จากกรณีช่วงกลางดึกวันที่ 6 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท ที่ ม.8 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้เข้ามาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่มาถึง คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ได้แยกย้าย
เจ้าหน้าที่จึงขับรถกลับระหว่างทางที่กลับ มีรถยนต์ของคนร้ายได้มาขับปาดหน้า และใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าไปที่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนัด จนทำให้ ด.ต.ณรงค์ศักดิ์รงค์ สุวรรณ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาขวา
จากนั้นมีตำรวจชุดจู่โจมมากกว่า 100 นายหว่านล้อม สุดท้ายเปลี่ยนแผนให้ญาติเอายานอนหลับผสมน้ำดื่มให้ดื่มคุมตัวได้ภาสยใน 6 ชม.
วันที่ 7 ธ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดจับกุม เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนายชาน (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ลุงผู้ก่อเหตุ บอกว่า ปกตินายณัฐวิทย์ วิกิตคำมี อายุ 30 ปี หลานชายอาศัยอยูที่จังหวัดปราจีนบุรี และมักจะมาเที่ยวเล่นที่นี่เป็นประจำ ซึ่งล่าสุดนายณัฐวิทย์มาอยู่ที่บ้านได้ 2 วัน โดยมีลักษณะอาการเบลอ ซึ่งตนก็ทราบอยู่แล้วว่าหลานชายติดยาเสพติดมานาน
โดยวันเกิดเหตุ ทางญาติมีการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางน้ำเปรี้ยว เพื่อให้มาจับกุมตัวหลานชายไปบำบัด แต่มีการสื่อสารผิด บอกว่าให้มาจับยาเสพติด จากนั้นนายณัฐวิทย์ขับรถกระบะอีซูซุ 4 ประตูสีดำ ออกไปจากบ้าน โดยที่ทางญาติก็ไม่ทราบว่าขับไปที่ไหน
พอเจ้าที่ตำรวจขับรถกระบะมายังบ้านที่เกิดเหตุ ก็ไม่พบเจอตัวนายณัฐวิทย์ จึงมีการขับรถกลับไป ในระหว่างทางที่ขับรถกลับ ไปเจอนายณัฐวิทย์จอดรถอยู่ข้างทาง เกิดอาการหลอน และหวาดกลัวตำรวจ เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าเสพยาเสพติด จึงมีการขับรถหลบหนี ซึ่งมีการยิงกันตอนไหนตนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ส่วนตัวนายณัฐวิทย์เป็นคนดี ถึงแม้จะเสพยาเสพติด แต่ก็มีสติรู้ว่าใครคือญาติ ซึ่งไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายคนอื่น โดยตนรู้สึกตกใจ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอาวุธครบมือ กลัวว่าหลานจะถูกจับตาย แต่สุดท้ายแม่ของนายณัฐวิทย์มีการนำยานอนหลับผสมกับน้ำดื่มเอาไปให้ลูกชาย คาดว่านายณัฐวิทย์น่าจะไม่ได้นอนมาหลายวัน จึงเกิดอาการง่วงและหลับไป นายณัฐวิทย์เคยเล่าให้ตนฟังว่าตัวเองถูกทำคุณไสย มีคนจ้องจะทำร้ายตลอดเวลา แต่ส่วนตัวมองว่าเกิดจากการเสพยาเสพติด จนทำให้มีผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองมากกว่า
ทางครอบครัวมีการเตรียมหลักทรัพย์เพื่อที่จะนำไปประกันตัว หลังจากประกันตัวเสร็จสิ้นก็คาดว่าจะนำตัวนายณัฐวิทย์ไปบำบัดให้หาย ส่วนทางด้านตำรวจที่ได้รับอาการบาดเจ็บ ตนต้องขอเป็นตัวแทนขอโทษครอบครัวผู้บาดเจ็บแทนหลานชาย รู้สึกตกใจไม่คาดคิดว่าหลานจะยิง มองว่าคงหลอนยาเลยยิงตำรวจ และทางญาติก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง
นายตั้ม (นามสมมติ) เพื่อนผู้ก่อเหตุ บอกว่า นายณัฐวิทย์เป็นคนดี พูดจาสนุก อัธยาศัยดี สมัยที่ยังอยู่เดียวกัน ก็ไปเที่ยวด้วยกันประจำ ซึ่งก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ภายหลังที่เจ้าตัวย้ายไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เว้นแต่จะมาเยี่ยมญาติ ๆถึงจะแวะมาหา ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุ 1 วัน นายณัฐวิทย์ก็มานั่งเล่นและพูดคุยกับตน ซึ่งมีท่าทางปกติไม่ได้เหม่อลอย หรือมีอาการหลอนพูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งดูไม่ออกว่านายณัฐวิทย์เสพยาเสพติดหรือไม่
ภายหลังมีการทราบข่าวว่านายณัฐวิทย์มีอาการหลอนยา แล้วก่อเหตุยิงนายตำรวจได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะก่อเหตุ ส่วนที่มาของปืนกับประวัติการเสพยาเสพติด ตนไม่ทราบจริง ๆ เพราะไม่ได้คลุกคลีกันนานแล้ว
