เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. 64 พ.ต.ท.ชัชวาล แสงสุวรรณ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานปราจีนบุรี จุดบริการศรีมหาโพธิ ว่ามีเหตุผู้ใช้อาวุธแทงกัน มีผู้เสียชีวิตคาที่ 2 ราย หลังรับแจ้งจึงรายให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ พิสิษฐ์ศักดิ์ ผกก.สรีมหาโพธิ ทราบก่อนประสานแพทย์จาก รพ.ศรีมหาโพธิ เพื่อร่วมชันสูตร
ส่วนผู้ก่อเหตุได้นั่งรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ คือนายวิทวัฒน์ เรืองศรี อายุ 25 ปี พร้อมอาวุธมีดพกแบบพรับได้ 1 เล่ม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาสอบสวนที่ สภ.ศรีมหาโพธิ
จากนั้น พ.ต.ท.ชัชวาล แสงสุวรรณ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดไปในเมืองและหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
จากนั้น ได้นำผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหานำชี้ที่เกิดเหตุ 3 จุด บริเวณจุดที่นั่งดื่มเบียร์กับเพื่อน และนายเกียรติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ที่นั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เข้ามานั่งดื่มและคุยด้วยกัน
จุดที่ 2 บริเวณหน้าห้องน้ำ 2 ห้อง ที่ผู้ต้องหายืนคุยกับ น.ส.นภัชกมล ผู้เสียชีวิต และถูกนายเกียรติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ทำร้ายร่างกายก่อน และจุดที่ 3 เป็นจุดที่มีการชกต่อย และใช้อาวุธมีดแท่งจนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ในการจัดทำแผนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ เวลา 20 นาที จึงแล้วเสร็จ ก่อนนำผู้ต้องหาไปควบคุมที่ สภ.ศรีมหาโพธิ และนำตัวไปส่งฟ้องฝากขังยังศาลจังหวัดปราจีนบุรีทันที
พ.ต.ท.ชัชวาล แสงสุวรรณ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ให้ข้อมูลว่า นายวิทวัฒน์ ผู้ต้องหา ยังให้การภาคเสธ และให้การไม่ตรงกับพยาน โดยอ้างว่าถูกต่อยก่อนที่ห้องน้ำ จึงบันดาลโทสะ ขณะที่พยานหรือเพื่อนในที่เกิดเหตุ 2 คน ให้การว่านั่งอยู่กับฝั่งผู้ต้องหารวม 5 คน และมีกลุ่มผู้ตายนั่งอยู่ตรงบาร์ประมาณ 3 คนก่อนผู้ตายมากับ น.ส.นภัชกมล แฟนสาว และรุ่นน้องมานั่งตรงบาร์ รวมกลุ่มผู้ตายเป็น 6 คน
จากนั้นช่วงเวลา 01.00 น. ผู้ตายเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับมาที่โต๊ะบาร์ไม่เจอแฟนสาวจึงเดินไปห้องน้ำ พบแฟนสาวอยู่กับผู้ต้องหา ผู้ตายจึงกระโดดทีบผู้ต้องหาไป 1 ครั้ง และเดินมาพร่ำพรรณากับเพื่อนผู้ต้องหาว่าให้ดูเพื่อนให้ดีอย่ามยุ่งกับแฟนกู จากนั้นผู้ต้องหาเดินมากับแฟนสาวผู้ตาย ก่อนพุ่งมาชกผู้ตายอย่างแรง 1 ครั้ง เหมือนเป็นการเอาคืน และเพื่อน ๆ มาห้าม แต่ก็หลุดทำให้ผู้ต้องหาชักมีดกระหน่ำแทง และทั้งคู่ล้มไปพร้อมกัน ก่อน น.ส.นภัชกมล จะไปเข้าห้ามและถูกแทงล้มลง
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดขามทอง ซึ่งมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายเกียรติศักดิ์ นางดวงกลม ชมิทท์ อายุ 56 ปี แม่นายเกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันที่เจอลูกเป็นครั้งสุดท้าย ยังนอนกอดกันและสอนลูกเรื่องขี่รถให้ระมัดระวัง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ตนไม่เคยห่วงลูกเลย เพราะลูกตนเป็นคนใจเย็น สนุกสนานไม่คิดร้ายกับใคร และไม่เคยทำร้ายใครก่อน กระทั่งเวลา 02.00 น. รับสายจากญาติโทรศัพท์มาบอกว่าลูกถูกแทง เพราะเรื่องหึงหวง ตนก็ตกใจแทบช็อก เพราะไม่เคยคิดว่าลูกต้องมาตายด้วยเรื่องแบบนี้ ทำไมคนทำข่างโหดร้ายเหลือเกิน ไม่นึกถึงคนที่อยู่ข้างของคนตายบ้าง ที่มีลูกสาววัยกำลังน่ารัก และน้องก็ติดพ่อมาก ตนส่งสารหลานมาก จากนี้คงช่วยกันดูแลหลานให้ดีที่สุด
สำหรับตนเองไม่รู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นยังไง เนื่องจากแฟนสาวของลูกคนนี้ ลูกก็ยังไม่เคยพามาแนะนำตัว แต่สิ่งหนึ่งในเรื่องของน้ำใจวันนี้ แม้ฝ่ายหญิงก็สูญเสียเช่นกันก็ยังมาร่วมงาน ผิดแต่กับฝ่ายผู้ต้องหา แม้จะโทรศัพท์มาแสดงความเสียใจยังไม่มีมาเลย มิหน้ำซ้ำได้ยินข่าวว่ามาว่าฝ่ายผู้ต้องหากล่าวหาว่าลูกตนเป็นคนผิดไปทำลูกเขาก่อน ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะยังเชื่อเสมอว่าลูกไม่ทำอย่างนั้นแน่ แต่ถ้าจะทำจริงถึงขั้นกับแกงกันก็โหดร้ายไป แต่ตนก็มองว่าใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น
นายรุ้ง ปานปั้น อายุ 48 ปี พ่อของน.ส.นภัชกมล ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองมาร่วมแสดงความเสียใจ เพราะต่างฝ่ายต่างสูญเสียอีกทั้งฝ่ายชายไปมาแบบเปิดเผยชัดเจนว่าคบหากับลูกสาวของตน แม้จะไม่ได้บอกโดยตรงว่าเป็นแฟนกัน แต่ตนก็พอมองออก และก็ไม่ได้ห้าม จากสายตาที่มองทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเหมือนคู่ซี้ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้นมองว่ารุนแรงมาก สมัยตนถ้าถึงขั้นจะต้องแทงกันตายต้องมีความแค้นฝังใจ แต่สมัยนี้แค่หึงหวงหรือเรื่องทะเลาะในวงเหล้า แค่เตะต่อยกันธรรมดาก็คงจะพอแล้ว สุดท้ายก็ต่างคนต่างไปและจบกันไป การกระทำแบบนี้มันรุนแรงมาก คนทำใช้สมองน้อยกว่ากำลัง สุดท้ายแล้วก็ต้องติดคุกรับโทษส่วนตนจะให้อภัยหรือไม่นั้น วันนี้ไม่สามารถตอบได้ จึงขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวก็ไม่รู้จักกับผู้ต้องหาตามข่าวที่บอกว่าเป็นแฟนเก่าของลูกสาว ตนเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวไม่เคยพาชายคนนี้มาแนะนำแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่มีชาวบ้านกุข่าวว่าลูกสาวตนตั้งท้องก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากแพทย์มีการผ่าชันสูตรช่องท้องเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่พบว่ามีเด็กอยู่ในท้องแต่อย่างใด
ด้านนางนิต เรืองศรี อายุ 64 ปี ยายผู้ต้อหา เปิดเผยว่า สำหรับตนรู้สึกเสียใจมากที่หลานไปก่อเหตุแบบนั้น แต่เหตุการณ์เป็นอย่างไรตนเองก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นคนแก่นอนอยู่ที่บ้าน แต่ในช่วงคืนก่อนเกิดเหตุรู้สึกใจไม่ดี ไม่นานก็มีเด็กวิ่งมาบอกว่ามีเหตุเกิดขึ้นนาทีนั้นความรู้สึกเหมือนตกเหว
ซึ่งปกติหลานชายจะไปทำงาน แต่บางวันจะแวะนั่งดื่มกับเพื่อนตามประสาวัยรุ่น ซึ่งตนเองก็รู้สึกเป็นห่วงว่ากล่าวตักเตือนเรื่องเที่ยวดึก เรื่องขี่รถอยู่บ่อยครั้ง ส่วนนิสัยส่วนตัวเป็นคนนิ่ง ไม่ชอบทำร้ายใคร และไม่ทำใครก่อนนอกจากถูกกระทำก่อน จนเจ็บตัวหลานก็จะไม่ยอม ส่วนมีดยอมรับว่าเห็นหลานพกติดตัวประจำเนื่องจากหลานชอบตกเบ็ด ก็จะพกไว้ตัดต้นไม้ใบหญ้าเวลาไปตามริมน้ำหนองน้ำต่างๆ "ตนขอโทษแทนหลานในสิ่งที่หลานทำไป เพราะก็ไม่รู้เรื่องและหลานก็รับโทษติดคุกแล้วตนเองก็เสียใจไม่แพ้กัน"
