เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค บริเวณด้านหน้าโรงงานพลาสติก พื้นที่หมู่ 5 บ้านพุเลียบ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ที่เกิดเหตุพบร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บ นอนหงายอยู่ริมถนน มีบาดแผลถูกแทงบริเวณลำคอ และมีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่าไม่มีชีพจร จึงเร่งทำ CPR เพื่อช่วยชีวิต แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกษิดิ์เดช พราหมณ์มณี หรือ พีช อายุ 19 ปี ทำงานเป็นพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเก่า
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายเจษฎา หรือ คราฟ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนมัธยมในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่กลับจากงานประจำปีที่สะพานข้ามแม่น้ำแควในตัวเมือง ระหว่างทางเกิดมีปากเสียงจึงได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายกัน
วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นเส้นทางถนน สาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค บริเวณด้านหน้าโรงงานพลาสติก พื้นที่หมู่ 5 บ้านพุเลียบ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จุดดังกล่าวมีเพียงกองเลือดของคนตายตกอยู่บนพื้น ระหว่างที่นำร่างส่งตรวจชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ แต่ยังไม่มีพิธีเชิญดวงวิญญาณ
ทีมข่าวย้อนเส้นทางห่างออกไปก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร โดยมีกล้องวงจรปิดของร้านขายของชำแห่งหนึ่ง จับภาพวินาทีช่วงเวลา 22.11 น. ของในคืนวันเกิดเหตุ 23 ธันวาคม 2564 โดยจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ 2 คัน ขับขี่ตามหลังกันมา จากนั้น จะเห็นรถของนายเจษฎา คนก่อเหตุขับตามหลัง มีเพื่อนของคนก่อเหตุเป็นคนขับและนั่งตรงกลาง โดยกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวเห็นว่าขับรถตามหลังกันมาแต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน และมีการเว้นระยะห่างประมาณ 3 เมตร
นายนิวส์ (นามสมมติ) เพื่อนของคนตาย และเพื่อนคนก่อเหตุ คนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์มากับนายเจษฎา คนก่อเหตุ เปิดใจว่า ในวันดังกล่าวกลุ่มของตนเองรวมทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทและคบหากันมานานกว่า 10 ปี รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวสังสรรค์ด้วยกัน พากันไปเที่ยวงานประจำปี ที่สะพานข้าแม่น้ำแคว ในตัวเมืองกาญจนบุรี หลังจากที่งานคอนเสิร์ตเลิกแล้ว ได้พากันไปนั่งแวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง
ระหว่างที่กินข้าวอยู่ นายกษิดิ์เดช คนตาย หันไปมองต้นไม้ด่างภายในร้านอาหารตามสั่ง แต่ต้นดังกล่าวไม่สวยเท่าต้นที่พ่อของนายเจษฎา คนก่อเหตุปลูกเอาไว้ จึงได้มีการยกตัวอย่างและพูดหยอกล้อกันขึ้นมาทำนองว่า “ต้นไม้ด่างบ้านพ่อมึงสวยดีเนอะ” จากนั้น นายเจษฎาหเกิดความไม่พอใจ มีปากเสียงกันในร้าน กลุ่มเพื่อนได้ห้ามปรามและขอให้มีการขอโทษกัน ตอนนั้นนายกษิดิ์เดช คนตาย ก็ได้มีการยกมือขอโทษแล้ว จึงได้พากันขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้านตามปกติ
ระหว่างทางนายเจษฎาได้สั่งให้ตนเองขับรถตีคู่ไปประกบกับรถของนายกษิดิ์เดช เพราะโดยปกติไปเที่ยวด้วยกัน ก็จะมีการขับตามหลังบ้าง ขับประกบคู่กันบ้าง ปรากฏว่านายเจษฎาหยิบเอาอาวุธมีดความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร เป็นมีดปลายแหลมที่เพิ่งซื้อมาใหม่จากการไปเที่ยวงาน แทงไปที่คอฝั่งขวาของนายกษิดิ์เดช 1 ครั้ง ตนเองก็ขับแซงขึ้นไปเพราะไม่รู้ว่านายเจษฎาลงมือแทงแล้ว แต่หันไปมองที่กระจกมองหลัง เห็นรถของนายนายกษิดิ์เดชเซไปมา จึงได้จอดรถข้างทางและวิ่งไปดูพร้อมกับเพื่อนที่นั่งมาตรงกลาง ส่วนนายเจษฎา มือแทง ไม่ได้ลงจากรถมอเตอร์ไซต์เก็บมีดและขับรถหนีไป
ส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าเพื่อนที่คบหากันมานานกว่า 10 ปี จะก่อเหตุฆ่ากันเป็นเพราะเพียงแค่หยอกล้อพ่อ ตนเองก็ไม่รู้ว่าลึก ๆ แล้วทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันหรือไม่ แต่เท่าที่รู้จักกันก็ไม่เคยเห็นชกต่อยหรือมีเรื่องอะไรกัน และเพื่อนทั้ง 2 คนก็เป็นคนดี
เมื่อเวลา 11.00 น. ครอบครัวของนายเจษฎาคนก่อเหตุ ได้ประสานชุดสืบสวนของโรงพักเมืองกาญจนบุรี นำตัวนายเจษฎามามอบตัวให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งนายเจษฎาได้มีการสวมใส่เสื้อสีดำ ใส่หมวกแก๊ปสีดำ เข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวนด้วยท่าทีที่สลด ระหว่างนั้นทีมข่าวได้พยายามพูดคุยกับนายเจษฎา เจ้าตัวปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถาม ทีมข่าวได้พยายามสอบถามว่าทำไมถึงลงมือก่อเหตุ ต้องการฝากอะไรถึงฝั่งคนตายหรือไม่ นายเจษฎามือแทงตอบว่า "ไม่รู้"
ด้านนางสาวจุ๊บแจง (นามสมมติ) พี่สาวคนโตของนายเจษฎา มือแทง เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะครอบครัวฝั่งของคนแทง รู้สึกเสียใจที่น้องชายไปก่อเหตุทำร้าย จนกระทั่งอีกฝั่งถึงแก่ความตาย ตนเองอยากจะฝากขอโทษแทนน้องชาย หากเป็นไปได้ก็อยากจะเข้าไปขอขมาและขออโหสิกรรม เพราะตัวเองไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมน้องชายถึงตัดสินใจที่จะแทงเพื่อนสนิทแบบนี้ เพราะเท่าที่ทราบน้องชายกับคนตายก็เป็นเพื่อนที่สนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และที่สำคัญน้องชายของตนเองก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่เคยใช้ความรุนแรง และไม่เคยก้าวร้าวแบบนี้ ตนเองก็ไม่รู้ว่าชนวนเหตุหรือปมในใจเกิดอะไรก่อนที่จะถูกหยอกล้อครั้งนี้หรือไม่
ส่วนที่กลุ่มเพื่อนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนยืนยันว่าตัวของน้องชายไม่พอใจที่คนตาย มีการกล่าวถึงพ่อ ซึ่งมีการพูดถึงต้นไม้ด่างที่พ่อปลูกเอาไว้นั้น ตนเองไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่ แต่ปกติน้องชายเป็นคนที่รักพ่อ ปกติน้องชายกับพ่อก็จะสนิทกันมาก ในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองก็ทราบแต่เพียงว่าน้องชายเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนได้งานประจำปีที่สะพานข้าแม่น้ำแควในตัวเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีการไปซื้ออาวุธมีดเอามาไว้เพื่อทำอะไร แต่เท่าที่ทราบคืออาวุธมีดเป็นของเพื่อนอีกคนที่เป็นคนออกเงินซื้อ เพียงแค่วันดังกล่าวน้องชายเป็นคนดูคนสุดท้ายจึงเก็บมีดพกติดตัวเอาไว้ และหลังจากที่มีปากเสียงภายในร้านอาหารตามสั่ง จึงได้ใช้มีดที่เก็บเอาไว้ในตัวก่อเหตุแทงเพื่อนตาย ฉะนั้นในมุมของคนในครอบครัวหากเป็นไปได้ก็อยากประกันตัวพ่อรู้สึกสงสารน้อง แต่ไม่รู้ว่ากระบวนการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่วัดบ้านเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่สำหรับตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ของนายกษิดิ์เดช ร่างของคนตายอยู่ระหว่างการตรวจชันสูตรพลิกศพ ซึ่งหลังจากตรวจเสร็จแล้วญาติจะเดินทางไปรับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด
ด้านนางสาวพิมพ์ (นามสมมติ) น้องสาวของคนตาย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า นายกษิดิ์เดชเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะหลังจากที่เรียนจบก็ได้ไปทำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเก่า ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ช่วยงานเกี่ยวกับรถน้ำและพาหนะขององค์การบริหารส่วนตำบล โดยได้รับเงินเดือนประมาณ 9,000 บาทต่อเดือน ส่งตนเองในฐานะน้องสาวเรียนก็ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย และมีการส่งให้ยายใช้ ส่งให้แม่ใช้ ต่อเดือนก็จะมีการขอเก็บเงินไว้เพียงแค่ส่วนหนึ่งใช้ส่วนที่จำเป็น ล่าสุดก็เพิ่งมีการเก็บเงินเพื่อซื้อโน้ตบุ๊กให้กับตนเองใช้เรียน ตัวเองไม่เชื่อว่าพี่ชายจะไปหาเรื่องฝั่งของนายเจษฎา จนกระทั่งถูกแทงถึงแก่ความตายครั้งนี้
ส่วนฝั่งของนายเจษฎา มือแทง ตนเองรู้จักแต่ไม่สนิท เพราะเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งตลอดที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันนั้น ตนเองทราบข้อมูลจากครูที่รู้จักว่านายเจษฎา มือแทง เป็นคนเกเร มักมีเรื่องชกต่อยในโรงเรียนเป็นประจำ จึงต้องมีการถูกไล่ออกและย้ายไปเรียนที่อื่น ตนเองจึงเชื่อว่าด้วยพฤติกรรมเกเรและการใช้ความรุนแรงของนายเจษฎาเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อเหตุแทงพี่ชายตนเองเสียชีวิต ตัวเองต้องสูญเสียพี่ชายคนที่ตัวเองรักไปตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ยอมอโหสิกรรมให้กับนายเจษฎาคนก่อเหตุ เพราะตนเองมีเพียงพี่ชายคนเดียว เป็นคนส่งเสียตัวเองเรียนมาตั้งแต่เด็ก เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สามารถที่จะเอาชีวิตพี่ชายคืนกลับมาได้ ตัวเองก็ไม่พร้อมที่จะให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้กับมือแทง แต่ถ้าหากครอบครัวจะเดินทางมาแสดงความเสียใจและมาร่วมงาน ตนเองก็ไม่ขัดข้อง เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ครอบครัวของคนก่อเหตุก็จะต้องมาชดใช้และดูแลเรื่องช่วยเหลือสภาพจิตใจอยู่แล้ว หลังจากที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาตนเองก็อยากจะให้นายเจษฎารับโทษให้ถึงที่สุด
