กรณีนางสาวพีชญาดา ตาอ้าย ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองกำแพงเพชร และนายประวิทย์ ปะนะตัง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองกำแพงเพชร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลนาบ่อคำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยชุดชรบ. ร่วมกันเดินทางเข้าตรวจสอบวัดปางขนุน หมู่ที่ 6 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเข้าพบพระครูอาภัสร์วชิรานันท์ เจ้าคณะตำบลนาบ่อคำเขต 3 เจ้าอาวาสวัดปางขนุน หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการตั้งวงดื่มสุราภายในกุฏิเจ้าอาวาส แต่จากการตรวจสอบไม่พบการดื่มสุรา พบแต่เพียงสำรับกับข้าววางอยู่บนพื้น และมีกลิ่นสุราคลุ้งทั่วกุฏิ
สอบถามในครั้งแรก พระครูอาภัสร์วชิรานันท์ ซึ่งอยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุรา ให้การปฏิเสธว่าไม่มีการดื่มสุรา แต่ยอมรับว่าฉันข้าวเย็นเท่านั้น เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงเค้นถามอย่างละเอียด สุดท้ายพระครูอาภัสร์วชิรานันท์ ยอมรับว่าดื่มสุราจริง โดยอ้างว่าดื่มเป็นครั้งคราว ในครั้งนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ มีโยมนำสุรามาถวายให้ญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว อาตมาจึงนำมาดื่มเพื่อจะส่งไปถึงคนตาย ซึ่งร่วมดื่มกับเจ้าอาวาสวัดในเขตตำบลเดียวกันอีก 2 รูป แต่ได้แยกย้ายกันไปแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบยังวัดเนินสว่าง หมู่ที่ 21 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ไปพบกับพระกฤษณะ สันตะมะโน เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ลานศิลา หมู่ที่ 25 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร กำลังจะขับรถยนต์ออกจากวัด จึงได้เรียกตรวจค้นพบสุราในขวดน้ำเปล่าอยู่ภายในรถ ซึ่งพระกฤษณะ ยอมรับสารภาพว่าเป็นของตัวเองจริง และเพิ่งจะดื่ม เพราะเครียดเรื่องผ้าป่าวัด
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้เคาะประตูกุฏิ เรียกพระแอ๊ด ฉันทมะโน เจ้าอาวาสวัดเนินสว่างอยู่นาน กว่าจะเปิดประตูออกมา เมื่อเปิดประตูออกมาพบว่าพระแอ๊ด มีลักษณะคล้ายคนเมาสุรา และมีกลิ่นสุราฟุ้ง เมื่อสอบถามพระแอ๊ด กล่าวยอมรับว่า เพิ่งจะตั้งวงดื่มสุรากันที่วัดปางขนุนจริง เพราะเห็นว่าพระกฤษณะเครียดเลยดื่มเป็นเพื่อน
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเสร็จสิ้น จึงนิมนต์พระทั้ง 3 รูปไปตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง ปรากฏว่าพระครูอาภัสร์วชิรานันท์ เจ้าคณะตำบลนาบ่อคำ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 181 มิลลิกรัม ขณะที่พระแอ๊ด ฉันทมะโน เจ้าอาวาสวัดเนินสว่าง มีปริมาณแอลกอฮอล์ 244 มิลลิกรัม ส่วนพระกฤษณะ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 83 มิลลิกรัม จึงได้นำพระทั้ง 3 รูปไปให้เจ้าคณะอำเภอเมืองกำแพงเพชร และพระวิญญาธิการสอบสวนพระวินัย
โดยทั้งหมดยอมรับว่าดื่มสุรากันจริง แต่อยากขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัว เพราะโทษทางวินัยสงฆ์เป็นปาจิตตีย์เป็นอาบัติเบาที่เปรียบด้วยลหุโทษ แต่กำนันและผู้ใหญ่บ้านไม่ยอม เนื่องจากพระทั้ง 3 รูป มักจะแอบดื่มสุราเป็นอาจิณ เมื่อการต่อลองไม่เป็นผล ในที่สุดพระสงฆ์ทั้ง 3 รูป จึงยอมลาสิกขาบท
ล่าสุดวันที่ 2 ม.ค.65 นายธวัชชัย ไทยตัน อายุ 56 ปี กำนันตำบลนาบ่อคำ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา มีชาวบ้านได้แจ้งเข้ามาว่ามีพระสงฆ์มั่วสุมนั่งดื่มสุราฉลองปีใหม่ภายในวัด เจ้าหน้าที่ปกครองจึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดปางขนุน หมู่ที่ 6 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเมื่อไปถึงพระทั้งหมดที่นั่งดื่มสุราก็ได้พากันแยกย้ายกันแล้ว อาจจะไหวตัวรู้ข่าวทันก็เลยแยกย้ายกันก่อน แต่ยังมีกับแกล้มเหลืออยู่และได้กลิ่นเหล้าคลุ้งทั่วบริเวณ
จากการสอบสวน จึงทราบว่ามีพระตั้งวงดื่มสุรากันจริง 3 รูป แต่อีก 2 รูปกลับวัดต้นสังกัดไปแล้ว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตามไปตรวจสอบอีก 2 วัด และนำพระทั้งหมดไปวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ ปรากฏว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนดทุกรูป จึงนำตัวพระทั้งหมดไปพบเจ้าคณะอำเภอ เพื่อขอให้ทำพิธีลาสิกขาบทให้ แต่พระทั้ง 3 รูปกลับขอโอกาสแก้ตัว ซึ่งชาวบ้านไม่ยอมและยืนยันว่าจะต้องสึกออกจากความเป็นพระ
นายอุดมศักดิ์ วังชม อายุ 60 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า กรณีที่พระสงฆ์ตั้งวงดื่มเหล้าภายในวัดนั้น ตนเห็นพฤติกรรมแบบนี้มาบ่อย ๆ ครั้ง ชาวบ้านก็เหลือสุดจะทนแล้ว เพราะพระที่ไปกราบไหว้ กลับเป็นพระที่ไม่ถือศีล บางครั้งพระประชุมร่วมกับชาวบ้าน ก็ยังได้กลิ่นเหล้าอีกด้วย แม้ขณะนี้ไม่มีเจ้าอาวาส ชาวบ้านก็ยังไม่คิดจะหาพระใหม่มาอยู่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะอำเภอ หากชาวบ้านไปจัดหามาเอง ก็กลัวว่าจะมีปัญหาขึ้นอีก
