านซ้าย 1 นัดกระสุนฝังในเลือดไหลนองพื้น ส่วนนายพานทอง สามี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณขมับด้านขวา 1 นัด กระสุนทะลุออกขมับด้านซ้ายมันสมองกระจาย

881972

โดยศพนายพานทอง สามี นอนทับอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติกไทยประดิษฐ์  ลำกล้องขนาด 9 มม. สีเงิน ที่ใช้ยิงภรรยาและตัวเองเสียชีวิตอยู่ข้างรถกระบะ โตโยต้า สีบรอนซ์ ใกล้กับศพพบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 มม. ตกอยู่พื้น 4 ปลอก ลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิง 4 นัด และในรังเพลิงอีก 1 นัด รวม 9 นัด

261447166258

นอกจากนี้ พบยาบ้าตกกระจายอยู่บนพื้น 18 เม็ด ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของนายพานทอง สามี พบถุงพลาสติกบรรจุยาบ้าอีก 58 เม็ด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย

275781374370

ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิด จากบ้านหลังที่อยู่ติดกันกับหลังที่เกิดเหตุ ช่วงแรกเห็นครอบครัวของนางสาวจุฬารัตน์ เพื่อนบ้าน ได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด จากนั้นก็มีเสียงหมาเห่า อีกช่วยในคลิปจะเห็นเพื่อนบ้านไปชะโงกดูบ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนจะมีเสียงปืนดังอีก 1 นัด เห็นนางดารา แม่ของนายพานทอง ผู้ก่อเหตุ เดินตะโกนเรียกให้ครอบครัวเพื่อนบ้านช่วยแจ้งตำรวจ

558771

วันที่ 17 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ม.13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จุดเกิดเหตุพบคราบเลือดของผู้เสียชีวิตติดตามพื้นปูน

967897

ส่วนศพของนายพานทอง ผู้เสียชีวิต ตั้งอยู่ใน้ถุนบ้านหลังเกิดเหตุ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางดารา หลักกอ อายุ 57 ปี แม่ของนายพานทอง ผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้จุดธูป และเคาะโลงศพบอกกล่าวลูกชายว่าให้ไปสบาย ไม่ต้องห่วงครอบครัว

162211

นางดารา เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. นายพานทอง ลูกชายของตัวเอง และนางสาวอารยา ผิวแดง ลูกสะไภ้ ไปทานข้าวเย็นที่บ้านภรรยา กระทั่งลูกชายตัวเองได้มีปากเสียงทะเลาะกันกับลูกสะใภ้ เนื่องจากเกิดอาการหึงหวงภรรยา เวลา 20.00 น. นายพานทองขับรถกระบะมาบ้านคนเดียว ลูกชายก็พยายามโทรศัพท์หาภรรยาอยู่เรื่อย ๆ

กระทั่งเวลา 21.00 น. ญาติของนางสาวอารยาได้มาส่งอารยาที่บ้านของตัวเอง แล้วนายพานทองก็ได้เข้าไปหาเรื่องอารยา พร้อมกับพูดว่า "กูไม่ปล่อยให้มึง ไปเอาผัวใหม่หรอก ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน" จากนั้นอารยาจึงบอกว่า "ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว" แล้วอารยาก็จะเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของญาติเพื่อกลับบ้านอีกหลัง นายพานทองไปดึงแขนภรรยาเข้ามา แล้วจ่อปืนยิงภรรยาจำนวน 3 นัด นัดแรกนางสาวอารยาก็ร้อง "โอ้ย" เสียงดัง กระทั่งนัดที่ 2 และ 3 ตัวเองก็เห็นฝ่ายหญิงล้มลงไปนอนหมดสติแล้ว

cg

หลังจากก่อเหตุยิงภรรยาเสร็จแล้ว นายพานทองได้ยืนแล้วก้มหน้าไปมองร่างภรรยา ใช้ปืนจ่อเข้ายิงที่ขมับ 2 นัดแรก ลูกชายยิงและกระสุนปืนไม่ออก กระทั่งนัดที่ 3 กระสุนถึงออก ลูกชายล้มลงไปนอนข้างนางสาวอารยา ตัวเองและญาติตะโกนห้ามนายพานทองว่า "อย่าทำ อย่าทำ" แต่เขาก็ไม่ฟัง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองคิดว่าสาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง นายพานทองหึงหวงภรรยาเขาเป็นอย่างมาก แล้วด้วยความที่ฝ่ายหญิงเด็กกว่า จึงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้

174481

ระยะ 3 วันก่อนเกิดเหตุมานี้ นางสาวอารยาจะไม่ค่อยกลับมานอนที่บ้านกับลูกชาย ลูกชายชอบมาระบายให้ตัวเองฟังบ่อย ๆ ว่า "จะฆ่าภรรยาแล้วฆ่าตัวตายตาม" สำหรับอาวุธปืนที่ลูกชายใช้ก่อเหตุ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหน เพราะตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน

เรื่องแปลกคือช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ นายพานทองมากอดและหอมตัวเอง พร้อมกับพูดเป็นลางว่า "แม่ไม่ต้องห่วงผมนะ ผมจะทำให้แม่สบาย ผมจะไม่ยอมไปคนเดียว" ตัวเองจึงถามลูกว่าทำไม่พูดอย่างนั้น แล้วก็เตือนอย่าให้ลูกไปฆ่าใครอีก เพราะปี 2552 ที่ผ่านมา ลูกชายก็เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นมาแล้ว สำหรับลูกชายและภรรยาคบหากันได้ 3 เดือน ที่ผ่านมาตัวเองก็ไม่เคยเห็นนางสาวอารยามีชู้แต่อย่างใด คิดว่าลูกชายคงเสพยาเสพติดจนหลอน และระแวงว่าภรรยาจะมีชายอื่น

364018

เวลา 14.00 น. ครอบครัวได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพนายพานทอง ฝ่ายชายที่เสียชีวิต ที่สำนักสงฆ์วิเวกเวฬุวันดงน้อย จ.อุดรธานี บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

259219

หลังจากเผาศพนายพานทองเสร็จแล้ว ครอบครัวได้เชิญนายรำไพร หลักกอ หมอธรรม มาทำพิธีสูตรถอดถอนวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ โดยหมอธรรมรำไพร ได้นำก้อนหินมา 7 ก้อน ก่อนนำไปวางที่จุดพบศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 แล้วมีการใช้ปากกาเมจิก เขียนอักษรธรรม อักษรขอมลงบนก้อนหิน แล้วก็ทำการท่องคาถาเป็นภาษาขอมพอม่อง นำก้อนหินที่ทำพิธีไปเขวี้ยงทิ้งที่ถนนหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อปลดปล่อยวิญญาณผู้ตาย เป็นอันเสร็จพิธี

916347

หลังจากทำพิธีเสร็จ นายรำไพร หมอธรรม กล่าวว่า สำหรับพิธีสูตรถอดถอนวิญญาณ ให้วิญญาณผู้ตายไปสู่สุคติ ไม่น้องมายึดติด หรือวนเวียนอยู่ที่จุดเกิดเหตุ ตามความเชื่อของชาวอีสาน โดยตอนทำพิธีตัวเองก็ได้เขียนอักษรธรรม และอักษรขอมลงในก้อนหิน 7 ก้อน ท่องคาถาเรียกวิญญาณผู้ตายเข้าในก้อนหิน แล้วก็นำก้อนหินจำนวน 7 ก้อน มาทิ้งที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อเป็นการปลดปล่อยวิญญาณ

835952

นางดารา หลักกอ อายุ 57 ปี แม่ของนายพานทอง ผู้เสียชีวิต เปิดกล่องลับให้ทีมข่าวดู มีกระดาษบันทึกที่นายพานทองเขียนบันทึกความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ แผ่นที่ 1 เป็นข้อความจดหมายลาของนายพานทอง บันทึกเมื่อ วันที่ 16 มกราคม 2565 มีข้อความด้วยลายมือนายพานทองระบุว่า "เป็นวันที่ไม่อยากตื่นจากความฝัน มาเผชิญความเป็นจริง เขาอยู่ด้วยกันแต่เราอยู่คนเดียว ทั้งที่เรายังเป็นสามีภรรยากัน แต่งงานกันได้ 2 เดือน 9 วัน วันที่ไม่อยากตื่น ก็มาจนได้ เราหนีความเป็นจริงไม่ได้ เราต้องยอมรับมัน เป็นวันที่เจ็บปวดและเสียใจ เพื่อนเขามาพูดให้เราฟัง ใต้แสงเดือนที่ดีกว่าตอนกลางวัน เป็นวันที่ใจสลาย มันเจ็บเจียนตาย ฆ่าให้ตายดีกว่ามาพูดเยาะเย้ยกัน จะจำวันที่ทรมานนี้ไปจนตาย"

แผ่นที่ 2 ข้อความจดหมายลา ของนายพานทองเขียนด้วยลายมือนายพานทองว่า "พานทอง อารยา ตรงที่เราได้ซ้อนรถด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน อาบน้ำด้วยกันเป็นวันที่เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 15/1/65 วันเสาร์แต่ในวันนี้อ้ายบ่มีเจ้า วันที่อ้ายปล่อยมือ น้องเวย์ ทั้งที่อ้ายยังฮัก เจ้าหลายยิ่งนับวัน ยิ่งเพิ่มมากขึ้น"

แผ่นที่ 3 ข้อความจดหมายลาของนายพานทอง เขียนว่า "บ้านพานทอง แสนลำ แม่ มุ้ย ย่า น้องเวย์ แต่ก็คงจะได้เป็นแค่ย่าน้องเวย์
คงไม่ได้เป็นย่าของหลาน และแผ่นสุดท้ายเป็นข้อความในบันทึกของ น.ส.อารยา (เวย์) เขียนระบุว่า "จะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีพี่ขอบคุณมาก ๆ จากใจแฟนเก่าคนที่รักพี่มากพี่มุ้ยของน้องเว รักเธอตลอดไป พานทอง (หัวใจ) อารยาน้องเว รัก พี่มุ้ย รักพี่หนวดนะ อารยา แสนลำ 7/11/64 จะจำจนวันตาย" โดยจดหมายทั้งหมด ครอบครัวของนายพานทอง ได้นำไปเผาทิ้งพร้อมกับศพนายพานทอง ในพิธีฌาปนกิจเมื่อช่วงเวลา 14.00 น. วันนี้

772810

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังงานศพของนางสาวอารยา อยู่ห่างจากบ้านของนายพานทองประมาณ 500 เมตร บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

797344

นางนางหนูไกร ผิวแดง อายุ 64 ปี แม่ของนางสาวอารยา ผู้เสียชีวิต บอกว่า เมื่อวานนี้ก่อนจะเกิดเหตุ นายพานทอง ลูกเขย เขาก็ได้มากินข้าวที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับทำลาบเนื้อวัว พากันกิน อนนั้นลูกเขยและลูกสาวก็ยังไม่ได้ทะเลาะกันแต่อย่างใด หลังทานข้าวเสร็จ นายพานทอง ลูกเขย ได้ขับรถกระบะกลับบ้าน แล้วเขาก็โทรมาหาลูกสาว โดยมีปากเสียงกับลูกสาวทางโทรศัพท์ ซึ่งคาดว่าเขาน้าจะหึงหวงลูกสาว จากเรื่องของเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 มีญาติของตัวเองมาเยี่ยมเยือนตัวเองที่บ้าน ซึ่งญาติคนดังกล่าวเป็นผู้ชาย แล้วเขาก็มีการเรียกนางสาวอารยา ลูกสาวตัวเองไปดื่มเบียร์กับเขาด้วย พอนายพานทองเห็นเหตุการณ์ เขาจึงหวงหวงภรรยากับญาติ

กระทั่งเวลา 21.00 น. ลูกสาวจึงให้ญาติผู้หญิงขับรถไปส่งที่บ้านสามี เพื่อจะไปเคลียร์กับสามี กระทั่งไปถูกสามีก่อเหตุยิงจนเสียชีวิต ตัวเองขออโหสิกรรมให้กับนายพานทอง เพราะว่าเขาก็ได้ตายไปแล้ว ตัวเองไม่รู้จะไปเอาผิดกับใคร ให้เรื่องทุกอย่างจบเพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้ 3 วัน ลูกสาวตัวเองได้มาระบายให้ตัวเองฟังว่า เขาอยากไปทำงานที่อื่น ไม่อยากอยู่บ้าน เพราะนายพานทองพูดกับลูกสาวว่า "มึงจะไปทำงานที่อื่นมึงก็ตาย อยู่มี่นี่มึงก็ตาย" ตัวเองก็ไม่คิดว่าเหตุจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

เมื่อวานนี้ตัวเองยังเห็นอีกาบินผ่านหลังคาบ้านตัวเอง ตัวเองยังพูดว่า "บินเข้าไปอีกาเอ๋ย ดูซิว่าจะตายกี่ศพ" โดยไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุกับลูกสาวตัวเอง สำหรับนางสาวอารยา ลูกสาวตัวเอง ร่าเริง เป็นคนนิสัยดี ชอบแสดงรำไทย ตัวเองขอยืนยันว่าลูกสาวตัวเองไม่ได้มีชู้ คิดว่านายพานทองเขาหลอนคิดหึงหวงไปเอง

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส