อังคณา เคลื่อนไหวสลายชุมนุม #Saveจะนะ ฉะเป็นการกระทำน่าละอาย นายกฯ ต้องรับผิดชอบ

7 ธ.ค. 64

จนท.สลายชุมนุม #Saveจะนะ จับชาวบ้าน 37 ราย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประณามเป็นการกระทำน่าละอาย นายกฯ ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กรณีการสลายการชุมนุม #Saveจะนะ ในช่วงค่ำวานนี้ (6 ธ.ค.64) ทั้งหมด 37 คน ถูกนำตัวไปใน บช.ปส. และถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกคน ในจำนวนนี้เป็นหญิง 31 คน และชาย 6 คน อายุมากที่สุดคือหญิงวัย 70 ปี และอายุน้อยที่สุดคือหญิงวัย 18 ปี ที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด (7 ธ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวทางด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า  การสลายการชุมนุมชาวบ้านจะนะ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ที่ชุมนุมอย่างสงบบริเวณหน้าทำเนียบเมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม ถือเป็นการกระทำที่น่าละอายและสมควรถูกประณาม

การชุมนุมดังกล่าวของประชาชนเป็นเพียงการทวงถามสัญญาจากรัฐบาลให้ทำตามบันทึกข้อตกลงผลการเจรจาการแก้ไขปัญหาระหว่างกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นกับผู้แทนรัฐบาล ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ซึ่งบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
การชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและกติกาสากลด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง การสลายการชุมนุมจะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุบ่งชี้ว่าการชุมนุมจะนำไปสู่ความรุนแรงและเกิดความเสียหายต่อสาธารณะ การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อคืนวันที่ 6 จึงเป็นการใช้อำนาจเกิดสมควร ขาดความชอบธรรมและเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้คำมั่นต่อนานาประเทศในเรื่องการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการชาติด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งหนึ่งในเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้คำมั่นคือ การปกป้องนักสิทธิมนุษยชนและการยุติการฟ้องกลั่นแกล้งหรือฟ้องปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชน แผนปฏิบัติการชาติยังเน้นย้ำเรื่องการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากธุรกิจ แต่ปัญหาคือหน่วยงานรัฐไม่เคยทำตามสัญญา
โครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่องยาวนาน ชาวบ้านหลายคนถูกคุกคามโดยกลุ่มทุน นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่โดยหน่วยงานรัฐแทบไม่สนใจและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทะเลจะนะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลใน จชต. ที่ชาวบ้านร่วมกันปกป้อง ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ที่กลุ่มทุนโดยการสนับสนุนจากรัฐมุ่งหวังจะใช้ประโยชน์เพื่อผลทางธุรกิจในนามของการพัฒนา
นายกรัฐมนตรีต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ชุมนุมซึ่งส่วนมากเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิง และเป็นผู้สูงอายุ โดยยกเลิกการตั้งข้อกล่าวหา ปล่อยผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดโดยทันที ปฏิบัติตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้กับประชาชน พร้อมทั้งชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และให้หลักประกันว่าการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่รัฐบาลและหน่วยงานรัฐต้องให้ความเคารพและคุ้มครอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส