เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 11 ธ.ค.64 เกิดเหตุตำรวจถูกยิงเสียชีวิต หลังเข้าระงับเหตุผัวเมียทะเลาะกันบริเวณ บริเวณหน้าบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ม.1 บ้านห้วยหิน ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตชื่อ ด.ต.อุดม แถมมี อายุ 49 ปี ภูมิลำเนาบ้าน ถ.คลองเทียน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผบ.หมู่ สืบสวน สภ.ชะอำ อายุ ปี มีบาดแผลถูกยิงบริเวณคางทะลุท้ายทอยพลเมืองดีนำส่งรักษา ที่โรงพยาบาลชะอำ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายวิชัย ทวีเดช อายุ 26 ปี ถูกยิงเข้าหน้าอกทะลุปอดอาการสาหัส พลเมืองดีนำส่งรักษา ที่โรงพยาบาลชะอำ
สาเหตุเบื้องต้น ภรรยาของนายวิชัยได้โทรแจ้งตำรวจว่าสามีเกิดอาการคลั่งจากยาเสพติด ต่อมา ด.ต.อุดม แถมมี ได้เดินทางเข้าไประงับเหตุ จนเกิดกอดรัดฟัดเหวี่ยงและผู้ก่อเหตุได้ยิง ด.ต.อุดม จนเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ส่วนนายวิชัยก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลเช่นกัน
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ม.1 บ้านห้วยหิน ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าชั้นเดียว มีทั้งหมด 8 ห้อง ส่วนห้องที่เกิดเหตุ ตำรวจได้นำราวเหล็กมาตั้งปิดทางเข้าออกพร้อมล็อกกุญแจที่หน้าห้อง และบริเวณหน้าห้องยังพบกองเลือดอยู่ที่พื้นตรงฝั่งหน้าต่างห้องเช่า
นายชาดา พรมจรรย์ อายุ 49 ปี เจ้าของห้องเช่าที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุไม่เห็นจังหวะที่ตำรวจและนายวิชัยยิงกัน แต่จะเห็นจังหวะก่อนเกิดเหตุที่ตำรวจ 4 คน ขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าห้องเช่าของนายวิชัย ตอนนั้นตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาหาใคร พอลงรถก็เดินปรี่เข้าไปที่ห้องของนายวิชัย ตอนแรกคิดว่าตำรวจทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนกับนายวิชัย ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
จากนั้นประมาณ 5-10 นาที ก็ได้ยินเสียงตำรวจเคาะประตูเรียกนายวิชัย แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ไม่รู้ว่าเป็นเสียงปืนของฝั่งตำรวจหรือนายวิชัย หลังจากสิ้นเสียงปืน ตำรวจก็ได้ตะโกนให้ตัวเองเข้าไปช่วยยกร่างตำรวจ และนายวิชัยขึ้นรถ ซึ่งสภาพตำรวจที่ถูกยิงและนายวิชัย ตอนนั้นยังหายใจอยู่ แล้วตำรวจก็ขับรถพาทั้ง 2 ไปส่งโรงพยาบาล มารู้ภายหลังว่าทั้งคู่เสียชีวิตระหว่างทาง ก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่ห้องเช่าของตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถ้าหากนายวิชัยยอมออกมาคุยกับตำรวจดี ๆ ก็คงจะไม่มีใครสูญเสียชีวิต
นายอัศฎานนท์ แถมมี อายุ 19 ปี ลูกชายคนเล็กของ ด.ต.อุดม เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตอนเกิดเหตุตัวเองไปเก็บมะพร้าวช่วยย่าอยู่ที่สวน ช่วงประมาณบ่ายโมงกว่า แม่และอาโทรมาบอกว่าพ่อถูกยิง ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าพ่อจะถูกยิงระหว่างปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งวันนี้เมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมา พ่อยังโทรมาหาบอกว่าพ่อซื้อหนังสือติวสอบตำรวจมาให้ ไม่คิดว่าจะเป็นสายสุดท้ายที่ได้คุยกับพ่อ เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ในข่าวว่าตำรวจถูกคนร้ายยิง ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับพ่อตัวเอง ที่ผ่านมาพ่อเป็นคนรักงานในอาชีพตำรวจมาโดยตลอด หลังจากนี้ ตัวเองก็คงจะทำตามความฝันของพ่อที่หมายมั่นให้ตัวเองเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ส่วนตัวขออโหสิกรรมให้กับผู้ก่อเหตุ
ด้าน น.ส. ฉวีวรรณ ทวีเดช อายุ 40 ปี น้าสาวของนายวิชัย บอกว่า ปกติแล้วห้องเช่าที่เกิดเหตุ นายวิชัยจะเช่าห้องอยู่กับภรรยา คนที่ 2 ของเขา และลูกอีก 2 คน ยอมรับว่าน้องชายและภรรยาของเขามีปัญหาทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ซึ่งก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 คนทะเลาะมีปากเสียงกัน จนทำให้ภรรยาของน้องชายหนีกลับบ้านไป แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวภรรยาของน้องชายโทรไปแจ้งตำรวจอย่างไร ตำรวจถึงบุกมาถึงที่ห้องเช่า ส่วนปืนที่น้องชายใช้ก่อเหตุ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องชายไปซื้อปืนมาตอนไหน ยอมรับว่าน้องชายเป็นคนใจร้อน จึงไม่ค่อยได้ตักเตือนน้องชาย เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าหากน้องชายยอมออกมาคุยกับตำรวจดี ๆ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนเรื่องศพก็คงจะให้ภรรยาของน้องชายเป็นคนติดต่อรับศพออกจากโรงพยาบาลมาทำพิธีตามศาสนาในวันพรุ่งนี้
