เปิดใจหนุ่มสัก "ดาร์ธเวเดอร์" ทับหน้าพี่ตูน รับผิดหวังไม่ร่วม Call Out รัฐแก้โควิด (คลิป)

22 ธ.ค. 64

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Birdx HC ได้โพสต์ภาพรอยสัก "ดาร์ธเวเดอร์" ที่สักทับหน้าพี่ตูน body slam จึงทำให้เกิดกระแสในโซเชียล และสบจังหวะช่วงนี้ที่ "ตูน บอดี้สแลม" ผุดแคมเปญชวนวิ่งการกุศล เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้ ทำให้โลกโซเชียลตั้งคำถามว่า "#พี่ตูนวิ่งทำไม?" เป็นหน้าที่ของใครที่ต้องรับผิดชอบกับชีวิตคนไทยทั้งประเทศ

358568

ล่าสุด วันที่ 22 ธ.ค. 64 เวลา 18.30 น. "เบิร์ด" บอกว่าจุดเริ่มต้นในตอนนั้น ตนกำลังอินกับการวิ่ง ก็เลยอยากจะสักสัญลักษณ์ เกี่ยวกับการวิ่ง ตอนแรกคิดว่าจะสักรูปรองเท้าวิ่ง แต่พอคิดไตร่ตรองไปมาเลยรู้สึกแปลก ๆ ที่จะสักรองเท้าไว้ตรงต้นแขน แล้วประจวบกับตอนนั้นพี่ตูนได้ออกมาทำโครงการก้าวคนละก้าว พอได้ติดตามโครงการก็รู้สึกอิน จึงตัดสินใจสักเป็นรูปพี่ตูน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนการวิ่งในตอนนั้น

187620

สำหรับเรื่องผลงานของ "ตูน บอดี้สแลม" ตนเป็นแฟนคลับติดตามผลงานมาตลอด รวมไปถึงเรื่องเพลง ถ้าชอบหลัก ๆ เลยก็ตอนช่วงที่เขาวิ่งจาก "เปตงไปถึงแม่สาย" รู้สึกอินมาก ได้สักรูปพี่ตูนมาในราคา 2,500 บาท ในปี 2018 โดยรอยสักนี้ใช้เวลาในการสัก 8 ชั่วโมง

800541

แต่ล่าสุดเหตุผลที่ตัดสินใจสักรูปดาร์ธเวเดอร์ทับ เพราะตอนช่วงโควิด-19 ได้มีกลุ่มศิลปินออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้ชดเชยรายได้ แต่ตนไม่เห็นพี่ตูน จึงทำให้รู้สึกว่าผิดหวัง ตนก็รอหลายเดือนที่จะเห็นพี่ตูนออกมาพูดเพื่อเรียกร้องการชดเชยให้กลุ่มศิลปิน เพราะพี่ตูนก็เป็นศิลปิน แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ตนเลยรู้สึกว่าเบื่อรอยสักรอยนี้จึงตัดสินใจสักทับ และรู้สึกเฉย ๆ ไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกอินเหมือนแต่ก่อน

262003

ส่วนราคารอยสักใหม่รูปดาร์ธเวเดอร์ ราคา 5,000 บาท สักทั้งหมด 2 รอบ ครั้งที่ 1 สักเมื่อเดือนพฤศจิกายน ใช้เวลาทำ 4 ชั่วโมง ส่วนครั้งที่ 2 สักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ใช้เวลาทำ 6 ชั่วโมง ส่วนมุมมองในเรื่องของโครงการ "วิ่งเพื่อน้อง" ล่าสุดนั้น ตนมองว่ามันไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จริง ๆ มันควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลมากกว่า

สำหรับข้อเสนอแนะ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น รู้สึกว่าโครงการนี้เป็นการแก้ปัญหาแค่ปลายเหตุเท่านั้น ส่วนในอนาคตจะสามารถกลับมาชื่นชอบ "ตูน บอดี้สแลม" ได้อีกไหมนั้น ตนก็ไม่แน่ใจ เพราะทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส