หนุ่มใหญ่ดวงดับ ถูกกองขี้เลื่อยไหลลงมาทับ ขาดอากาศหายใจ ดับคาท้ายรถ

12 ม.ค. 65

หนุ่มใหญ่วัย 50 ดวงดับ ถูกกองขี้เลื่อยหลังรถสิบล้อไหลลงมาทับ ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต

เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 12 มกราคม 2565 พ.ต.ต.ตรีเนตร นันทกรพิทักษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายถูกกองขี้เลื่อยทับเสียชีวิตภายในโรงไม้ ต.กิตติชัยพานิช อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการเดินทางเข้าตรวจสอบ

1641970388201

ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานแปรรูปไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่บริเวณด้านหลังโรงงานซึ่งเป็นโรงเก็บขี้เลื่อยได้พบร่างของนายพูลศักดิ์ ไม่ทราบนานสกุล อายุประมาณ 50 ปีนอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นด้านหน้าโรงเก็บขี้เลื่อยดังกล่าวในสภาพเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยขี้เลื่อนไม้ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด โดยในโรงเก็บขี้เลื่อยยังมีรถบรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน่สีเหลือง ทะเบียน 67-3282 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ที่กระบะท้ายบรรทุกขี้เลื่อยอยู่เต็มคันจึงได้มอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาสมุทรปราการ

1641970321119

จากการสอบถามนายกลม นันทการ อายุ 48 ปี ได้เล่าว่าตนและผู้ตายขับรถมารับขี้เลื่อยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวานนี้เพื่อที่จะนำไปส่งให้ลูกค้าในย่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ จังหวัดสมุทรสาคร โดยก่อนเกิดเหตุตนและผู้ตายได้ขึ้นไปยืนอยู่บนขอบท้ายกระบะด้านบนเพื่อคอยเกลี่ยขี้เลื่อยที่ถูกปล่อยลงมาจากท่อด้านบนให้กระจายทั่วกระบะ และก่อนเกิดเหตุขี้เลื่อยได้ออกมาตันอยู่ที่ปากท่อ ผู้เสียชีวิตจึงได้ไม้ไปกระทุ้งขี้เลื่อยที่ค้างอยู่ปากท่อ ขณะที่กำลังกระทุ้งขี้เลื่อยได้ไหลทะลักออกมาจากท่อจำนวนมากก่อนที่ลงมาทับร่างผู้เสียชีวิตจมหายลงไปในกระบะท้ายรถ ด้วยความตกในตนจึงได้ตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาช่วยกันค้นหาร่างของผู้เสียชีวิตต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงสามารถนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากกองขี้เลื่อยได้ พบว่าแน่นิ่งไปแล้วจึงได้โทรศัพท์แจ้งกู้ชีพมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการมาให้การช่วยเหลือแต่พบว่าเสียชีวิตก่อนแล้ว

1641970356906

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างที่ผู้ตายจมอยู่ในกองขี้เลื่อยที่ไหลทะลักลงมาทับร่างจนจมหายไปใต้กองขี้เลื่อยจึงทำให้ไม่มีอากาศหายใจนานกว่า 10 นาที กว่าที่เพื่อนร่วมงานจะช่วยเหลือขึ้นมาได้จึงทำให้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส