คดีพลิกพลเมืองดีช่วยไรเดอร์ ที่แท้แก๊งมือปืนเบี้ยวค่ายา คลิปมัดยกก๊วน (คลิป)

7 ธ.ค. 64

เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 6 ธ.ค.64 ร.ต.ต.สุพรรณ์ ขันอาสา ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นขี่รถ จยย. ทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะชักอาวุธปืนยิงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จุดเกิดเหตุบริเวณถนนป๊อปปูล่า หน้าอิมแพคฟอรั่ม ฮอล 4 เมืองทองธานี ภายในเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

908948995466

ทราบชื่อนายกิตติพัฒน์ ยงธนาจิรพัฒน์ อายุ 27 ปี สวมเสื้อคลุมไรเดอร์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณใต้ราวนม ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 1 นัด และมีบาดแผล ถูกแทงบริเวณช่วงหน้าท้อง 1 แผล เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลชลประทาน ใกล้กันพบหมวกกันน็อกสีดำ รองเท้าแตะ 2 คู่ และปืนไทยประดิษฐ์ตกอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยคืนเกิดเหตุ หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างเป็นพลเมืองให้ข้อมูลว่าเห็นเหตุการณ์นั้น

594389

ล่าสุด วันที่ 7 ธ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ถนนเกาะกลางใกล้กับแยกไฟแดงถนนป๊อปปูล่า หน้าอิมแพคฟอรั่ม ฮอล 4 เมืองทองธานี ภายในเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่หมดแล้ว ไม่มีร่องรอยเลือดของผู้บาดเจ็บติดอยู่ที่พื้น

913899

ทีมข่าวได้คลิปเหตุการณ์ขณะที่หนุ่มแกร็บถูกรุมทำร้าย ซึ่งในภาพจะเห็นว่ามีชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบทั้งคู่ กำลังรุมทำร้าย หนุ่มแกร็บ โดยมีพลเมืองดีที่ใส่กางเกงขาสั้นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เห็นว่ามีตำรวจจราจร 1-2 คนวิ่งเข้ามาช่วยระงับเหตุ จนชายที่ก่อเหตุวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะมีผู้ก่อเหตุอีก 3 คน อยู่ที่มอเตอร์ไซค์แล้วก็ขี่รถหลบหนีไปได้

698896

เมื่อเวลา 09.30 น. ผู้ก่อเหตุ 2 คนที่ทำร้ายหนุ่มแกร็บในคลิป ได้เดินทางเข้าไปมอบตัวกับตำรวจที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทราบชื่อก่อเหตุต่อมาก็คือ นายณัฐวัฒน์ คูสว่างศรี หรือ ฟร้อง 23 ปี และนายวัชรธร กายแก้ว หรือ เอก อายุ 24 ปี คนขี่ จยย. ถูกไรเดอร์ฟันเจ็บ ส่วนนายวรพล เจริญเจียงชัย หรือไอซ์อายุ 27 ปี ที่บอกว่าเป็นพลเมืองดี เป็นมือยิงที่เข้ามาช่วยเพื่อน 2 คน และก่อเหตุยิงไรเดอร์เจ็บ

374934

โดยสาเหตุมาจากนายไอซ์สั่งยาโรเช่ หรือยากดประสาท ที่ผสมกับยาเสพติดจำนวน 20 แผง ในราคา 2,400 บาท จากหนุ่มแกร็บแล้วเบี้ยวไม่จ่าย จังหวะพยายามหลบหนี นายฟร้องดันไปค่อมรถผิดคันของหนุ่มแกร็บ หนุ่มแกร็บก็เลยถีบ จยย. ของนายฟร๊องกับเอกคว่ำ ก่อนใช้มีดฟันฟร้องกับเอกบาดเจ็บ ส่วนนายไอซ์ที่พกปืนติดตัวมาด้วยจังหวะที่จะยื่นปืนให้นายฟร้องหนุ่มแกร็บพยายามแย้งปืนจนทำให้ปืนลั่นใส่หนุ่มแกร็บ ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้น ฟร้องและเอก ก็รุมกระทืบหนุ่มแกร็บก่อนวิ่งไปขี่รถ จยย. ของตัวเองที่ขี่มาหลบหนีไป ส่วนนายไอซ์รออยู่ในที่เกิดเหตุ แล้วตีเนียนกับตำรวจว่าไม่รู้จักกับนายฟร้องและนายเอก อ้างตัวเองว่าเป็นพลเมืองดี

624777

เมื่อเวลา 15.40 น.หลังตำรวจสอบปากคำทั้ง 3 คนเสร็จ ได้คุมตัว ทั้ง 3 คน ขึ้นรถตู้ของตำรวจ เดินทางไปทำแผนประกอบคำสารภาพในที่เกิดเหตุ 2 จุด คือจุดนัดรับยากันแล้วก็จุดที่มีการถีบรถยิงกันจนบาดเจ็บ โดยจุดแรก ทางตำรวจได้พาทั้ง 3 คนลงรถไปชี้จุด ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ในเมืองทอง เริ่มจากนายไอซ์ก่อน ที่เป็นคนนัดหนุ่มแกร็บมาส่งยากดประสาทให้ จำนวน 20 แผง ในราคา 2,400 บาท โดยพกอาวุธปืนติดตัวมาด้วย

พอมาถึงจุดที่ 2 จุดที่มีการยื้อแยงปืนและทำร้ายกัน ตำรวจได้นำตัวนายฟร้องและนายเอกลงจากรถ มาชี้จุดที่มีหนุ่มแกร็บขี่รถไล่มาแล้วใช้เท้าถีบรถจน รถนายฟร้องกับนายเอกล้มลง จากนั้นนายเอกก็อ้างว่าพอตัวเองกับฟร้องล้มลง หนุ่มแกร็บ ก็นำมีดที่ติดตัวมาด้วยเดินลงไปแทงที่ตัวเองและฟร้อง จนได้รับบาดเจ็บ แล้วก็ชุลมุนกัน

ซึ่งการทำแผน นายฟร้องกับนายเอก พยายามบอกว่าทั้ง 2 คนไม่ได้ตั้งใจ แต่ถูกหนุ่มแกร็บทำร้ายก่อน เหตุการณ์ทั้งหมด นายไอซ์เป็นคนวางแผน ตอนแรกเอกและฟร้องตั้งใจจะมาดูพระ แต่ดันถูกนายไอซ์หลอกให้มาร่วมก่อเหตุ โดยก่อนตำรวจจะพาทั้ง 3 คนขึ้นรถกลับโรงพัก

307469

นางหมู อายุ 44 ปี แม่ของนายฟร้อง บอกว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ 3 ทุ่ม มีญาติโทรมาบอกว่าลูกชายมีเรื่องทะเลาะวิวาห์ได้รับบาดเจ็บที่เมืองทอง ด้วยความตกใจก็รีบโทรไปหาลูกชาย ช่วงเที่ยงคืนลูกชายกลับมาที่บ้านมาแบบสภาพบาดเจ็บถูกฟันที่มือ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าก่อนเกิดเหตุเพื่อนชวนไปดูพระ แล้วก็ไปมีเรื่องยิงกัน ส่วนตัวเองได้รับบาดเจ็บถูกแทง

จากนั้น ตนก็พาลูกชายไปทำแผลที่โรงพยาบาล จนตอนเช้าเห็นข่าวจึงพาลูกชายมามอบตัว เพราะว่าไม่รู้จะให้ลูกชายหนีไปทำไม ทำผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนเรื่องนายไอซ์จะชวนไปก่อเหตุหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะส่วนตัวไม่รู้จักกับไอซ์ แล้วก็ไม่รู้ว่าไอซ์มาเป็นเพื่อนกับลูกชายเมื่อไร วันนี้เรื่องคดีก็คงต้องแจ้งความกับหนุ่มแกร็บข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังจากนี้เรื่องคดีใครผิดใครถูกก็ขอให้ศาลเป็นคนตัดสิน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส