ที่สุดแห่งปี 64 คดีอาชญากรรม สะเทือนขวัญ สะท้านสังคม

28 ธ.ค. 64

สรุป ที่สุด คดีอาชญากรรม สะเทือนขวัญ สะท้านสังคม ประจำปี 2564

1.วงการสีกากีสะเทือนอีกครั้ง "ผู้กำกับโจ้" พร้อมพวก เอาถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาจนขาดอากาศตาย

218919_1

เป็นคดีสะเทือนวงการสีกากี เมื่อทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้โพสต์คลิปแฉ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผู้กำกับโจ้) ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมลูกน้อง เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 2 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอม เนื่องจากจ่ายได้แค่ 1 ล้านเท่านั้น จึงถูกถุงดำคลุมหัวจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

ต่อมาผู้กำกับโจ้และลูกน้องได้แยกย้ายกันหลบหนี ก่อนที่ตำรวจจะไล่ล่าตามจับได้ทีละคน ส่วนผู้กำกับโจ้ ได้ติดต่อนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งเพื่อขอเข้ามอบตัว หลังหนีไปกบดานที่จังหวัดชลบุรี โดยเจ้าตัวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่า สิ่งที่ทำไปไม่ถูกต้อง แต่ที่ทำไปเพราะต้องการเอาข้อมูลเพื่อจะเอาผิดเรื่องยาเสพติดที่ทำลายพี่น้องประชาชนในนครสวรรค์ นอกจากนี้ผู้กำกับโจ้ยังขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อสาวคดีไปเรื่อยๆ ก็พบว่า มีเหยื่อหลายรายให้การว่าเคยถูกผู้กำกับโจ้กระทำการแบบนี้มาก่อน นอกจากนี้เมื่อไปตรวจสอบทรัพย์สินที่บ้านพักใน กทม.ก็พบว่าเจ้าตัวมีบ้านหลังใหญ่ รถหรู และทรัพย์สินอีกจำนวนมหาศาล ร่ำรวยผิดปกติ ผู้กำกับโจ้มีเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากสินบนรางวัลนำจับรถหรู และการประมูลรถหรูมากกว่า 600 ล้านบาทอีกด้วย

237505

ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้สั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และพวก 7 คน ทั้งสิ้น 4 ข้อหา ตามที่พนักงานสอบสวนส่งมาดังนี้ 1.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ 3.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย 4.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย

จากนั้นวันที่ 28 ต.ค. คณะกรรมการสอบสวนมีมติ อดีต ผกก.โจ้ และพวก 7 คน ผิดวินัยร้ายแรง ให้ไล่ออกราชการ ซึ่งล่าสุด ผู้กำกับโจ้และพวกถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม ส่วนการตัดสินคดีจะเป็นอย่างไรนั้น สังคมกำลังจับตามอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันไม่เคยเข้าข้างพวกเดียวกัน และจะทำคดีให้รัดกุม โปร่งใสที่สุด

2.เมียหลวง ใจเด็ด แต่งดำ บุกไลฟ์สดโชว์ทะเบียนสมรส กลางงานแต่งผัวตำรวจกับเจ้าสาวเบอร์สอง

227307(1)

เป็นเรื่องฮือฮากันตั้งแต่ต้นปี เมื่อ "น้องจอย" เมียหลวงยุค 5G บุกไปยังงานงานแต่งของสามีตนเองที่เป็นตำรวจกับภรรยาน้อย โดยเจ้าตัวได้งัดทะเบียนสมรสมาโชว์เป็นหลักฐาน โดยเจ้าตัวเผยว่ารู้มาตลอดว่าสามีกำลังคบหากับผู้หญิงคนอื่น แต่ตนก็พยายามเตือนและขอให้เลิก ซึ่งวันเกิดเหตุ สามีบอกจะไปเข้าเวรแต่ตนรู้สึกเอะใจ จึงตามออกไปดู แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือ เธอไม่ได้ไปคนเดียว ได้ชวนแม่สามีตามไปด้วย จนกระทั่งไปพบว่าสามีกำลังเข้าพิธีวิวาห์กับเมียน้อย แม่สามีจึงเข้าไปตบหัวลูกชายเป็นการสั่งสอน เพราะเห็นกับความถูกต้อง จนชาวเน็ตยกให้เป็น แม่สามีแห่งชาติ

จากนั้น "หมู่เปา" สามีของน้องจอย ได้ออกมาขอโทษและบอกว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนคนเดียว ส่วนเจ้าสาวเบอร์สองบอกว่า ตนรู้จักและชอบพอกับตำรวจหนุ่มมาระยะหนึ่ง ด้วยความรักที่มีให้กันตนเองจึงยอมทำในสิ่งที่รู้ตัวว่าผิดเรื่อยมาจนกระทั่งมาถึงการจัดพิธีแต่งงาน แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้วตนเองก็อยากขอโทษสังคม ขอโทษครอบครัวของทางเมียหลวง และขอโทษพ่อแม่และญาติของตนเอง

ต่อมา น้องจอย ภรรยาหลวง ได้ปรึกษาทนายเพื่อยื่นฟ้องหญิงที่แต่งงานซ้อน จำนวน 3 แสนบาท ทำให้เมียน้อยอยู่ในสภาพถูกฟ้อง แถมยังถูกร้านทองที่ทำงานอยู่ ไล่ออกจากงาน เนื่องจากมีความประพฤติที่เสื่อมเสีย ส่วนหมู่เปา โฆษกตำรวจชี้ว่า ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เรื่องนี้ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นความผิดทางวินัย มีโทษกักขัง 30 วัน

799864

แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะหลังเกิดเรื่องก็มีประชาชนและดารานักแสดง ออกมาแสดงความเห็นอยู่ #ทีมเมียหลวง พร้อมส่งกำลังใจให้เธอจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีคลินิกศัลยกรรม ได้ยื่นเรื่องมาอัพหน้าให้น้องจอยใหม่แบบฟรีๆ ให้สวยสมกับที่เป็นโสดในรอบ 16 ปี อีกด้วย ซึ่งน้องจอยก็ตอบตกลงเข้ารับการผ่าตัด จนสวยแบบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ตนจะไม่กลับไปหาสามีอีกแล้ว จะเลี้ยงลูกและทำมาหากินทำธุรกิจต่อไป ส่วนเมียน้อยนั้น ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2 แสนบาท ซึ่งน้องจอย ได้ฝากข้อความแบบแสบๆ คันๆ ปิดจ๊อบเรื่องวุ่นนี้ว่า"อยากได้ผัวพี่ เช็กเงินในบัญชีหรือยังคะ #เมียหลวง" และ "ผัวที่ดีต้องไม่ใช่ผัวชาวบ้านนะคะ รับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้นค่ะ"

3.อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง สวมชุดลายพราง บุกกราดยิงคนไข้ใน รพ.สนาม และพนักงานเซเว่น ดับ 2 ศพ

205919599_2320616958068416_49

เหตุการณ์นี้ เริ่มต้นเมื่อช่วงประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 23 มิ.ย.64 ชายคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่า นายกวิน แสงนิลกุล อายุ 23 ปี เป็นอดีตทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2562 ได้เข้าไปซื้อเบียร์ที่ร้าน 7-11 ในซอยลาดพร้าว 25 แล้วทำขวดเบียร์ตกแตก แต่จะจ่ายเงินเฉพาะขวดที่ซื้อ แต่พนักงานยืนยันว่าต้องรับผิดชอบขวดที่แตกด้วย ทำให้มีปากเสียงกัน สุดท้ายผู้ก่อเหตุก็ยอมจ่าย แต่เรื่องไม่จบแค่นี้ เมื่อเวลาราวตี 2 ผู้ก่อเหตุกลับมายัง 7-11 นี้อีกครั้ง พร้อมถามหาพนักงานชายที่มีปากเสียงกัน เมื่อเจอตัวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ควักปืนยิง 3 นัดจนพนักงานเสียชีวิต ก่อนขับรถกระบะสีขาวหลบหนีไป

จากนั้นเวลาราวตี 3 ผู้ก่อเหตุได้สวมชุดเสื้อพรางบุกไปที่โรงพยาบาลสนาม สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก่อนจะทำการยิงประตูกระจกด้านหน้าซึ่งเจ้าหน้าที่ล็อกโซ่ไว้จนแตก แล้วเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดสำหรับการดูแลผู้ป่วยโควิด บังเอิญไปพบกับคนไข้เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ผู้ก่อเหตุจึงยกปืนจ่อยิงระยะประชิดถึง 5 นัด จนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะขับรถหลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติใน จ.ระนอง ตำรวจจึงได้ยกกำลังไปปิดล้อมบ้านพักต้องสงสัย ท่ามกลางการติดตามสถานการณ์ของประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากเกรงว่านายกวินจะทำร้ายผู้อื่นอีก

1624610407990

หลังจากที่ตำรวจปิดล้อมได้ประมาณ 2 ชม. คนร้ายจึงยอมมอบตัว โดยอ้างว่าเบื่อประเทศไทยที่มีแต่ปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ยังเคยถูกทหารยศจ่าสิบเอกและรุ่นพี่ในค่ายกลั่นแกล้งและทำร้าย พร้อมเรียกร้องให้อดีตผู้บังคับบัญชา 2 คน อัดคลิปกราบขอโทษ

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งความผิด 4 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร

อย่างไรก็ตาม หลังจับคนร้ายได้ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงกระทรวงกลาโหมในการดูแลเรื่องการทำร้ายร่างกายในค่ายทหาร จนทำให้ทหารเกณฑ์ที่ถูกกดดันอย่างหนัก จนมีอาการปัญหาทางจิต แล้วมาก่อเหตุสะเทือนขวัญเช่นนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

4.มหากาพย์คดี "น้องชมพู่" ศาลมุกดาหารออกหมายจับ "ลุงพล-ป้าแต๋น"

955213

เป็นมหากาพย์ที่ยาวนาน สำหรับคดีการของ น้องชมพู่ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี และตำรวจยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมานำเนินคดีได้นั้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 64 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้อนุมัติหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ ใน 3 ข้อหา คือ 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ต่อมา อัยการจังหวัดมุกดาหารได้ยื่นฟ้องข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายไชย์พลในข้อหาความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา

titled

จากนั้นไม่นาน นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ถูกอัยการแจ้ง 2 ข้อหา ได้แก่ กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น และ "กระทำความผิดร่วมกันถือเป็นตัวการ ซึ่งทั้งคู่ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี

สถานการณ์เริ่มแย่ลงอีก เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 64 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมายืนยัน ถอนตัวทำคดีให้ ลุงพล โดยระบุว่า ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือผิดใจอะไรกัน ตนไม่ได้รับเงินเพื่อช่วยทำคดีแต่อย่างใด ทำด้วยใจล้วนๆ แต่มาถึงวันนี้ตนขอใช้เวลาไปทำคดีให้กับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า และขอให้ลุงพลและป้าแต๋นโชคดี

ต่อมามีข่าวว่า ลุงพล จะให้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง มาทำคดีให้แทน แต่สุดท้ายทนายอนันต์ชัย ปฏิเสธจะรับทำคดีให้ โดยมีกระแสข่าวว่ากลุ่มยูทูบเบอร์ที่ใกล้ชิดลุงพล ต้องการเปิดรับบริจาคมาจ่ายค่าทนาย 5 ล้าน 10 ล้าน ซึ่งตนเคยรับทำคดีทั้งแพ่งและอาญาโดยไม่คิดเงินเลย การจะจ้างตน หรือต้องการความยุติธรรมจากตนนั้น ไม่จำเป็นต้องมีเงินเสมอไป ถ้าเป็นคนดีจริง อาจไม่ต้องใช้เงินก็ได้ ขออย่าเอาชื่อเสียงตนไปทำเสียหาย ขอให้แฟนคลับลุงพลอย่าโกรธที่ตนไม่ทำคดีให้

ส่วนคดีนี้จะยืดเยื้อยาวนานไปอีกนานแค่ไหน เชื่อว่าสังคมยังคงเฝ้ารออยู่จนกว่าจะได้คำตอบ และหวังว่าน้องชมพู่จะได้รับความยุติธรรมในไม่ช้า

5.น้องจีน่า หายตัวจากบ้านไปอย่างปริศนา ประชาชนหวั่นซ้ำรอยคดี "น้องชมพู่"

917724

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ตำรวจเชียงใหม่ได้รับแจ้งว่า ด.ญ.พรศิริ วงศิลารุ่ง หรือ น้องจีน่า อายุ 1 ขวบ 8 เดือน หายตัวออกจากบ้านพักในพื้นที่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ที่ 16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในช่วงเลาประมาณ 19.00 น. ซึ่งเป็นช่วงพลบค่ำ จนท.ปูพรมค้นหาตลอดทั้งคืน ยังไร้วี่แวว ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะถูกลักพาตัวไป

ชาวบ้านแจ้งว่า พบรถต้องสงสัยเข้ามาในหมู่บ้านในวันที่น้องจีน่าหายตัวไป ต่อมาทางเจ้าของรถกระบะต้องสงสัยซึ่งขับรถมาขายที่นอนได้ออกมาแสดงตัวและแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กน้อย

ต่อมา นายเสี่ยว หรือ นายอาผะ อายุ 44 ปี ชาวเมียนมา เพื่อนของพ่อน้องจีน่า ผู้ต้องสงสัยอีกรายได้เปิดปากรับสารภาพว่าอุ้มไปปล่อยหน้าถ้ำบนดอย โดยอ้างว่ามีเจ้าป่าเจ้าเขาบอกให้อุ้มไปสังเวยผีถ้ำ จนเวลาประมาณ 12.00 น.วันที่ 8 ก.ย. ได้ปรากฏข่าวดีเมื่อมีผู้พบตัวน้องจีน่าอยู่ในกระท่อมของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปบนเขา ไม่ห่างจากบ้านของน้องจีน่ามากนัก

564000009089803

เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือรับตัว น้องจีน่า ออกมาจากกระท่อมหลังดังกล่าว กลับเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวและชาวบ้าน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัว น้องจีน่า ที่อยู่ในสภาพอ่อนเพลียอิดโรยขึ้นรถพยาบาลนำตัวส่งไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลแม่แตงและถูกส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ขณะที่ นางมาลี ปะสี อายุ 23 ปี แม่ของน้องจีน่า ที่ดีใจจนเป็นลมล้มพับได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่แตงพร้อมกัน

ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเพื่อดำเนินคดีกับ นายเสี่ยว โดยจุดที่พบตัวเป็นคนละจุดกับที่นายเสี่ยวได้ให้การไว้ก่อนหน้านี้ แต่มีเส้นทางเชื่อมโยงเดินไปถึงกันได้ ซึ่งเด็กไม่สามารถเดินไปเองได้แน่นอน ดังนั้นจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนที่จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุหรือเกี่ยวข้อง อาจมีเป็นความไปได้ว่านายอาผะ ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ​อาจมีผู้อื่นร่วมกระทำผิดด้วย โดยเบื้องต้นตรวจพบดีเอ็นเอของนายอาผะบนเสื้อของน้องจีน่า ส่วนผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องยังไม่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ตำรวจจึงควบคมตัวนายอาผะไปฝากขังที่เรือนจำเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

6."ทอยทอย" นักแสดงซีรีส์วาย เดือดจัด ใช้มีดกระหน่ำแทงแฟนสาวกว่า 20 แผล ดับคาบ้าน

233013

เป็นข่าวช็อกของวงการบันเทิง กรณี "ทอยทอย ธนภัทร ชนะกุลพิศาล" ดาราหนุ่มซีรีส์วาย อายุ 21 ปี ก่อเหตุแทงแฟนสาวเสียชีวิตในบ้านทาวน์โฮม ย่านคันนายาว โดยเจ้าตัวยืนรอมอบตัวพร้อมรับสารภาพว่า เกิดจากการทะเลาะกัน ซึ่งสภาพศพฝ่ายหญิงถูกแทงกว่า 20 แผล

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 6 ส.ค. ตำรวจ สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุแทงกันตายในบ้าน จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮม สูง 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้น 2 พบศพ น.ส.ชัชสรัญ หรือพิม อายุ 25 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียงนอน สภาพสวมชุดเดรสสีดำลายดอกไม้ มีบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกกว่า 20 แผล ส่วนผู้ก่อเหตุคือ “ทอยทอย” นักแสดงซีรีส์ “Why r u the series” เพราะรักใช่ป่าว แฟนหนุ่มของผู้ตาย ยืนรอมอบตัวเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ข้างตัวมีมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่ จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

537904

ทอยทอย ให้การว่ากำลังคบหากับผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเบียร์กันอยู่ด้านล่าง จนพอเข้านอนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องที่ตนต้องทำงานในวงการบันเทิง จากนั้นผู้ตายพูดขึ้นมาในทำนองว่าให้เก็บของออกไปจากบ้าน ตนจึงเก็บข้าวของตามที่บอก แต่ผู้ตายไม่หยุดโมโหเดินลงไปหยิบมีดที่ห้องครัวแล้วเดินขึ้นมา ตนกลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงจะเข้าไปเก็บมีด จนเกิดการยื้อแย่งมีดกันไปมาเป็นเหตุให้ผู้ตายถูกแทงเข้าที่หน้าอกหลายครั้งเสียชีวิตดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ตำรวจตั้งข้อหาหนักคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ต่อมา ทอยทอย ถูกคุมขังยังเรือนจำพิเศษมีนบุรี ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะเห็นว่าพฤติการณ์ในการกระทำเป็นเรื่องร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน หากให้ปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาต ทอยทอยจึงต้องอยู่ในเรือนจำต่อไป

7.นางงามลุกขึ้นสู้ ควงทนายเข้าแจ้งความ ถูกตากล้องข่มขืนกระทำชำเรา

821524

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2564 ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ ได้พาผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand เข้าแจ้งความ ที่ สน.ลุมพินี กรณีโดนตากล้องในกองประกวด Miss Universe Thailand ทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งทนายนิด้ารับมอบหมายจาก นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็น โกลบอล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดประกวด Miss Universe Thailand ให้เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความ

ทนายนิด้า เผยว่า ตากล้องรายนี้ กระทำอนาจารจับก้น จับหน้าอก พยายามปลุกปล้ำ เท่าที่ทราบตอนนี้ในกองมีไม่ถึง 10 คน สืบไปสืบมา มีกองอื่นอีกด้วย ที่เขาไปทำงานแล้วมีการกระทำแบบนี้ มีคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในกองด้วย ที่หนักที่สุดคือถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเรา โดยนางงามหลายๆ คนบอกว่าไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว บางคนก็เพิ่งมารู้จักตอนอยู่ในกอง โดยเรื่องนี้เกิดระหว่างการประกวด และสถานที่เกิดเหตุมีโรงแรมใน กทม. และสถานที่เก็บตัวที่ชลบุรี และเขาใหญ่ ที่มาวันนี้ 2 คนคือมาแจ้งความอนาจาร ส่วนข่มขืนได้มีแจ้งความไว้ที่ สภ.คลอง 5

496164

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังจับกุมนายธนวรรธน์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรีในความผิดฐาน"ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นด้วยประการใดๆโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้" โดยจับกุมได้ริมถนนคลองห้าตะวันตก คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริงแต่ไม่ได้ลงมือข่มขืนหญิงสาวตามที่ได้มีการกล่าวอ้าง แต่เป็นลักษณะของการพูดคุยจนเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

ขณะที่ “พรฟ้า-ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์” ผู้จัดการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 เผยว่า ตนและทีมงานของกองประกวดทราบถึงกรณีดังกล่าว หลังเกิดเรื่องคุณปุ้ย ได้เรียกทีมงานทุกคนในกองประกวดประชุมทันที จึงทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นช่วงที่การประกวดใกล้จะประกวดจบแล้ว จึงให้ความสำคัญและแนะนำให้น้องๆ ทุกคนระมัดระวังตัวเองมากขึ้น แต่ในระหว่างนั้น “คุณปุ้ย” ได้เรียกประชุมและได้รวบรวมหลักฐานทุกอย่าง พร้อมกับยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อน้องๆ ในกองประกวด MUT เท่านั้น แต่เพื่อผู้หญิงทุกคน

8.ช็อก! พระธรรมกร ฐานธัมโม ตัดหัวตัวเองถวายเป็นพุทธบูชา

 

549262ทำเอาพุทธศาสนิกชนต่างตกใจ เมื่อทราบข่าวว่า พระธรรมกร ฐานธัมโม วัย 68 ปี เจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดหนองบัวลำภู ใช้เครื่องกิโยติน (เครื่องประหารชีวิตในสมัยก่อน) ตัดคอตัวเอง เพื่อถวายหัวเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันคล้ายวันเกิด (15 เม.ย.) ที่ผ่านมา

และยิ่งน่าตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือ พระรูปนี้เตรียมการเรื่องดังกล่าวมานานกว่า 5 ปี ในขณะที่ลูกศิษย์ลูกหา และคนใกล้ชิดก็รับทราบกันเป็นอย่างดี ไม่มีใครตกใจ หรือห้ามปราม เนื่องจากถือเป็นการสร้างบารมี ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย หลังเกิดเหตุบรรดาลูกศิษย์ช่วยกันนำศพพระธรรมกรบรรจุลงในหีบศพ ขณะที่ศีรษะถูกบรรจุไว้ในหีบเล็กข้างกัน โดยที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกว่า 300 คน แต่งกายชุดขาวรวมตัวอยู่บริเวณหน้าศาลาวัด นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในวัดยังพบรูปปั้น เทพตัดหัวแล้วยื่นศีรษะถวายเป็นพุทธบูชาอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร และสำนักพระพุทธศาสนาได้ทำการทุบรูปปั้นนี้จนไม่เหลือซาก

476919

ชุดสืบสวนตำรวจภูธรหนองบัวลำภู และชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้เรียกสอบปากคำพยานในเหตุการณ์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ลูกศิษย์ของพระธรรมกรเผยว่า ตนไม่รู้ว่าเครื่องดังกล่าวคือ กิโยติน พระธรรมกรบอกแค่ว่า "มาช่วยกันทำ สร้างบุญหน่อยเร็ว" ตนเองจึงช่วยทำเพราะนึกว่าจะได้บุญ ไม่คิดว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่พระธรรมกรใช้ก่อเหตุ

ทั้งนี้ เมื่อค้นข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในกรณีเห็นคนฆ่าตัวตาย แต่ไม่ห้าม อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตามมาตรา ๓๗๔ ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นแต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

9."ส.จ.ดำ" ฆ่ายกครัวสยอง "สมรักษ์ คำสิงห์" ช็อก! นัดเคลียร์หนี้หวย 10 ล้าน บุกบ้านเจอ 4 ศพ

544197

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.64 ตำรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยกรุงเทพ-กรีฑา 7 จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น ในบ้านพบร่างผู้เสียชีวิต 4 คน ทราบชื่อนายธวัชชัย ทองอ่อน หรือ อดีต ส.จ.ดำ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านเสบียงทิพย์ อาหารปักษ์ใต้ ย่านรามคำแหง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพบร่างของภรรยา ลูกสาวคนโต อายุ 13 ปี และลูกสาวคนเล็ก อายุ 11 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเช่นกัน

ทั้งนี้ ส.จ.ดำ และเคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุม เมื่อช่วงต้นปี 64 ในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารราชการ และกลางปี 64 ถูกจับกุมในข้อหาออกเช็คเด้ง ซึ่งครั้งนั้น ส.จ.ดำ ให้การภาคเสธ

517304

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวระบุว่า นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยทีมชาติไทยเหรียญทองโอลิมปิก ได้เดินทางไปทวงหนี้จาก ส.จ.ดำ หลังได้ร่วมกันลงทุนซื้อขายลอตเตอรี่จำนวน 10 ล้านบาท เมื่อมาถึงบ้าน ก็พบว่าเสียชีวิตทั้งครอบครัวแล้ว โดยสมรักษ์เผยว่า รู้สึกเสียใจมาก และจะบวชแบบนุ่งขาวห่มขาวอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย

ทั้งนี้ คาดว่า สาเหตุที่ ส.จ.ดำ ฆ่ายกครัวน่าจะเกิดจากประเด็นหนี้สิน มีปัญหาทะเลาะวิวาทภายในครอบครัวกับภรรยาก่อนก่อเหตุ หรืออาจเกิดจากการบันดาลโทสะ เนื่องจาก ส.จ.ดำ มีอาวุธปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ส.จ.ดำ ก็เป็นคนที่รักลูกมาก ด้วยความรักเขาจึงอยากที่จะไปด้วยกัน อยากให้ลูกๆ ไปอยู่กับพ่อและแม่

10."บาส มีดคู่" ถูกแก๊งโจ๋รุมสกรัมหมู่ถึงหน้าบ้าน ควงมีดสู้จนดับ 2 ศพ ป้องกันตัว หรือเกินกว่าเหตุ

343835

เป็นอีกคดีที่สังคมให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม เสียงแตกออกเป็นสองฝั่งว่าเป็นการป้องกันตัวหรือกระทำเกินกว่าเหตุ เมื่อแก๊งวัยรุ่น 6 คน ยกพวกมาด่าทอและปาของหน้าบ้าน นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส อายุ 21 ปี ภายในหมู่บ้านสุขสันต์ 6 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. หลังกระทบกระทั่งกันเรื่องขี่มอเตอร์ไซค์

หลังจากที่มาตะโกนด่าทอ นายบาส ได้ควงมีดสปาต้า ยาว 18 นิ้ว และมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว ออกไปต่อสู้ โดยชี้แจงว่า เนื่องจากกลัวว่าคนในบ้านจะได้รับอันตราย หลังเปิดฉากตะลุมบอนกัน ปรากฏว่านายบาสได้ใช้มีดแทงคู่อริที่บุกมาหาเรื่องจนเสียชีวิต 2 ราย จนได้ฉายว่า "บาส มีดคู่"

821874

นายบาสถูกตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตาย และพยายามฆ่า แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายมากันถึง 6 คน ทำให้สังคมเกิดการถกเถียง บางส่วนเห็นใจมองว่าเป็นการป้องกันตัว แต่บางส่วนมองว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจทะเลาะวิวาท หรือกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะบันดาลโทสะ

ต่อมา หลายภาคส่วนได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยื่นประกันตัว บาส มีดคู่ ส่วนคู่กรณีของบาสทั้ง 4 คน ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และได้รับการประกันตัวไปวงเงินคนละ 150,000 บาท

หลังเกิดเหตุ บาส มีดคู่ ได้โกนหัวล้างซวย และไปอาศัยอยู่ที่บ้านหมอปลาเป็นการชั่วคราว เพราะกลัวว่าจะถูกคู่กรณีกลับมาทำร้ายซ้ำอีก ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะยังคงเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดยอดดราม่ายูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ปีวัว แซ่บนัวสนั่นโลกออนไลน์
- 2564 ขนส่งทั่วโลกวิกฤติ ไทยแลนด์พลิกเป็นฮับส่งออก(ยาเสพติด)
- ขอบตาดำยันหว่าง! ที่สุดดราม่าแห่งปี 2564 เรื่องนี้ต้องขยี้จนไม่ได้นอนหลายวัน
- ย้อน โครงการรัฐ 2564 แจกเยียวยาหลายแสนล้าน ยื้อชีวิต กระตุ้นเศรษฐกิจไปต่อ
- ที่สุดปี 64 พิมรี่พาย ยึดพื้นที่ข่าว ขยับเท่ากับกระแส เจอมาหมดทั้ง ดอกไม้และก้อนอิฐ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส