กรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 ธ.ค.64 ร.ต.อ.พีรพัฒน์ ชมชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ด่านซ้าย รับแจ้งจาก รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ว่ามีคนถูกยิง 3 ราย ญาตินำมาส่งรักษาที่โรงพยาบาล จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ จิรัฐวรโชต ผกก.สภ.ด่านซ้าย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน
เมื่อเดินทางมาถึงพบญาติพี่น้องยืนอยู่ที่หน้าห้องไอซียู ทราบชื่อผู้ถูกยิงทั้ง 3 คือ นายยศทิน แสงราช อายุ 37 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด เสียชีวิต, นายวรสิทธิ์ อุทะเสน อายุ 32 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ลำคอ 1 นัด บาดเจ็บสาหัส และนายวิษณุ กันยาประสิทธิ์ อายุ 28 ปี ถูกยิงทะลุคอ 1 นัด บาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายอดิศักดิ์ นันทพรม อายุ 29 ปี
จากการสอบถามข้อมูล พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ จิรัฐวรโชต ผกก.สภ.ด่านซ้าย ให้ข้อมูลว่า สอบปากคำผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพสาเหตุมาจากเป็นเมื่อ 3 ปีก่อน นายอดิศักดิ์ประสบอุบัติเหตุต้องตัดเท้าขวาจนเป็นคนพิการ และถูกกลุ่มผู้ตายพูดจาถากถางว่า คนพิการเมียหนี จึงเก็บความรู้สึกมานาน 3 ปี อีกทั้งยังฝังใจคิดว่าทั้ง 3 คนนี้ เป็นคนยุแยงให้ภรรยาของนายอดิศักดิ์หนีไปด้วย
วันเกิดเกตุจึงมานั่งกินเหล้าด้วยกันกับทั้ง 3 คน และถูก 3 คน เอาเรื่องเก่ามาพูดอีกจนทนไม่ไหว ชักปืนขนาด 9 มม. ออกมาจากเอว ยิงกระหน่ำทั้ง 3 คน เป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากนั้นขับรถหลบหนี และติดต่อขอมอบตัว
วันที่ 3 ธ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน มีรอบเลือดติดตามพื้น
น.ส.รัตนา แสงราช อายุ 37 ปี ภรรยาของนายยศทิน ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ที่บ้านของตัวเองเปิดเป็นร้านขายของชำ ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. สามีและเพื่อนอีก 2 คน นั่งกินเหล้าที่โต๊ะหินอ่อนหน้าร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 21.00 น. นายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินมาที่ร้านตัวเอง แล้วเข้ามาร่วมวงดื่มเบียร์ด้วย ผ่านไปไม่นาน ขณะที่ตัวเองนอนอยู่ในบ้าน ตัวเองก็ได้ยินเสียงปินดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน
ตัวเองจึงรีบวิ่งออกมาดูที่หน้าร้าน พบว่าสามีและเพื่อนถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น และเห็นว่านายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ยืนถือปืนมองหน้ามาที่ตัวเอง ตัวเองจึงสอบถามเขาว่า "เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องยิงกัน" แต่ผู้ก่อเหตุยืนนิ่งไม่ได้ตอบคำถาม จากนั้นนายอดิศักดิ์จึงได้เดินกลับไปบ้านเขา แล้วขับรถกระบะหลบหนีไป จากนั้นตัวเองจึงรีบนำสามีและคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่สามีเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับปมที่นายอดิศักดิ์มาก่อเหตครั้งนี้ ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามาตากเรื่องอะไร เพราะตอนที่สามีและกุล่มเพื่อนั่งดื่มกินกับผู้ก่อเหตุ ตัวเองก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีปากเสียงทะเลาะกัน และไม่ได้ยินว่าเขาพูดคุยอะไรกันด้วย ที่ผู้ก่อเหตุให้การกับตำรวจว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาถูกสามีตัวเองและกลุ่มเพื่อนบูลลี่เขาว่า "พิการเมียทิ้ง" ตัวเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นว่าสามีจะไปพูดดูถูกนายอดิศักดิ์แต่อย่างใด ก็เห็นสามีและอดิศักดิ์ยังพูดคุยกันตามปกติ
ตัวเองคิดว่าผู้ก่อเหตุเขาทำเกินไป ถ้าสามีตัวเองและกลุ่มเพื่อนบูลลี่เขาจริง ๆ ทำไมเขาไม่แค่ต่อยหรือกระทืบสามีเท่านั้น ทำไมต้องทำถึงเสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 1 รายอีกด้วย แล้วอีกอย่างสามีและผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน สำหรับสามีตัวเองเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังจากนี้ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป ตัวเองอยากให้ผู้ก่อเหตุเขารับโทษให้ถึงที่สุด หลังจากเกิดเหตุ ครอบครัวของผู้ก่อเหตุก็ยังไม่มาขอโทษครอบครัวแต่อย่างใด
ล่าสุด ผู้ต้องหาหลังก่อเหตุแล้วติดต่อเข้ามอบตัว ก็มีการโพสต์ข้อความว่า "มอบตัวครับ"
นางหอมจันทร์ อุทะเสน อายุ 50 ปี แม่ของนายวรสิทธิ์ อุทะเสน อายุ 32 ปี ผู้เสียชีวิต บอกว่า ตัวเองไม่รู้สาเหตุเลยว่าทำไมผู้ก่อเหตุถึงมายิงลูกชายตัวเอง และกลุ่มเพื่อน เพราะที่ผ่านมาลูกชายตัวเองก็ไม่เคยมีปัญหากับผู้ก่อเหตุ และไม่เคยไปก่อเรื่องที่ไหน อีกอย่างลูกชายก็เป็นญาติกับคนก่อเหตุอีกด้วย ไม่คิดว่าเขาจะก่อเหตุได้ถึงขนาดนี้
ที่ผู้ก่อเหตุให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าปมที่เขาก่อเหตุมาจากกรณีที่ลูกชายตัวเอง และกลุ่มเพื่อนไปบลูลี่เขาว่าเขาพิการเมียหนีนั้น ตัวเองก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นเรื่องของการบูลลี่กันจริง ตัวเองก็คิดว่าไม่น่าจะมายิงกันแบบนี้ แต่ชกต่อยกันก็พอแล้ว
สำหรับลูกชายตัวเอง เป็นคนนิสัยดี ช่วยตัวเองและครอบครัวทำงาน แต่ดื่มเหล้าบ้างตามประสาวัยรุ่น และไม่เคยมีนิสัยไปล้อเลียนหรือดูถูกคน ส่วนผู้ก่อเหตุตัวเองก็เดาใจไม่ออก เพราะเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด อยู่แบบส่วนตัว หลังเกิดเหตุ ครอบครัวของผู้ก่อเหตุก็ยังไม่มาขอโทษครอบครัวตนตัวเองแต่อย่างใด ถ้าเป็นไปได้ ตัวเองอยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษประหารชีวิต
เวลา 19.50 น. นายวิษณุ กันยาประสิทธิ์ อายุ 28 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงหลังหูด้านขวา ครอบครัวได้รับตัวจากโรงพยาบาลกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน โดยนายวิษณุ ยังอยู่ในอาการที่บาดเจ็บ สามารถพูดคุยได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะอาศัยการพยักหน้าตอบรับ
นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ พวกตัวเอง 3 คน นั้งดื่มกินที่ม้าหอนอ่อนร้านทึ่เกิดเหตุ สักพักหนึ่งนายอดิศักดิ์ ผู้บาดเจ็บก็เดินมาร่วมวงด้วย ซึ่งระหว่างที่พวกตัวเองดื่มกินอยู่นั้น นายอดิศักดิ์ก็ชักปืนออกมายิงพวกตัวเอง โดยจำไม่ได้ว่าเขายิงใครก่อน กระทั่งตัวเองล้มลงไปบาดเจ็บที่พื้น
ทั้งนี้ กลุ่มของตัวเองไม่ได้ไปบูลลี่หรือดูถูกผู้ก่อเหตุ ไม่ได้มีปากเสียงหรือทะเลาะกันก่อน และไม่รู้ว่าทำไมนายอดิศักดิ์ถึงมาก่อเหตุ ส่วนเรื่องในอดีตเมื่อ 3 ปี ที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่ากลุ่มตนไปบูลลี่คนก่อเหตุว่า "พิการเมียทิ้ง" ตนไม่รู้เรื่องนี้
นางบัวพัน นันทพรม แม่ของนายอดิศักดิ์คนผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่าลูกชายไปก่อเหตุ ยิงคนในหมู่บ้านเสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 1 รายนั้น ยอมรับว่าตัวเองตกใจมาก ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2-3 วัน ลูกชายได้มาพูดแปลก ๆ กับตัวเองว่า "ผมไม่รู้จะอยู่ได้ถึงวันไหน ฝากดูแลลูกชายผมด้วย" ตัวเองก็ยังตอบกลับลูกชายว่า "ถ้าไม่อยู่นี่ จะไปอยู่ไหน" แต่ลูกชายก็ไม่ตอบ
สำหรับลูกชายตัวเองไม่เคยเล่าเรื่องที่เขาถูกกลุ่มเพื่อนดูถูกให้ตัวเองฟัง แต่ก็คาดว่าปมก็เหตุน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปี ตัวเองได้ยินชาวบ้านเล่าว่าอดีตภรรยาของลูกชายเขาได้ไปเล่าให้กลุ่มผู้เสียชีวิตฟังว่า "นิ้วกุดพอทนได้ แต่นี่ตีนมากุดด้วย กูทนไม่ได้" จากนั้นอดีตภรรยาของลูกชายเขาก็หนีไปมีสามีใหม่ ทำให้ระยะหลังมาลูกชายจะกลายเป็นคนซึมเศร้า เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง โดยปกติแล้วลูกชายก็เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกชายขับรถยนต์กระบะไปประสบอุบัติเหตุ ทำให้ลูกชายพิการนิ้วกุดและเท้าขวากุด
ส่วนเรื่องประกันตัวลูกชาย ตัวเองคงไม่มีหลักทรัพย์ไปประกันตัว คงปล่อยให้ลูกชายถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน และคนเจ็บกลับมาถึงบ้าน ตัวเองก็จะไปขอโทษครอบครัวพวกเขาแทนลูก โดยตัวเองขอทิ้งท้ายบอกสังคมว่าไม่อยากให้สัมคมต้องมาดูถูกหรือซ้ำเติมกัน
สำหรับนายอดิศักดิ์ นันทพรม อายุ 29 ปี ผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดเลย ตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00 น. พร้อมกับแจ้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.พยามฆ่าผู้อื่น 3.มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 5.ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร
