หม้อแปลงโรงงานบีบอัดกระดาษระเบิด ไฟลุกท่วม คนงานครึ่งร้อยวิ่งหนีตาย เจ็บสาหัส 2

26 ธ.ค. 64

ชลบุรี หม้อแปลงโรงงานบีบอัดกระดาษระเบิด เพลิงโหมไหม้ทั้งโรงงาน คนงานกว่า 40 ชีวิตพากันวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด เจ็บสาหัส 2 รายถูกแรงระเบิด

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 ธันวาคม2564 ร.ต.อ.อัสวินจันโทรองสว.สอบสวนสภ.หนองขามอ.ศรีราชาจ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ภายใน บริษัทไทยพีสพัลพ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ม.3 ต.หนองขาม อ.ศรีราชาชลบุรี ริมถนนหนองยายบู่-หนองค้อซึ่งเป็นโรงงานบีบอัดกระดาษโดยมีผู้บาดเจ็บหลายรายจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์,นำรถดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมี น.ส.นริศรา ทิพยางกูร ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ศรีราชาและนายธนะพัฒน์ พันเฉลิมชัยโชค นายกเทศมนตรีนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
 
ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโรงงานบีบอัดกระดาษพบกลุ่มควันลอยพุ่งพรวดออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะลุกลามไปติดก้อนกระดาษที่วางทับถมกันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลังรถดับเพลิงกว่า 10 คันฉีดน้ำสกัดเพลิงตามจุดต่างๆ โดยขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ รถดับเพลิงต้องสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาดับเพลิง

จากการตรวจสอบพบคนงานชาวกัมพูชากว่า 40 คนกำลังช่วยกันขนของและช่วยเหลือเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดของหม้อแปลงจำนวน 4 คนออกมาจากโรงงานทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณศรีราชาและโรงพยาบาลแหลมฉบัง

สอบถามคนงานกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุตนเองและภรรยาได้ทำงานอยู่ภายในโรงงานปรากฎว่าได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากหม้อแปลงไฟฟ้าหลังจากนั้นภรรยาตนเองที่ถูกแรงระเบิดได้วิ่งมาหาตนเองก่อนที่จะพากันวิ่งหนีตายออกมา ส่วนแรงงานระเบิดนั้นก็ทำให้เพลิงลุกลามไปติดกองกระดาษที่วางทับถมกันอยู่จนเกิดเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ตามขณะนี้นายธนะพัฒน์ พันเฉลิมชัยโชค นายกเทศมนตรีนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ และน.ส.นริศรา ทิพยางกูร ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ศรีราชาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้าช่วยในการดับไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถดับเพลิงได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส