คดีพลิก! ช่างอู่ถูกรุมตีเอารถลูกค้าไปซิ่งพัง ตีมึนปิดข่าว ซ้ำขนพวกไปป่วน (คลิป)

10 ม.ค. 65

จากกรณีวันที่ 10 ม.ค. 65 นายสุนทร บุญสุวรรณ อายุ 36 ปี และนายวันชัย พินิจมนตรี อายุ 29 ปี ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกาย สาเหตุจากการไปทวงอะไหล่รถยนต์กับกลุ่มวัยรุ่นเกิดไม่พอใจยกพวกจำนวน 9 คน มารุมกระทืบจนได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวนานกว่า 2 เดือน หมดค่าใช้จ่ายไปกว่า 2 แสนบาท แจ้งความนานเกือบจะ 3 ปี แต่คดีไม่คืบ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

901085

ภาพจากคลิปวิดีโอ นายสุนทร ผู้บาดเจ็บ คือชายสวมใส่เสื้อสีขาว ถูกกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 9 คน เดินทางเข้ามายังพื้นที่บ้านเช่า โดยนาย อิทธิพร สิงห์ทอง อายุ 30 ปี เจ้าของรถคู่กรณี เดินมาเป็นคนสุดท้าย ก่อนพยายามเดินเพื่อถามตามหานายสุนทร ผู้บาดเจ็บ เจอตัวแล้วจะได้ยินเสียงว่า "เอาแม่งเลย" ก่อนที่นายสุนทรจะพยายามวิ่งหนี แล้วถูกกลุ่มวัยรุ่น 9 คนทำร้ายร่างกาย

253377

ทีมข่าวเดินทางมายังที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวชั้นเดียว ม.3 ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง บริเวณพื้นที่หน้าห้องแถว เป็นพื้นสนามหญ้าโล่ง นายสุนทร บุญสุวรรณ อายุ 36 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเองเป็นพี่ชายของนายวันชัย พินิจมนตรี อายุ 29 ปี แฟนของผู้ทำรถเสียหาย

735105

ด้านนายอิทธิพร สิงห์ทอง หรือ บอล อายุ 30 ปี เจ้าของรถคู่กรณี ได้นำรถมาเข้าเช็กระยะที่ศูนย์รถในจังหวัดระยอง โดยนายวันชัย น้องชายตน และนางสาว แก้ม (นามสมมติ) แฟนน้องชายเป็นผู้รับรถของนายอิทธิพรมาเช็กระยะ จนกระทั่งต่อมา น.ส. แก้มกำลังนำรถไปล้างก่อนนำส่งรถคืนลูกค้า ประกอบกับขับรถออกจากโกดังโรงจอดรถ และเจอพื้นต่างระดับรถโหลดเตี้ย ทำให้ สเกิร์ตหน้ารถแตกพังเสียหาย จึงได้แจ้งกับเจ้าของรถ ตกลงคุยกันว่าจะชดเชยค่าเสียหายให้ ซื้อชิ้นส่วนให้ใหม่ แต่เจ้าของรถไม่ต้องการของใหม่ แต่ขอเรียกคืนเป็นเงินจำนวน 7,000 บาท จึงได้มายืมเงินที่ตนเองจำนวน 7,000 บาท เพื่อไปจ่ายให้กับเจ้าของรถ เมื่อโอนเงินให้นั้น น้องชายก็พูดคุยตกลงขอสเกิร์ตรถกลับคืนมา

811172

จนกระทั่งตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน น้องก็ได้ทักทวงถามขอชิ้นส่วนสเกิร์ตหน้ารถคืน เพื่อจะนำกลับไปซ่อม และขายเพื่อนำเงินมาคืนตนเอง แต่ทางนายอิทธิพร เจ้าของรถก็บ่ายเบี่ยงไม่สะดวกให้คืนของแต่อย่างใด จนวันที่ 9 มิ.ย. 62 ตนเองและน้องชายตนเอง พร้อมกับ น.ส.แก้ม เดินทางไปทวงถามขออะไหล่สเกิร์ตรถคืน แต่ทางด้านนายอิทธิพรระบุว่ารถไม่ได้อยู่กับตัวเองแฟนสาวนำรถไปใช้งาน ตนเองจึงระบุว่าเอาของมาให้ตนเองที่ห้องแถว

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 9 มิ.ย.64 ตน นั่งทานอาหารตามปกติกับน้องชาย 2 คน มีรถเบนซ์ขับเข้ามา และมี ชายกว่า 9 คน เข้ามาตามหาตนเอง หลังจากนั้นก็รุมทำร้ายร่างกายตนเอง จากนั้น รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานร่วมเดือน และออกมาพักรักษาตัวที่บ้านอีก 1 เดือน ค่ารักษาทั้งหมดเกือบ 2 แสนบาท คู่กรณีก็ไม่ได้มาชดใช้รับผิดชอบแต่อย่างใด เมื่อสอบถามตำรวจก็ยังอยู่ในกระบวนการตามชั้นศาล ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี จึงไม่รู้จะต้องทำเช่นไร อยากให้คู่กรณีออกมาชดใช้ในส่วนที่ตนเองเสียหายไป

712921

นายวันชัย พินิจมนตรี อายุ 29 ปี แฟนผู้ทำรถเสียหาย เล่าว่า ตนเองและแฟนสาวทำงานที่บริษัทรถยนต์ในระยอง เมื่อตนเองและแฟนสาวรับรถมานั้น แฟนสาวขับรถออกไปเพื่อเตรียมล้างส่งมอบให้ลูกค้า โดยรถเกิดการเฉี่ยวขูดกระแทกกับพื้นเป็นร่องรอย และแตกหักจึงแจ้งกับลูกค้า เบื้องต้นยืนยันจะชดใช้ค่าเสียหายให้โดยซื้อสเกิร์ตเปลี่ยนใหม่ให้ แต่ลูกค้าไม่ค่อยพึงพอใจ จึงสอบถามจะทำเช่นไร จึงได้ตกลงกันว่าจะให้ชดใช้เงินสด 7,000 บาท ตนเองก็ชำระเงินให้ และขอคืนของเก่าที่พังเสียหายให้ด้วย ทางด้านนายอิทธิพร เจ้าของรถ ก็ยินยอม

190428

แต่ตลอดระยะเวลาตลอด 3 เดือน ก็โดนบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เมื่อวันเกิดเหตุนายอิทธิพร เจ้าของรถและพวก นำขวดแก้ว ขวดเบียร์ปา ชกต่อยพี่ชายตนจนสลบไป แล้วทั้งหมดก็ได้แยกย้ายออกไป ส่วนตัวเองได้รับบาดเจ็บที่หัว และตามตัวฟกช้ำเล็กน้อย หลังจากเกิดเหตุ เช้าอีกวันตนเองก็มาทำงานปกติ และทางด้านนายอิทธิพล มาหาพยายามหาเรื่องตนเอง พูดคุยกับผู้จัดการเพื่อพยายามให้ตนเองและแฟนสาวลาออกจากงานให้ได้ ตนยอมรับตอนนี้กลัวกังวลความปลอดภัย จึงย้ายออกจากพื้นที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุนานแล้ว อยากให้คู่กรณีรับผิดชอบค่าเสียหายที่พี่ชายตนเองจ่ายไป

906763

ทั้งนี้ มีภาพจากกล้องหน้ารถ เห็นได้ว่ารถได้กำลังออกจากโรงจอดรถภายในลานจอดรถ ก่อนที่จะขับรถลงเนิน และรถเฉี่ยวชนกับพื้นต่างระดับ ก่อนจะมีพนักงานจอดรถและลงมาดูร่องรอยความเสียหาย

302665

ด้านนายบอล อายุ 30 ปี เจ้าของรถ ระบุว่า ในวันที่ 19 ก.ย. 61 ตนเองนำรถไปเช็กระยะ เช็กเบรก โดยทางด้าน น.ส.แก้ม รับรถไป และขับรถทำให้สเกิร์ตหน้ารถพังห้อยแตกเสียหาย อีกทั้งทางด้าน น.ส.แก้ม และ นายวันชัย ก็ไม่ยอมรับ และพูดบ่ายเบี่ยง บอกว่ารถยังไม่ได้รับการตรวจเช็ก จึงให้รับรถกลับไปก่อน จนกระทั่งตนเองรับรถกลับไปรับประทานข้าว เมื่อขับรถได้ย้อนมาระหว่างขับรถจึงลงมาดู เห็นว่าสเกิร์ตหน้าแตก จึงครูดกับถนนเกิดเป็นเสียง จึงได้กลับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

157582

ตนทราบแล้วเนื่องจากเปิดดูกล้องในรถก่อนมาถาม โดยทางด้าน ทั้งสองคน น.ส.แก้ม และ นายวันชัย ไม่ยอมรับ จึงต้องเปิดกล้องให้ดู จึงจะยอมรับ และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่เดิมราคาสเกิร์ต ตนเองซื้อมาราคา 9,900 บาท แต่ตกลงราคากัน 7,000 บาท จึงตกลงกัน แต่ขอใส่อันเดิมก่อนก่อนไปเปลี่ยน ที่กรุงเทพฯ แล้วค่อยนำอันเก่ามาให้

โดยตลอดระยะเวลาผ่านไปนานหลายเดือน ทั้งสองคนให้พี่ชายคือนายสุนทร พยายามโทรมาพูดคุยทวงถามเอาสเกิร์ตคืน และตนเองก็ระบุบอกกลับทางด้าน น.ส.แก้มไปว่าจะนำรถไปที่ศูนย์ แต่หลัง ๆ นายสุนทรโทรมาขู่ว่า "กูรู้นะบ้านมึงอยู่ไหน รู้ว่ามากี่โมง ทำงานที่ไหน พ่อแม่ขายของที่ไหน" ตนเองรู้สึกว่าถูกคุกคาม ก็จะนำรถเข้าไปที่ศูนย์ ในวันที่ 4 มิถุนายน 62 เพื่อที่จะนำเอาสเกิร์ตไปคืน แต่ตนเองก็ติดธุระจึงไม่ได้เข้าไปที่ศูนย์ตามนัด จนเลื่อนมาเป็นวันที่ 7 มิ.ย.62 เขาก็ไม่รับนัดให้ จึงให้คู่กรณีนัดให้ แต่ก็ไม่ได้นัดตนเองจึงนัดเอง เป็นวันที่ 11-12 มิ.ย.62

แต่ทางด้านนายสุนทร และนายวันชัย และ น.ส.แก้ม เดินทางมาที่บ้านตนเองในวันที่ 9 มิ.ย.62 มาถวงถามเอาสเกิร์ตคืน แต่รถนั้นตนเองได้บอกไปว่าแฟนนำไปใช้ อีกทั้งพยายามวางท่านัดเลงใส่ตนเอง ก่อนจะกลับไปพูดว่า “มึงอย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะ“ และเบิ้ลเครื่องรถเสียงดังควันดำบริเวณพื้นหน้าบ้าน ตนเองก็โทรถามจะมาเอาไหมสเกิร์ต เขาตอบว่าไม่เอาแล้ว จากนั้น เมื่อตนเองไปที่บ้านเขาไปกับเพื่อนของน้า รวมประมาณ 9-10 คน และตนก็เห็นว่าทางฝั่งของนายสุนทรก็มีพวก 7-8 คน และพยายามเดินถามตามหานายสุนทร เมื่อเจอก็ได้มีปากเสียงกัน และทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ยอมรับว่าฝั่งตนเองเป็นคนเริ่มต่อยก่อนจริง และได้มีการต่อสู้กัน ส่วนคนที่เอาอาวุธปืนไปนั้น ไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากเป็นเพื่อน ๆ ของน้าตนเอง อาจจะเป็นหนึ่งในเพื่อนในกลุ่มของตนเอง

อีกทั้งในสำนวนตำรวจที่บอกว่าตนเองเดินเข้าไปเอาปืนตบหน้านั้น ตนเองไปตัวเปล่า ไม่ได้เอาอาวุธไป โดยส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น ยอมรับว่าต่างฝ่ายต่างทะเลาะวิวาทกันฝ่ายเขาบาดเจ็บฝ่ายตนเองก็บาดเจ็บ ต่างคนต่างแยกย้ายกันรักษาตัว แล้วเขาจะเรียกค่าเสียหายทำไม เพราะตั้งใจกันไปทะเลาะวิวาทกันทั้งคู่ ตนยืนยันตนเองจบแล้ว ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส