เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 กล่าวว่า แนวโน้มการระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดูเหมือนลดลง ส่วนสายพันธุ์โอไมครอน หรือ B.1.1.529 เป็นการกลายพันธุ์ถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรม
สำหรับผู้ติดเชื้อรายแรกของไทย เป็นชายไทย สัญชาติอเมริกัน อายุ 35 ปี อาชีพนักธุรกิจ อาศัยอยู่ที่ประเทศสเปนเป็นเวลา 1 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติการติดโควิด-19 มาก่อน และได้รับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จำนวน 1 เข็มที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 ขณะนี้ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก ๆ
โดยผู้ป่วยรายนี้ มีประวัติการเดินทาง ดังต่อไปนี้
วันที่ 28 พ.ย.64 ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่ประเทศสเปน ผลไม่พบเชื้อ จากนั้นไปทานข้าวกับเพื่อน
วันที่ 29 พ.ย.64 บินจากสเปนไปดูไบ พักที่ดูไบ 9 ชั่วโมง ไม่ได้พูดคุยกับใครและสวมใส่แมสก์ตลอดเวลา
วันที่ 30 พ.ย.64 บินจากดูไบมากรุงเทพฯ เป็นผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go หลังจากเดินทางมาถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้เดินทางไปเก็บตัวอย่างที่โรงพยาบาลคู่สัญญา และเข้าพักในโรงแรม
วันที่ 1 ธ.ค.64 โรงพยาบาลแจ้งว่าผลตรวจเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19
วันที่ 3 ธ.ค.64 ส่งตัวอย่างเชื้อตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ทีมข่าวได้สัมภาษณ์ "อ๋อม สกาวใจ" เปิดเผยว่า ตนมีความรู้สึกโกรธมาก โกรธทุกครั้งที่ผิดพลาด เหมือนรัฐบาลหลอกไปหลอกมา แต่นี่คือชีวิตคน ตนเข้าใจว่าการเปิดประเทศทำให้เงินหมุนเวียน แต่ก็ควรเปิดให้คนในประเทศได้ท่องเที่ยว ก่อนที่จะมีการเปิดให้ต่างชาติเข้ามา เพราะปัจจุบันตนไม่เห็นว่าจะมีมาตรการการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพียงพอ สุดท้ายแล้วเชื้อสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน ก็เข้าถึงไทยจนได้ ในหลาย ๆ ประเทศก็ปิดเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 เว้นประเทศไทยที่ยังเปิดอยู่ ตนอยากให้ปิดแล้วมีเงินหมุนเวียนในประเทศก่อน พร้อมรับเมื่อไรค่อยเปิด
ทั้งนี้ หลายธุรกิจที่กำลังจะลืมตาอ้าปาก ก็ไม่ได้อ้าปากสักที อย่างธุรกิจบันเทิงช่วงปีใหม่ก็ต้องชะงัก เศรษฐกิจทรุดหนักกว่าเดิม อยากให้รัฐบาลออกมาพูดความจริง อย่าโทษประชาชน คนไทยป้องกันดีอยู่แล้ว พอต่างชาติเข้ามาเราไม่มีมาตรการรองรับที่ดีพอ ก็อยากให้ออกมาชี้แจง ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เคยพูดว่าจะเปิดประเทศ รับผิดชอบกับคำพูดที่เคยพูดไว้
"อยากให้มีหัวใจรักประชาชนหน่อย ประชาชนในตอนนี้เห็นคุณเป็นผู้นำประเทศ เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ที่ผ่านมาผิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก มันพัง มันเละเทะ การแก้ปัญหาในทุก ๆ เรื่อง ฉีดวัคซีนได้ครบหรือยัง บางคนเข็มแรกยังไม่ได้ฉีด เรื่องธุรกิจที่คุณจะรองรับและเยียวยา บางคนก็ไม่ได้รับการเยียวยา คุณลอยตัวแหละ เพราะคุณเป็นรัฐบาล เป็นผู้นำประเทศ ทุกอย่างมันลอยตัว แต่ประชาชนที่เขาทำมาหาเช้ากินค่ำที่เขาได้รับผลกระทบมาก ๆ ไม่ลอยตัว ลำบาก หนี้สินทุกอย่างที่ต้องหาเงินมาเคลียร์ มันไม่มีการเยียวยา ที่เยียวยาก็ไม่เพียงพอ งบประมาณที่ควรเยียวยาเอาไปซื้ออะไรที่ไม่จำเป็น อยากให้มีหัวใจที่คิดถึงประชาชนหน่อย" สาวอ๋อม กล่าว