คดีพลิก! กำนันโวยถูกยัดยา ขู่ฟ้องบิ๊กตู่ - ผู้ว่าฯ โต้หลักฐานชัด เซ็นสารภาพเอง (คลิป)

14 ธ.ค. 61
กรณีนายพิไชย ธรแสน อายุ 59 ปี กำนัน ต.บ้านโคก อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนางมนตรี ครองสมบัติ ภรรยา ถูกเจ้าหน้าฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่น จับกุมพร้อมของกลางยาเสพติด 45 เม็ด ภายในบ้านพัก ซึ่งกำนันได้พยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยชาวบ้านร่วมเดินทางไปยืนยันความบริสุทธิ์ของกำนัน และร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ
ชาวบ้านร่วมร้องขอตรวจสอบ อ้างว่ากำนันถูกยัดยาเสพติด
วันที่ 13 ธ.ค. 61 นายพิไชย ธรแสน อายุ 59 ปี กำนัน ต.บ้านโคก พาชมบ้าน ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านหน้าทำเป็นร้านอาหารตามสั่ง ส่วนภายในมีห้องแบ่งย่อยเป็น 3 ห้อง มี 1 ห้องน้ำ ซึ่งจุดที่พบยาเสพติด อยู่บริเวณกลางบ้าน เป็นจุดที่ตั้งตู้เสื้อผ้า ที่พบยาเสพติดอยู่ใต้ตู้ โดยกำนันชี้จุดใต้ตู้เสื้อผ้า ที่มีเจ้าหน้าใช้ไฟฉายส่องเข้าไปถึง 3 ครั้ง ขณะที่มีการตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งแปลกปลอม หรือยาเสพติด
นายพิไชย ชี้จุดที่พบยาเสพติด
นายพิไชย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ชุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจากจังหวัด นำทีม อส.จังหวัด ทหารในพื้นที่ แต่ไม่มีตำรวจ เข้ามาขอตรวจค้นบ้าน เนื่องจากต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด โดยมีการแสดงบัตร ป.ป.ส. ซึ่งขณะนั้น ตนก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยให้ตรวจค้นภายในบ้าน พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะคนภายในบ้านทั้งหมด แต่ก็ไม่พบสารเสพติด
นายพิไชย ธรแสน กำนัน ต.บ้านโคก
ซึ่งระหว่างการตรวจค้น ตนและคนภายในบ้านจะเดินประกบเจ้าหน้าที่ โดยเมื่อตรวจค้นถึง 3 ครั้ง กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ กระทั่งช่วงหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ อส. 3 คน เดินเข้าไปภายในบ้านโดยไม่แจ้งให้ตนทราบ และเดินเข้าไปบริเวณใต้ตู้เสื้อผ้าจุดเกิดเหตุ ซึ่งลูกสะใภ้ที่นั่งกล่อมลูกนอนอยู่ในบ้าน เห็น อส.ทั้ง 3 นายเดินเข้าไป จึงตะโกนบอกตน ซึ่งตนจึงรีบวิ่งเข้าไปบริเวณจุดที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พูดขึ้นว่า “เจอแล้ว” ตนจึงสงสัยว่า เจ้าหน้าที่รู้ได้อย่างไรในทันทีว่าเป็นยาเสพติด เพราะตนเห็นเพียงเป็นแท่งพลาสติกขนาดเท่าหลอดยาดมพันด้วยเทปกาวสีดำ วางอยู่ใต้ตู้เสื้อผ้า ตนจึงได้ใช้ไม้แขวนเสื้อเขี่ยออกมา และเจ้าหน้าที่ อส. จึงได้หยิบเอาของกลางออกไปบริเวณโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน และเปิดเทปกาวออก เทของด้านในออกมา จนกระทั่งพบว่ามียาเสพติดอยู่ด้านใน 45 เม็ด
ภาพจำลองเหตุการณ์ ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติด
นายพิไชย กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่ามีพิรุธ เนื่องจากที่ผ่านมา ตั้งแต่รับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2530 จนกระทั่งเป็นกำนัน ตั้งปีแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันมีอายุถึง 59 ปี โดยเพียงอีกหนึ่งปีก็จะเกษียณ ตนไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนตั้งข้อสงสัยว่า การยัดยาเสพติดนั้น อาจเกิดจากปมความขัดแย้งในอดีต ที่ตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกำนัน ในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ตนเองพร้อมด้วยภรรยา จะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม ในฐานะผู้บริสุทธิ์ ซึ่งจะมีการร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยื่นหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรี
นางสาวรจนา แก้วมะเริง หรือ ตุ๊ก ผู้เห็นเหตุการณ์
ด้าน นางสาวรจนา แก้วมะเริง หรือ ตุ๊ก อายุ 37 ปี ลูกสะใภ้ และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้ามาขอตรวจค้นที่บ้าน ตนเอง และญาติ ๆ ก็ได้เดินตาม ให้มีการตรวจตามมุมในบ้าน ซึ่งทำการตรวจอย่างละถึง 3 รอบ รวมถึงจุดที่พบยาเสพติดใต้ตู้เสื้อผ้า จนกระทั่งการตรวจจบลง เจ้าหน้าที่ก็ได้ออกไปรวมตัวกันอยู่นอกบ้านทั้งหมด ตนเองอยู่ในบ้านเพียงลำพัง กำลังกล่อมลูกนอน พบว่ามีเจ้าหน้าที่ อส. 3 นาย เดินผ่านหน้า ตรงดิ่งเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าในบ้าน โดยขณะที่เดินไป ก็ไม่มีพฤติกรรมต้องสงสัย กระทั่งตนเองเห็นว่า อส.กำลังเดินเข้าไปในมุมอับสายตา จึงได้ตะโกนเสียงเรียกพ่อแม่ จากนั้นพ่อกำนันก็รีบวิ่งเข้ามา แล้วเจอยาเสพติดดังกล่าว ในฐานะที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ ยอมรับว่าสงสัยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ อส. ที่ย้อนกลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้ง ทั้งที่การตรวจค้นจบแล้ว โดนส่วนตัวมองว่า ทำไมเจ้าหน้าที่เข้าไปในบ้านโดยที่ไม่แจ้งคนในบ้านให้เดินตาม
ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
ขณะที่ ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ชี้แจงกรณีของนายพิไชยว่า มีการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 6-7 เดือน พบว่ามีเหตุเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกซัดทอดจากผู้เสพยาเสพติด ที่มีการจับกุมได้ก่อนหน้านี้ จึงได้มีการขยายผลและดำเนินการตรวจค้น และจากการเข้าจับกุมกำนัน ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาได้รับทราบรายงาน มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของจังหวัด ร่วมกับ อส. เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจค้นและจับกุม ซึ่งเป็นไปตามสายการข่าวที่มีการแจ้งเข้ามา และพบสิ่งผิดกฎหมายคือยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 45 เม็ด จึงได้มีการจับกุมและทำเป็นบันทึกจับกุมถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งหากผู้ถูกกล่าวหา เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ได้กระทำผิด ก็สามารถโต้แย้งในบันทึกจับกุมได้ แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีการโต้แย้งแต่อย่างใด โดยพบว่าบันทึกดังกล่าวได้มีการเซ็นยินยอมรับทราบการกระทำผิดด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ