แฉยับอาสา-ตร.มั่วเปลี่ยนการบูรเป็น "ไอซ์" ตีมึนไม่ขมา แม่เหยื่อเด็ดสู้สุดใจ (คลิป)

11 ม.ค. 65

จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน กรณีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 7 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่น้องชายขับรถยนต์เก๋ง กลับบ้านย่านสมุทรปราการ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ขาออก ก่อนถึงทางเข้าซอยแบริ่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจอยู่ เรียกรถของให้จอด

215846

ซึ่งน้องชายตนได้จอดรถห่างจากด่านประมาณ 300 เมตร เพื่อแชตคุยกับเพื่อน ระหว่างนั้นได้มีอาสาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาเคาะกระจกประตูเรียก และขอตรวจค้นรถ อ้างว่าเจอยาเสพติด ทำให้น้องชายตนตกใจ จึงได้โทรศัพท์หาแม่ และพูดทำนองว่าตำรวจยัดยา และตำรวจก็จับใส่กุญแจมือตั้งแต่นั้นเลย เขาก็พยายามจะให้น้องตนไปชี้ตรงจุดที่อ้างว่าเจอยา แต่น้องตนก็ไม่ยอมไปชี้ เพราะน้องชายตนมั่นใจว่าไม่ใช่ของตัวเอง ก็เลยถูกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทำร้ายชกเข้าที่หน้าไป 2 ครั้ง และอาสาก็เข้ามาทุบที่กลางหลัง 

604826

โดยคลิปเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุที่พี่สาวของนายฮาซันบันทึกเอาไว้ คลิปแรกเป็นเหตุการณ์ที่นายฮาซันนั่งอยู่ท้ายรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเจรจาในช่วงที่ญาติไปถึง โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้อธิบายว่าเจอยาเสพติดในรถ และตรวจพบว่ามีสารเสพติดในร่างกายด้วย พร้อมระบุว่าไม่สามารถแยกสารเสพติดได้ เพราะเป็นเคตามีน ดมเข้าร่างกาย

860328

คลิปที่ 2 นางพจนีย์ แม่ของนายฮาซัน เข้าไปขอดูสารเสพติดที่พบ โดยมีการแกะซองออกมาดม พร้อมบอกว่าเป็นการบูรของตัวเองที่ใส่เอาไว้ในรถ และบอกว่าสามารถเอาไปให้ร้านขายยาพิสูจน์ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวต่อว่าในร่างกายนายฮาซัน ยังมีสารเสพติดประเภทที่ 1 ญาติจึงถามกลับว่าในตอนแรกบอกเป็นประเภทที่ 2 จึงแปลกใจ ญาติได้ขอตรวจอีกรอบ

385646

คลิปที่ 3 ตำรวจบอกว่าสามารถตรวจซ้ำได้ พร้อมอธิบายช่วงที่ลูกน้องตรวจพบซองการบูร และคลิปที่ 4 เป็นช่วงที่ตรวจฉี่รอบ 2 ซึ่งผลออกมาว่าไม่พบสารเสพติด มีตำรวจรายหนึ่งบอกว่าจะมาพูดว่าตำรวจยัดยาไม่ได้ ตำรวจซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าจึงบอกให้ผู้เสียหายขอโทษตำรวจรายดังกล่าว ผู้เสียหายจึงยกมือไหว้ขอโทษตำรวจที่ตรวจพบยาเสพติด ทั้งที่ไม่ได้มียาเสพติดอยู่จริง

296857

วันที่ 11 ม.ค. 65 นายฮาซัน รักหอม อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ม.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่ตนขับรถกลับจากบ้านแฟนย่านพระราม 4 เพื่อจะกลับบ้านย่านบางปู จ.สมุทรปราการ ขณะขับรถผ่านแยกไฟแดงแบริ่ง ถนนสุขุมวิท ตนได้จอดข้างทางเพื่อคุยโทรศัพท์

ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจ 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาข้างรถ บอกว่าขอตรวจค้นรถ ตนก็ปลดล็อกรถ และกำลังจะเดินอ้อมจากฝั่งคนขับไปฝั่งคนนั่ง อาสาตำรวจก็หยิบซองใสด้านในเป็นผงสีขาวใส ออกมาจากลิ้นชักหน้ารถ พร้อมถามตนว่า ไหนบอกว่าไม่ได้เล่นยา ด้วยความตกใจตนจึงถามกลับไปว่า "พี่ทำแบบนี้ได้ไง มายัดยาได้ไง" เพราะมั่นใจว่าซองดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง

จากนั้นอาสารายดังกล่าวได้ทุบที่ไหล่ซ้ายของตน มีอาสาอีก 3-4 คนเข้ามาสมทบ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 รายเข้ามาด้วย และจับตนใส่กุญแจมือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าสารในซองใสคือยาเค จากนั้นบอกให้ตนไปชี้ของที่พบ แต่ตนไม่ชี้เพราะไม่ใช่ของตัวเอง ตำรวจจึงพาตนขึ้นรถโดยให้นั่งฝั่งข้างคนขับ ขณะนั้นตนยังยืนยันว่ายาเสพติดที่พบไม่ใช่ของตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวจึงชกเข้าที่หน้าตน 2 ครั้ง ก่อนที่อาสาตำรวจจะเป็นคนขับรถพาตนมาที่ด่าน ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร เมื่อถึงด่านก็พาตนไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หลังจากนั้นก็แจ้งว่าพบสารเสพติด โดยไม่ให้ตนดูผลการตรวจ ตนก็โวยวายขอไปตรวจที่โรงพยาบาล และพยายามยกมือไหว้ตำรวจ แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง

859228

จากนั้น ตำรวจพาตนไปนั่งท้ายรถกระบะ และมาพูดในทำนองให้ตนรับสารภาพ กระทั่งแม่และพี่สาวของตนตามมาที่ด่าน ตำรวจก็บอกให้ครอบครัวมาเกลี้ยกล่อมให้ตนบอกว่าเอายามาจากไหน โดยแจ้งทางแม่และพี่สาวว่าตนรับสารภาพแล้ว หลังจากนั้นเกือบ 3 ชั่วโมง มีการคุยกันจนแม่เริ่มเอะใจว่าสารที่พบอาจจะเป็นการบูรที่ซื้อมาใส่รถเอาไว้ จึงขอตำรวจดูของกลาง จากนั้นแม่ก็เปิดซองออกมาดม และยืนยันว่าเป็นการบูร

781892

ตำรวจบอกว่าแม้ในซองจะไม่ใช่ยาเสพติด แต่ก็ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายถือว่ามีความผิด พี่สาวของตนจึงขอตรวจซ้ำอีกรอบ ตำรวจก็พาไปตรวจรอบที่ 2 ผลออกมาไม่พบสารเสพติด ตำรวจไม่ได้ขอโทษตนแม้แต่คำเดียว ตำรวจที่เป็นหัวหน้ายังพูดกับตนให้ขอโทษตำรวจอีกคน ซึ่งเป็นคนที่ตบหน้าตน เพราะตนไปกล่าวหาว่ายัดยา ทำให้ตำรวจเสียศักดิ์ศรี ตนก็ยกมือไหว้ขอโทษไป

108390

จากนั้น ตนก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพร้อมกับแม่ เพื่อจะเอาหลักฐานไปแจ้งความกลับตำรวจฐานทำร้ายร่างกาย เมื่อได้ใบแพทย์ก็นำไปยื่นที่ สภ.สำโรงเหนือ แต่ร้อยเวรกลับบอกว่าจะให้ตนไปเจอกับชุดจับกุม เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย และก็พูดขึ้นมาเสียงดัง
แม่ของตนจึงชวนเดินออกจากสถานีตำรวจเพื่อตัดปัญหา ระหว่างนั้นตำรวจพร้อมอาสาที่ตั้งด่านกลับมาโรงพักพอดี และเข้ามาถามตนกับแม่ ซึ่งขึ้นรถกำลังจะกลับบ้านว่าจะจบไหม ถ้าไม่จบจะแจ้งความกลับฐานหมิ่นประมาท ซึ่งตนกับแม่ก็รีบขับรถออกมาด้วยความกลัว

216427

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจต้องขอโทษตน แต่กลับไม่มีการขอโทษออกมา หนำซ้ำตรวจพบสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นสารเสพติดแต่ไม่ได้นำไปตรวจให้ละเอียด กลับมากล่าวหา ซึ่งเรื่องยาเสพติดเป็นคดีใหญ่ หากแม่และพี่สาวตนไม่ตามมา ตนก็อาจจะต้องติดคุก หนำซ้ำต้องออกจากงาน หมดอนาคต จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ดี หลังจากนี้ จะแจ้งความเอาผิดชุดจับกุมเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้ทำแบบนี้กับคนอื่นได้อีก

668979

ขณะที่กล้องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยภาพนาทีตำรวจโชว์ถุงการบูร โดยระบุว่าเป็นสารเสพติด ซึ่งนานฮาซัน ผู้เสียหาย ร้องไห้ทรุดตัวลงไป พร้อมบอกว่าโดนยัดยา และขอโทรศัพท์หาแฟนก่อน จากนั้นนายฮาซันบอกแฟนว่าถูกยัดยา ตัวเองไม่ได้เสพสารเสพติด ตำรวจจึงขอใส่กุญแจมือ และบอกว่าตำรวจมีหลักฐานมีคลิปวิดีโอบันทึกไว้ทุกอย่าง จากนั้นนายฮาซันโทรศัพท์บอกแม่ด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการถ่ายภาพรถของนายฮาซัน และขอให้นายฮาซันดูในรถ เพื่อตำรวจจะทำการตรวจค้นเพิ่ม แต่นายฮาซันปฏิเสธ

879468

ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดภายใน สภ.สำโรงเหนือ ปรากฏภาพขณะนายฮาซัน และแม่ เข้าไปที่โต๊ะร้อยเวร ก่อนจะพูดคุยกับตำรวจและลุกเดินออกไป ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่อีกชุดเข้ามาพูดคุยด้วย ก่อนที่นายฮาซันและแม่จะเดินออกจากสถานีตำรวจ

170593

พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทาง สภ.สำโรงเหนือ ได้มีการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ขอเวลาให้คณะกรรมการทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่จริง ยืนยันว่าจะต้องมีการลงโทษตามระเบียบอย่างเเน่นอน ส่วนทางด้านผู้เสียหาย ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการติดตามตัว อีกทั้งในวันนี้ ทางตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้ไปประจำการที่ ศปก.ภ.จว.สมุทรปราการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

118709

โดยที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือพบเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว สามารถเข้ามาเเจ้งความได้เลย ตนยินดีรับเรื่อง หากพบความผิดจริง ยืนยันจะต้องมีการดำเนินคดีอาญาทุกราย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือใครก็ตาม

231077

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด่านตรวจ เวลา 23.14 น. รถเก๋งของผู้เสียหายขับเข้ามาในด่านตรวจ ก่อนจะจอดริมถนน
23.15 น. รถจอด ผู้เสียหายลงจากรถโดยถูกใส่กุญแจมือ มีตำรวจ 1 นายเดินเข้าไปรับพาเดินไปที่ห้องน้ำ ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปค้นรถ กล้องมุมหน้าห้องน้ำจะเห็นภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสารวม 3 คน พาผู้เสียหายเข้าไปในห้องน้ำ

696465

เวลา 23.16 น. มีการพูดคุยกันหน้าห้องน้ำ ก่อนที่ผู้เสียหายจะเดินออกมา และทรุดตัวลงไปลักษณะคล้ายจะก้มกราบตำรวจ แต่ตำรวจยกเท้าขึ้น หลังจากนั้นตำรวจเขวี้ยงถุงการบูรใส่หน้าผู้เสียหาย ก่อนที่จะคุมตัวเดินออกไปที่ด่านตรวจ กล้องอีกมุมจับภาพช่วงเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้เสียหายออกมาพาเดินไปที่ด่าน โดยมีเจ้าหน้าที่ขับรถเก๋งของผู้เสียหายตามออกไป

477392

ด้านนางพจนีย์ อยู่เจริญ อายุ 58 ปี แม่ผู้เสียหาย เล่าว่า คืนเกิดเหตุลูกชายโทรศัพท์มาหาพร้อมบอกว่าถูกตำรวจยัดยา ตนจึงรีบเดินทางไปที่ด่านตรวจจุดเกิดเหตุทันที เมื่อไปถึงพบว่าตำรวจจับลูกชายใส่กุญแจมือ และบอกว่าตรวจพบยาเคในรถ ตนก็พยายามเข้าเจรจา เพราะมั่นใจว่าลูกชายไม่ได้ใช้สารเสพติดแน่นอน และกลัวว่าลูกชายจะต้องนอนห้องขังยาวเพราะติดเสาร์-อาทิตย์ จากนั้นเริ่มเอะใจคิดได้ว่าใส่การบูรไว้ในรถ จึงขอดูของกลาง โดยแค่เห็นซองตนก็จำได้ว่าเป็นการบูรของตัวเองที่ใส่ไว้ในรถตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อเปิดออกมาดมก็รู้ทันทีว่าเป็นการบูร

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เอาไปลองดม และบอกว่าแม้ของกลางจะไม่ใช่การบูร แต่ลูกชายก็มีสารเสพติดในร่างกาย ตนจึงขอให้ตำรวจตรวจปัสสาวะซ้ำ จากนั้นมีการตรวจซ้ำอีกรอบผลออกมาว่าลูกชายไม่มีสารเสพติด ตนก็โล่งใจ ซึ่งตนรู้ว่าลูกถูกทำร้ายร่างกาย จึงพาลูกไปตรวจร่างกายและตั้งใจจะเข้าแจ้งความ แต่เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ร้อยเวรกลับไม่รับแจ้งความ พร้อมบอกให้ตนไปเจรจากับคู่กรณี

จากนั้นตำรวจและอาสาที่จับลูกชายตนกลับเข้ามาข่มขู่จะแจ้งความกลับ ทำให้ตนไม่กล้าเข้าแจ้งความ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนสงสารลูกชายมาก ไม่คิดว่าต้องมาเจอแบบนี้ โชคดีที่ตนไปช่วยลูกได้ทัน ไม่เช่นนั้นลูกชายอาจจะหมดอนาคตกับการที่ตำรวจตรวจสอบไม่รอบคอบ หนำซ้ำทราบว่าลูกชายพยายามจะก้มลงกราบตำรวจในช่วงแรก ตนยิ่งเจ็บ ไม่คิดว่าลูกต้องทำถึงขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเองไม่ผิด

826606

รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายถึงกรณีดังกล่าวว่าการบูรกับยาไอซ์มักเป็นข้ออ้างประจำของผู้ที่พกพายาเสพติด เนื่องจากลักษณะทางกายภาพนั้นคล้ายกัน เช่น เป็นผง เป็นเกร็ด แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องนำของกลางที่ยึดได้ส่งกองพิสูจน์หลักฐาน

793045

โดยความแตกต่างของการบูรกับยาไอซ์ ตรวจสอบไพ้จากองค์ประกอบทางเคมี ซึ่งใช้เวลาตรวจไม่เกิน 30 นาที แต่หากต้องการตรวจสอบเบื้องต้นโดยไม่เข้าห้องทดลอง สามารถตรวจสอบได้จากกลิ่น โดยการบูรจะหอมช่วยบรรเทาการวิงเวียน แต่ยาไอซ์จะทำให้มึนเมากดประสาท ดังนั้น หากใครถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมการบูร ก็สามารถตรวจสอบได้ ส่วนใครที่พกพายาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส