เปิดใจ พ่อยิงลูกรัว 11 นัด แค้นถูกด่าหยาบ ฝังใจไล่แทง เผาบ้าน - แม่ช็อก ชี้ปมลูกคลั่งยา (คลิป)

3 ธ.ค. 61
จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อทอง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุพ่อยิงลูกชายเสียชีวิต ภายในบ้านพัก ต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ นายวายุ อายุ 37 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณลำตัว หน้าอก รวม 11 นัด โดยมีนายยนต์ อายุ 76 ปี เจ้าของบ้าน และพ่อผู้ตาย สารภาพว่าลูกชายเมายาแล้วมาขอเงิน แต่ไม่ได้ให้ ลูกชายจึงเข้ามาผลักอกตัวเองด้วยความโมโห ทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนขนาด .38 มม. ยิงลูกชายเสียชีวิต
นายยนต์ คุ้มพรม ผู้ก่อเหตุ พ่อผู้เสียชีวิต
วันที่ 3 ธ.ค. 61 นายยนต์ คุ้มพรม อายุ 76 ปี ผู้ก่อเหตุ ยิงลูกชายจนเสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวานนี้ (2 ธ.ค. 61) ประมาณ 18.00 น. ขณะที่ตนนั่งอยู่บริเวณโต๊ะกินข้าว นายวายุ ลูกชาย ก็เดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับด่าตนด้วยคำหยาบคาย ซึ่งปกติแล้วนายวายุก็จะเป็นคนแบบนี้ หากเจอหน้าตน ก็จะต้องมีปากเสียงกัน ด่าตนแบบไม่ไว้หน้าตลอดทุกวัน จนกระทั่งตนทนไม่ไหว โดยนายวายุได้มีการพูดท้าทายตนว่า “มึงมีปืนเหรอ มึงมีปืน มึงเอามายิงกูดิ” พร้อมกับมีอาวุธมีดอีโต้ด้ามยาวในมือติดตัวตลอด ทั้งยังเดินมาผลักหน้าอกตนจนเกือบล้มไปที่พื้น ตนเกิดความโมโห จึงเข้าไปหยิบอาวุปืนที่อยู่ในห้องนอนออกมายิง เพราะหากตนไม่ยิง ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกอีกฝ่ายทำร้ายก่อน เมื่อลูกชายสลบแน่นิ่งไป ตนจึงให้ลูกสาวโทรศัพท์เรียกตำรวจมา
ภาพจำลองเหตุการณ์ขณะนายยนต์ ทำร้ายนายวายุ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาตนในข้อหาฆ่าคนตาย โดยตำรวจได้ปล่อยตัวออกมา เพราะตนขอเข้ามอบตัวเอง ส่วนที่มีข่าวระบุว่า ลูกชายมาพูดขอทวงเงินแต่ตนไม่ยอมให้นั้น ไม่ใช่ความจริง ชนวนเหตุของเรื่องมีเพียงการปากเสียงกันเท่านั้น นอกจากนี้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือน ก.ย. หรือต.ค. นั้น ลูกชายเคยจุดไฟเผาบ้าน เพราะมีปากเสียงกับตน โดยลูกชายได้จุดไฟเผาที่บริเวณที่นอนของตน แต่โชคดีที่ดับไฟทัน ตนจึงแจ้งความจับลูกชาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบปากคำและตรวจปัสสาวะ พบว่ามีสารเสพติด ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทำให้ลูกชายตนต้องจำคุก และเข้ารับการบำบัดสารเสพติดเป็นเวลา 1 เดือน และเพิ่งจะได้รับการพ้นโทษออกมา กระทั่งมาทะเลาะวิวาทกับตนในครั้งนี้ ตนจึงคาดว่าลูกชายน่าจะโกรธแค้นที่ตนแจ้งความจับในครั้งนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าลูกชายมีนิสัยก้าวร้าวกับตน เป็นเพราะสารเสพติด
นางซุหลี คุ้มพรม แม่ของผู้ตาย
ขณะเดียวกัน นางซุหลี คุ้มพรม แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่ลานนอกบ้าน ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ตนจึงวิ่งไปดู ก็พบว่าสามียิงลูกตัวเองซ้ำจนลูกปืนหมดแม็ก ทั้งนี้ พ่อกับลูกมีปัญหาแค้นใจกันมาตลอด ซึ่งพ่อก็เคยพูดเปรยว่า เขาจะยิงลูกชายเข้าสักวัน ตนเองก็ได้พยายามเตือนสติแล้ว และที่ผ่านมา ช่วงที่ลูกชายยังไม่ติดยาเสพติด ก็เป็นคนนิสัยดี แต่พอเริ่มเสพยา นิสัยก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ก้าวร้าว และชอบมีปากเสียงกับพ่อเป็นประจำ ซึ่งลูกชายมีปัญหากันมานานแล้วกว่า 10 ปี  ก่อนที่ลูกชายจะไปติดยา โดยก่อนหน้านี้ ลูกชายได้รับการบำบัดแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็กลับมามีนิสัยแบบเดิมอีก ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกนั้น พ่อมักเป็นคนเจ้าระเบียบ ไม่ชอบให้ลูกชายคนนี้ออกไปข้างนอกหรือไปเที่ยว ทำให้มีปัญหากันตลอด ซึ่งหลังจากนี้หากพ่อจะต้องถูกดำเนินคดี ตนเองก็ขอให้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนศพของลูกชายอยู่ระหว่างการผ่าชันสูตรศพ แล้วจึงจะนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสำเภาทองในวันถัดไป
พ.ต.อ.กุลชาติ กุลชัย ผู้กำกับการ สภ.บ่อทอง
ด้าน พ.ต.อ.กุลชาติ กุลชัย ผู้กำกับการ สภ.บ่อทอง เปิดเผยความคืบหน้าว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีแจ้งข้อหาต่อนายยนต์ คุ้มพรม ผู้ก่อเหตุ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นปืนของเจ้าตัวเองมีทะเบียนตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยจับกุมนายวายุ คุ้มพรม ผู้ตาย ในข้อหาเสพสารเสพติดมาแล้ว หลังจากนั้น พ่อของผู้ตายก็มักชอบแอบดูว่าลูกชายยังเสพยาอยู่หรือไม่ ซึ่งส่งผลให้ลูกชายไม่พอใจ ทำให้ชอบด่าทอพ่อด้วยคำหยาบคายมาตลอด กระทั่งมาถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่พ่อของผู้ตายอดทนมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ประกอบกับผู้ตายมีการถืออาวุธข่มขู่ เตรียมทำร้ายบุพการี พ่อของผู้ตายจึงทนไม่ไหว จึงใช้อาวุธปืนยิง นอกจากนี้ พ่อผู้ตายยังเคยแจ้งความจับลูกชายในข้อหาลอบวางเพลิง เมื่อตำรวจนำตัวผู้ตายมาที่โรงพัก ก็มีการขอตรวจปัสสาวะ ทำให้ตำรวจต้องแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำ เชื่อว่าพ่อของผู้ตายทำทุกอย่างไปด้วยความรักลูก และไม่เคยคิดวางแผนว่าจะฆ่าลูกตัวเอง แต่เป็นเพราะบันดาลโทสะ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่จิตวิทยาเข้าไปพูดคุยกับทั้งพ่อและแม่ผู้ตาย เพราะความรู้สึกของทั้งคู่ก็ยังทำใจไม่ได้ ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้ขอมอบตัวเอง ไม่ได้มีการหลบหนี และให้การที่เป็นประโยชน์แก่รูปคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้อำนาจปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์เพื่อยื่นประกันตัว ซึ่งระหว่างนี้ อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ไปแล้ว เพื่อเตรียมส่งฟ้องศาลต่อไป

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ