"จักรทิพย์" สั่งนายดาบหัวร้อน ยิงต่างชาติดับ ออกจากราชการ ลั่นทำเสียชื่อองค์กร ไม่ปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่าง

12 ธ.ค. 61
จากกรณีดาบตำรวจ สน.ลุมพินี กราดยิงชาวฝรั่งเศส เสียชีวิตคาที่ ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
วันที่ 12 ธ.ค. 61 พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ทราบว่าสาเหตุหลักมาจากเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ทราบว่าเรื่องอะไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน นอกจากนี้ทราบว่า ผู้ต้องหารู้จักกับผู้ตายมาประมาณ 1 ปี และมีความสนิทสนมกันพอสมควร โดยผู้ต้องและผู้ตายพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหามักมาปฏิบัติหน้าที่แถวนี้เป็นประจำ
ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะเกิดเหตุ
ส่วนประเด็นว่า พนักงานของร้านเป็นผู้ยื่นอาวุธปืนให้คนร้ายก่อเหตุนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล รวบถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ส่วนกรณีคนร้ายเคยใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นจนเสียชีวิต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการให้อย่างเด็ดขาดแน่นอน พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศพอสมควร ขณะนี้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าไปพูดคุยกับสถานฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยแล้ว ล่าสุด ตนจึงกำชับให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ท่องเที่ยวใช้ความอดทนอดกลั้นในการทำงาน และสั่งการให้ดาบตำรวจ หรือผู้ต้องหา คนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน
พันตำรวจเอกอัครวุฒ ธานีรัตน์ ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี
ด้าน พันตำรวจเอกอัครวุฒ ธานีรัตน์ ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี กล่าวว่า ขั้นตอนการสอบปากคำอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ รวมถึงตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวน และสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแล้ว ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ แต่คาดว่าชนวนเหตุเกิดจากความไม่พอใจ และมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะร่างกายของผู้ต้องหามีร่องรอยเขียวช้ำ ส่วนกรณีผู้ต้องหายิงอาวุธปืนขึ้นฟ้านั้น จะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง
ห้องสอบสวน สน.ลุมพินี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยสันนิฐานว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะพกพาอาวุธปืนไปแต่แรก เพราะหากพกอาวุธปืนคงจะยิงไปตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายแน่นอน ซึ่งคาดว่าอาวุธปืนที่ก่อเหตุ ผู้ต้องหาฝากไว้ที่พนักงานร้านอาหาร เนื่องจากร้านไม่อนุญาตให้นำอาวุธปืนเข้าไป ส่วนจะมีการเชิญตัวพนักงานร้านอาหารมาสอบปากคำหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบก่อน เนื่องจากอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ต้องหา ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุเช่นนี้เมื่อปี 55 นั้น จริง ๆ แล้ว เป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่ผู้ต้องหาหลบหนี จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น ดาบตำรวจ หรือผู้ต้องหาจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตนเอง และในวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. พนักงานสอบสวนจะคุมตัวผู้ต้องหา ไปฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป
บริเวณห้องพักของผู้ต้องหา ด้านหลังสน.ลุมพินี
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางมาที่ห้องพักของผู้ต้องหา ที่แฟลตแห่งหนึ่ง บริเวณด้านหลังสน.ลุมพินี พบว่า มีป้ายหน้าห้องติดชื่อ ด.ต.กันตพงศ์ ฮวดศรี ผบ.หมู่(ป.) สน.ลุมพินี บริเวณหน้าห้องไม่มีชั้นวาง หรือสิ่งของวางหน้าห้อง ซ้ำยังปิดห้องเงียบสนิท เมื่อสอบถามเพื่อนข้างห้อง ให้ข้อมูลว่า ด.ต.เป็นคนดี และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทั้งนี้พบว่า ชนวนเหตุเกิดจากผู้ตายจะทำร้ายแฟนสาวคนไทย แฟนของผู้ตายจึงมาขอความช่วยเหลือจากดาบตำรวจ หรือผู้ต้องหา ทำให้ผู้ตายเกิดอาการหึงหวง และพยายามยั่วโมโหผู้ต้องหา เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาและผู้ตายมีปากเสียงกัน กระทั่งมีเกิดการทำร้ายร่างกายขึ้น ซึ่งผู้ต้องหาสู้ไม่ได้ จึงใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า จำนวน 5 นัด แต่ผู้ตายมีการท้าทายให้ยิงให้โดน ก่อนจะวิ่งหลบหนีจากร้านเหล้าภายในซอยสุขุมวิท 11/1 ไปยังคอนโดจุดเกิดเหตุซอยสุขุมวิท 13
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้มีการสอบสวน และดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่ให้ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เนื่องจากคดีดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสีย ต่อชื่อเสียงขององค์กร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ