เปิดใจคนขับรถพยาบาลถูกเก๋งขาวขวาง เผย ผู้ป่วยวิกฤติหวิดตาย วอนสังคมมีน้ำใจควรให้ทาง

5 ธ.ค. 61
การกรณีผู้ใช้ เฟซบุ๊กชื่อ supanut sirirattana โพสต์วิดีโอคลิปและข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์รถเก๋งไม่ยอมหลีกทางให้กับฉุกเฉินของโรงพยาบาล ว่า "ขอให้ผู้ป่วยถึงมือหมออย่างปลอดภัยด้วยนะครับ อีกแค่นิดจะถึง รพ.ชล อยู่และ ดูเถอะ"
ภาพจากคลิปเหตุการณ์ รถเก๋งขวางรถฉุกเฉิน
วันที่ 5 ธ.ค. 61 นายศุภณัฐ ศิริรัตนะ อายุ 25 ปี เจ้าของโพสต์ กล่าวว่า จากคลิปดังกล่าวจะเห็นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา นำผู้ป่วยวิกฤตส่งต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งในจุดเกิดเหตุ นั้นเหลือระยะทางอีกเพียงไม่เกิน 200 เมตร ก็จะถึงโรงพยาบาลชลบุรีอยู่แล้ว
นายศุภณัฐ ศิริรัตนะ อายุ 25 ปี เจ้าของโพสต์
โดยรถพยาบาลมหาวิทยาบูรพาเปิดใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินมาตลอดทาง และรถยนต์ประชาชนทั่วไปก็หลีกทางให้มาโดยตลอด แต่เมื่อรถฉุกเฉินขับมาถึงช่วงปากซอยบ้านสวน - สุขุมวิท 17 พบว่า มีรถเก๋งคันสีขาวไม่ยอมหลีกทาง ทำให้ญาติของผู้ป่วยวิกฤติต้องเปิดประตูลงจากรถพยาบาลไปเคาะประตูให้รถเก๋งคันดังกล่าวหลีกทางให้
บริเวณจุดเกิดเหตุ
แต่รถเก๋งสีขาวกลับไม่ยอมหลีกทางให้อีก รถฉุกเฉินจึงต้องเบี่ยงซ้ายเพื่อหลีกทางรถเก๋งคันสีขาว และมุ่งหน้านำตัวผู้ป่วยวิกฤติส่งโรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งตนเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์จึงนำคลิปดังกล่าว โพสต์ในลงเฟซบุ๊กเพื่อเป็นอุทาหรณ์กับผู้ใช้รถยนต์ทุกคนว่า ควรจะหลีกทางให้กับโรงพยาบาล
นายฉลาด สอนจันทร์ อายุ 57 ปี คนขับรถพยาบาลฉุกเฉินของมหาวิทยาลัยบูรพา
ต่อมา นายฉลาด สอนจันทร์ อายุ 57 ปี คนขับรถพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นของวันที่ 4 ธ.ค. 61 โรงพยาบาลมหาวิทยาบูรพากำลังนำตัวผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉินคือ คุณประสาน มะละออ ส่งต่อยังโรงพยาบาลชลบุรี โดยภายในรถฉุกเฉินมีญาติผู้ป่วยเดินทางไปด้วย 1 คน ซึ่งภายในรถฉุกเฉิน พยาบาลกำลังปั๊มหัวใจผู้ป่วยวิกฤติเพื่อเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรีให้เร็วที่สุด แต่กลับพบว่ารถเก๋งสีขาวคันดังกล่าวไม่ยอมหลีกทางให้ ทำให้ญาติไม่พอใจและลงไปเคาะกระจกอย่างในคลิป ตนจึงขอฝากเตือนประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนว่า ควรจะมีน้ำใจหากพบเห็นรถพยาบาลฉุกเฉิน ก็ควรจะหลีกทางให้เพื่อนำตัวผู้ป่วยวิกฤติให้ถือมือแพทย์อย่างรวดเร็วที่สุด ด้าน นายสุริยา โปร่งน้ำใจ ผอ.โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า ผู้ป่วยมีอาการจุกแน่นกลางหน้าอก ซึ่งต้องได้รับการบอลลูนหัวใจด่วน และถือว่าคนป่วยอยู่ในอาการวิกฤติ มีโอกาสหัวใจหยุดเต้นได้ จึงต้องรีบนำตัวส่งถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อทำการรักษา โดยขณะนี้ผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา เนื่องจากเมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้ป่วยก็ได้รับการรักษาทันที และเล่าสุด คนป่วยปลอดภัยแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ