หลานชายปัดใส่ยาพิษในข้าว ลอบฆ่าแม่เฒ่า 103 ปี แต่เมียแฉคนอันตราย (คลิป)

11 ธ.ค. 61
กรณีเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุที่บ้านพักหลังหนึ่ง ใน ต.สระสี่เหลี่ยม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พบนายสว่าง นาพรหม อายุ 68 ปี, นางปุ๋ย  ศรีสมัย อายุ 103 ปี และนางสำเนียง นาพรหม ภรรยาของนายสว่าง มีอาการหายใจติดขัด แน่นหน้าอก และถ่ายท้องไม่หยุด  เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องรีบนำตัวทั้ง 3 คน ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรีอย่างเร่งด่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำอาหารที่ทั้ง 3 คนกินไปตรวจสอบว่าเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือ ถูกวางยายกครัว (อ่าน : หวิดตายยกครัว! เร่งช่วยแม่เฒ่า 103 ปี ฟุบคาจานข้าวผสมยาพิษ พุ่งสอบร้านขาย)
นางนารี สมนาค เพื่อนบ้าน
วันที่ 10 ธ.ค. 61 นางนารี สมนาค เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงคนขอความช่วยเหลือภายในบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นก็เห็นยายดวง หรือ นางทอง เอี่ยมสมบัติ วิ่งออกมาเรียกเจ้าหน้าที่ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน) รวมถึงชาวบ้านใกล้เคียงให้เข้าไปช่วยเหลือ เมื่อตนเข้าไปถึง พบว่านางสำเนียง หรือนางเอี้ยง ภรรยาเจ้าของบ้าน กำลังอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ ส่วนนายสว่าง สามีของนางเอี้ยง เป็นลมอยู่ขอบรั้วบ้าน เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจึงช่วยกันนำร่างเข้าไปในบ้าน และภายในบ้านก็มีนางปุ๋ย แม่ของนางเอี้ยงเป็นลมไม่รู้สึกตัวเช่นกัน โดยนางเอี้ยงบอกกับตนว่า เป็นคนทำอาหารเช้า เมนูอาหารคือ ต้มข่าไก่และข้าวสวย หลังจากกินข้าวไปแล้ว ก็เริ่มมีอาการ ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการลอบวางยาพิษหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าครอบครัวนี้มีปัญหาอะไรกับใคร เพราะเป็นคนดีทั้งบ้าน ส่วนยายปุ๋ยก็อายุกว่าร้อยปีแล้ว ไม่น่าจะมีใครคิดร้ายกับเขา ส่วนตัวจึงมองว่า อาจเป็นสารจากฉี่หนูมากกว่า แต่ต้องรอผลการตรวจเลือดอีกครั้ง
นายพยนต์ ศรีสมัย หรือ ต๊ะ ลูกชายของนายสว่าง และนางสำเนียง
ด้าน นายพยนต์ ศรีสมัย หรือ ต๊ะ ลูกชายของนายสว่าง และนางสำเนียง เปิดเผยว่า เบื้องต้นพ่อแม่ และยายของตนปลอดภัยแล้ว โดยอาการของพ่อกับยายค่อนข้างสาหัส จึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรี ส่วนแม่ของตนนำตัวส่งที่โรงพยาบาลพนัสนิคม โดยแพทย์สันนิษฐานว่าอาหารเป็นพิษ แต่ตนไม่เชื่อว่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษเพียงอย่างเดียว เนื่องจากตนเห็นว่า หากอาหารเป็นพิษก็ควรจะต้องมีอาการถ่ายท้องบ่อย แต่ไม่ถึงกับมีอาการลักษณะนี้ เพราะแม่ตนบอกว่ามีอาการเหงื่อออก ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจเต้นเร็วและแรง คล้ายกับคนจะช็อกหมดสติ ขณะนี้ ตนนำหลักฐานคือ ข้าวสาร, ข้าวสวย และกับข้าวที่รับประทานกันในวันนั้นส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์แล้ว ซึ่งปกติข้าวสารที่รับประทานกันภายในครอบครัว จะไปซื้อตามร้านค้ากับโรงสี แต่ในวันเกิดเหตุ ข้าวที่หุงกินนั้นได้รับมาจากญาติรายหนึ่ง ซี่งตนไม่ทราบว่าญาติรายนี้นำข้าวมาจากไหน และตนก็ยังไม่อยากพุ่งเป้าว่าเกิดจากใคร เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ก่อน แต่ทั้งนี้ แม่ของตนไม่คิดว่าญาติที่นำข้าวสารมาให้นั้นจะเป็นคนก่อเหตุ แต่ส่วนตัวนั้น เชื่อว่าสารพิษอาจจะอยู่ในข้าวสารที่ได้รับมา มากกว่ากับข้าวที่แม่ตนเป็นคนทำ ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าจะเป็นการลอบวางยาหรือไม่ เพราะครอบครัวตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือผิดใจกับใคร รวมถึงเครือญาติ ตนจึงไม่เชื่อว่าญาติจะเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนคนที่เอาข้าวสารมาให้นั้น ตนเคยไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่เคยเห็นหน้า และหากเป็นการก่อเหตุลอบวางยาจริง ตนก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครได้รับผลประโยชน์จากการเสียชีวิตของคนในครอบครัว จึงคาดว่าไม่ใช่ความขัดแย้งเรื่องการรับมรดกแต่อย่างใด
นายต๊ะพาผู้สื่อข่าวสำรวจภายในห้องครัว
จากนั้น นายต๊ะพาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูภายในห้องครัวที่เก็บข้าวสาร พบว่าเก็บใส่ไว้ในถัง มีภาชนะฝาปิดมิดชิด ส่วนโต๊ะกินข้าวก็อยู่ภายในห้องครัว อีกทั้งห้องครัวก็ค่อนข้างสะอาด ไม่พบว่ามีแมลงหรือหนูที่จะเข้ามาฉี่ในถังข้าวสาร ทั้งนี้ นายต๊ะยังนำข้าวสวยที่หุงในวันนั้นเก็บไว้ในตู้เย็น และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วันเกิดเหตุ ลูกชายตนโยนข้าวสวยหม้อนี้ทิ้งไปข้างบ้าน เพราะเกรงว่าจะมีคนเอาไปกิน ทำให้มีเศษดินติดอยู่บ้าง แต่เมื่อโยนทิ้งไว้ กลับพบว่า ไม่มีมีสุนัขหรือไก่ มากินข้าวสวยหม้อนั้นเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีสิ่งผิดปกติในข้าวสวยซึ่งทำให้สัตว์ไม่กล้ากิน หรือไม่
นายสว่าง นาพรหม ผู้ป่วยจากอาหารเป็นพิษ
ประมาณ 15.00 น. ผู้ป่วยทั้งสามคนเดินทางออกจากโรงพยาบาลและกลับมารักษาตัวที่บ้านพัก ซึ่ง นายสว่าง นาพรหม ผู้ป่วย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ หลังจากตนกินข้าวและน้ำเสร็จ ก็มีอาการตาลาย ตัวสั่นผิดปกติ ขณะนั้นคิดว่าความดันขึ้น จึงให้ภรรยาหยิบยาความดันมาให้ แต่ยังไม่ทันได้กิน ตนรีบเดินหาต้นรางจืดมาทานบรรเทาอาการ แต่เมื่อเคี้ยวใบรางจืดได้เพียงไม่กี่ใบก็สลบไป ขณะนั้นตนสงสัยแล้วว่า อาจไม่ใช่เพราะความดัน แต่อาจเกิดจากได้รับสารพิษจำพวกยาฆ่าแมลง หรือสารตกพิษตกค้าง ทั้งนี้ เมนูอาหารที่ตนทานเข้าไป ตนคิดว่าไม่น่ามาจากพืชผักในสวนบ้านตน อย่างต้มข่าไก่ ต้นข่าก็เก็บจากสวน ไม่มีสารปนเปื้อน ตนจึงเชื่อว่าน่าจะมาจากข้าวสวยที่ทาน ซึ่งตนมีอาการหนักกว่าคนอื่น เพราะตนทานข้าวเข้าไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้าวสารนั้นเป็นข้าวที่ได้รับมาจากหลานของแม่ยาย จากสอบถามภรรยา ทราบว่า ญาติคนนี้นำข้าวมาให้เพราะเป็นข้าวปลูกใหม่ ตนจึงไม่แน่ใจว่าเขาไปเอามาจากไหนอีกที ทราบเพียงแต่ว่าเขาทำนา แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะเป็นการลอบวางยาพิษ เพียงแต่สงสัยว่าอาจมีสารตกค้างหรือไม่
นางสำเนียง นาพรหม ผู้ป่วยจากอาหารเป็นพิษ
ด้าน นางสำเนียง นาพรหม ผู้ป่วยจากอาหารเป็นพิษ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากกินข้าวเช้าไปเพียง 5 นาที ตนก็เกิดอาการเริ่มตัวสั่น และท้องร่วง โดยสามีและแม่ตนเริ่มมีอาการหมดสติก่อน จากนั้นจึงมีเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล ที่ผ่านมาเคยมีอาการท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ แต่อาการไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ เพราะกินยาธาตุก็หาย แต่อาการในวันนั้น คือ หัวใจเต้นแรง เวียนหัว เหงื่อออกเหมือนคนอาบน้ำ ซึ่งแพทย์ระบุเบื้องต้นว่าตนอาหารเป็นพิษ และเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว จึงให้กลับมานอนพักที่บ้าน ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นการลอบวางยาพิษ เพราะคนที่นำข้าวสารมาให้เป็นญาติของตน และไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดผิดสังเกตว่าทำไมเขาจึงเอาข้าวมาให้ แต่ยอมรับว่ากังวลใจ ไม่กล้ารับอาหารจากคนอื่น ๆ อีก
นายสมชาย แนวอินทร์ ญาติที่นำข้าวสารมามอบให้กับครอบครัวนาพรหม
ด้าน นายสมชาย แนวอินทร์ ญาติที่นำข้าวสารมามอบให้กับครอบครัวนาพรหม เปิดเผยว่า เมื่อหลายวันก่อน ตนเดินทางไปเยี่ยมยายปุ๋ย ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของตน โดยนำข้าวสารไปให้ประมาณ 1 กะละมัง เนื่องจากตนเพิ่งสีข้าวใหม่ วันนั้นป้าเอี้ยงเป็นผู้มารับข้าวสารตนไป กระทั่งประมาณ 1 - 2 วันต่อมา ตนผ่านไปบ้านหลังนั้นอีก และได้สอบถามว่า ป้าเอี้ยงหุงข้าวให้ยายปุ๋ยกินหรือยัง ป้าเอี้ยงก็รับปากว่าจะหุงให้ เพราะตนต้องการให้ยายปุ๋ยกินข้าวสารใหม่ ซึ่งปกติตนก็จะนำข้าวไปเยี่ยมอย่างนี้มาตลอด 2 ปีแล้ว ส่วนเรื่องที่ทั้งครอบครัวนั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ตนไม่ทราบเรื่อง ซึ่งหากใครจะตั้งข้อสังเกตว่า อาหารเป็นพิษนั้นเกิดจากข้าวสาร ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะข้าวตนเป็นข้าวใหม่ และคาดว่าอาจเกิดจากกับข้าวมากกว่า ซึ่งข้าวสารชุดนั้น ตนก็นำมากินด้วยเช่นเดียวกัน แต่ตนกลับไม่มีอาการดังกล่าว ทั้งนี้ ตนแบ่งข้าวสารส่วนหนึ่งใส่กะละมังและนำไปให้อดีตภรรยาที่บ้านอยู่ติดกัน แต่อดีตภรรยานำกลับมาคืน เพราะบ้านของเขามีข้าวเหลืออยู่เยอะแล้ว ตนจึงนำข้าวในกะละมังใส่ถุงไปฝากให้ครอบครัวบ้านยายปุ๋ย ซึ่งหากตั้งข้อสังเกตว่า ตนวางทิ้งไว้แล้วมีพวกหนูมาฉี่นั้น ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ตนรักและเคารพยายปุ๋ยมาก ไม่มีทางที่จะคิดร้ายกับยายปุ๋ย เพราะยายปุ๋ยเป็นญาติคนเดียวที่ตนยังเหลืออยู่ การที่ตนนำข้าวสารไปให้ ก็เป็นเพราะหวังดีกับครอบครัวเขา
นางสมบูรณ์ จุมจันทร์ อดีตภรรยาของนายสมชาย
ต่อมา นางสมบูรณ์ จุมจันทร์ อดีตภรรยาของนายสมชาย เล่าว่า ช่วงวันที่ 28 พ.ย. ตอนกลางคืน นายสมชายนำข้าวสารมาให้ที่บ้านตน ขณะนั้นตนเห็นว่าข้าวสวยดี จึงตั้งใจว่าจะหุง แต่หลานเตือนว่าอย่าไปกิน เพราะอาจใส่ยา ตนจึงตัดสินใจนำข้าวไปคืนไว้ที่หน้าบ้านในวันที่ 29 พ.ย. ช่วงบ่าย โดยวางไว้ที่บริเวณตาข่ายหน้าบ้าน เพราะนายสมชายไม่อยู่ ซึ่งภายหลังนายสมชายก็มาถามตนว่า ได้หุงข้าวหรือยัง ตนจึงบอกว่านำข้าวไปคืนแล้ว ตนจึงคิดว่าตอนที่นายสมชายมาถาม อาจจะไม่เห็นว่าตนนำไปวางไว้ที่ประตูตาข่าย และตนไม่ทราบมาก่อนว่า นายสมชายนำข้าวกะละมังนั้นไปให้อีกครอบครัวหนึ่ง นางสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า เหตุที่ครอบครัวตนปฏิเสธรับของจากนายสมชาย เป็นเพราะนายสมชายมีอาการทางประสาท นอนไม่หลับ ต้องไปพบแพทย์อยู่ประจำ และต้องกินยานอนหลับมากถึง 8 เม็ด และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาการเริ่มหนัก ประกอบกับนายสมชายติดเที่ยว ไม่ค่อยทำงานทำการ ตนจึงตัดสินใจแยกบ้านกันอยู่ แต่ที่ผ่านมา ตนไม่เคยเห็นนายสมชายเอาสารพิษหรือยาพิษไปใส่อาหารให้ใครกิน ทั้งนี้ ตนทราบมาจากญาติว่า ก่อนที่นายสมชายจะนำข้าวสารไปให้บ้านครอบครัวยายปุ๋ย นายสมชายก็ได้นำข้าวมาให้ญาติของตนเช่นกัน แต่ทุกคนปฏิเสธ เพราะนายสมชายมีนิสัยชอบเอาของไปให้ แล้วเก็บเงินภายหลัง นอกจากนี้ สาเหตุที่ครอบครัวตนไม่อยากให้รับของกินจากนายสมชาย ก็เป็นเพราะก่อนจะแยกกันอยู่ ตนมีปากเสียงกับนายสมชาย และตีกัน จึงเกรงว่าจะมีอันตราย แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าข้าวสารที่นำมาให้จะมีสารปนเปื้อนอะไรมาด้วยหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ