แม่ร่ำไห้ลูกโจรถูกประชาทัณฑ์ตาย ฉะแค่แทงคนจับขังก็ได้ - รปภ. ฮีโร่ยิ้มรอดคุก (คลิป)

3 ธ.ค. 64

จากกรณี นายปิยะพงษ์ อ่ำอ่อน ผู้ก่อเหตุ ก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารออมสิน สาขาทียูโดม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 14.30 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายขุนทอง ศรีชัยยะ ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณคอ และเอว เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ในส่วนของผู้ก่อเหตุ ชื่อนายปิยะพงษ์ อ่ำอ่อน ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย ใช้อาวุธมีดแทง และถูกพลเมืองดีรุมประชาทัณฑ์บริเวณหน้าห้างเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

377561

วันที่ 3 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีนายเทอดธรรม สุวิชาวรพันธุ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนธนาคารเข้าเยี่ยมนายขุนทอง ศรีไชยะ รปภ. ประจำสาขาทียูโดม รังสิต

156970273016194300

ซึ่งมีการมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน 80,000 บาท สนับสนุนโดยมูลนิธิออมสินเพื่อสังคม เป็นเงิน 50,000 บาท และมูลนิธิออมสินเราช่วยกัน เป็นเงิน 30,000 บาท พร้อมกระเช้าปลอบขวัญและแสดงความขอบคุณที่ช่วยปกป้องทรัพย์ของธนาคารและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งธนาคารพร้อมยินดีช่วยค่ารักษาพยาบาลอย่างเต็มที่

592454

นายขุนทอง ศรีไชยะ อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บที่บาดแผล โดยหลังจากที่คนร้ายมาล็อกคอตนแล้วใช้มีดแทง ตนรู้สึกว่าร้อนที่คอ จึงได้สะบัดแล้ววิ่งหนี จึงได้วิ่งไปบอกกับทางพนักงานของธนาคารว่าไม่ให้ออกมา

587039

หลังจากที่คนร้ายได้เงินไปแล้ว ตอนนั้นตนอยู่ข้างนอก จึงได้มองหาอุปกรณ์เพื่อที่จะทำให้คนร้ายไม่สามารถหลบหนีได้ เห็นเก้าอี้ที่นั่งอยู่จึงได้หยิบมา จังหวะนั้นคนร้ายวิ่งออกมาพอดี จึงได้ใช้เก้าอี้ฟาดคนร้าย คิดในใจว่าต้องสู้ ต้องหยุดคนร้ายให้ได้ จึงทำสุดความสามารถ

861762

นางสาวอำพร ศรีโคกกรวด แฟนสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ ได้มีการพูดคุยกับนายขุนทอง ผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นอาการดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงสภาพจิตใจ ที่เจ้าตัวรู้สึกดีใจที่รอดตาย ล่าสุดทางต้นสังกัดธนาคารออมสินได้เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง ให้กำลังใจและชื่นชมในตัวนายขุนทอง และขอบคุณที่ดูแลทรัพย์สินขององค์กรได้เป็นอย่างดี

644132

ส่วนเรื่องคดีความมีท่านผู้ใหญ่บอกกับตนว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลให้ทุกอย่าง ให้รักษาตัวอย่างสบายใจ ส่วนจะเรื่องงานศพผู้เสียชีวิตคงไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะนายขุนทองยังคงต้องรักษาตัวอยู่ แต่ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย ตนก็ไม่อยากถือโทษโกรธเคือง แต่ถ้านายปิยะพงษ์ไม่ก่อเหตุ นายขุนทองก็จะไม่บาดเจ็บ และไม่มีใครต้องเสียชีวิต ทั้งนี้ นายขุนทองยังบอกกับตนอีกว่า หลังจากรักษาตัวเสร็จแล้ว ก็จะขอทำงานในอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยต่อไป จนกว่าจะอายุ 61 ปี และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้

284444

ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ บรรดาญาติของนายปิยะพงษ์ ผู้เสียชีวิต เดินทางมารับศพอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร ทันทีที่มีการชันสูตรศพเสร็จ ทางแม่ของนายปิยะพงษ์อยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลังเห็นสภาพศพของลูกชาย ร้องไห้จนญาติต้องมีการช่วยกันพยุงตัวออกมาจากโรงพยาบาล ส่วนภรรยาผู้เสียชีวิตอยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง และร้องไห้บางช่วง ญาติช่วยกันแบกโลงศพขึ้นรถกระบะ

553534

เวลาประมาณ 15.30 น. นางสาวอาทิตยา วงศ์พาณิชย์ ภรรยาผู้เสียชีวิต นิมนต์พระสงฆ์จากวัดคลองสอง เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยเตรียมเครื่องเซ่น เป็นอาหาร ชุดสังฆทาน และดอกไม้ ทางด้านของพระภิกษุสงฆ์มีการนำดินน้ำมันมาปั้นเป็นรูปปั้นคน จากนั้นนำสายสิญจน์พันล้อมรอบ และมีการสวดทำพิธี มีการถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์

ในขณะเดียวกัน ทางญาติของผู้เสียชีวิตเป็นลมหมดสติ ทำให้ญาติต้องหามขึ้นรถเพื่อดูอาการ เมื่อทำพิธีเชิญวิญญาณเสร็จแล้ว มีการนำเครื่องเซ่นไปวางที่บริเวณทางสามแพร่ง

218236

นางสาวอาทิตยา วงศ์พาณิชย์ ภรรยาผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนทราบข่าวก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามีตนเป็นคนก่อเหตุ เพราะไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุนี้เลย ยืนยันว่าทางครอบครัวไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการวางเงินมัดจำเพื่อที่จะถอยรถกระบะคันใหม่ ประมาณ 100,000 กว่าบาท มาประกอบอาชีพด้วยการขายของ มีการพูดคุยกับทางด้านของนายปิยะพงษ์ ผู้เสียชีวิตว่าจะเริ่มต้นทำอาชีพใหม่ด้วยกันทั้งคู่

ก่อนหน้านี้ไม่มีลางสังหรณ์บอกเหตุว่าจะเกิดเรื่อง มีแค่ช่วง 2 อาทิตย์ก่อน นายปิยะพงษ์มีอาการป่วย ซึ่งมีการไปรักษาพยาบาลด้วยการเอ็กซเรย์ปอด พบว่าปอดติดเชื้อ รักษาตัวจนดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งมีอาการเหม่อลอย ล่าสุดก่อนเกิดเหตุนายปิยะพงษ์พาลูกสาวไปเล่นบ้านญาติ แล้วอาการเหม่อลอย จนรถจะชนลูกสาววัย 1 ขวบครึ่ง หลังพาตัวกลับมาที่บ้าน บอกกับตนว่าจะไปสมัครงานแถวคลองสาม จากนั้นไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์ทราบว่าสามีถูกก่อเหตุจี้แบงก์เสียชีวิตบริเวณหน้าห้างฯ ตนก็รู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูก

ตนอยากขอโทษผู้บาดเจ็บ เนื่องจากสามีของตนเป็นฝ่ายผิดที่ไปก่อเหตุ ตนไม่ได้ติดใจ แต่ต้องยอมรับว่ายังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ สุดท้ายนี้อยากจะบอกให้สามีไปสบาย ไม่ต้องห่วงครอบครัว ตนจะเลี้ยงลูกสาวให้ดีที่สุด

713561

ทีมข่าวเดินทางไปยังวัดคลองสอง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายในศาลาวัด จัดตั้งงานศพของนายปิยะพงษ์ อ่ำอ่อน หรือ บาส อายุ 28 ปี ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ นางสมศรี อ่ำอ่อน อายุ 51 ปี แม่ผู้เสียชีวิต บอกว่า ลูกชายตนเป็นคนพูดจาไพเราะ อ่อนน้อมถ่อมตน ญาติพี่น้องรักมาก เคยติดยาเสพติดสมัยอายุ 15 ปี แต่รักษาบำบัดจนเลิกขาด และมีครอบครัวแล้ว

976828

สภาพจิตใจตนยังคงอยู่ในความรู้สึกโศกเศร้า และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนผิด แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประวัติทางอาชญากรรม ปัจจุบันรับจ้างทั่วไป ซึ่งตนมีลูกชายเพียงคนเดียว ยังคงมีการช่วยเหลือให้เงินลูกใช้อยู่ และไม่เคยมีหนี้สิน ซึ่งล่าสุด ตนได้มีการนำเงินจำนวนหนึ่งไปดาวน์รถกระบะใหม่ เพื่อที่ให้ลูกชายและลูกสะใภ้เอาไปทำมาค้าขาย ทางครอบครัวยังคงสงสัยว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุมาจากเรื่องอะไร

ตอนทราบข่าวก็รู้สึกตกใจเป็นลมล้มทั้งยืน รีบกลับบ้านและไปดูลูก แต่ลูกชายเสียชีวิตแล้ว ตนก็ได้ไปสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นมีดทำครัวที่อยู่ในบ้าน ทุกอย่างดูเป็นไปตามปกติ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่อง ส่วนตัวอยากขอโทษผู้บาดเจ็บที่ลูกชายของตนไปก่อเหตุ แต่ก็ยังมีความน้อยใจเรื่องที่ประชาชนรุมประชาทัณฑ์และช่วยกันล็อกตัว ในขณะนั้นจะเห็นว่าลูกชายร้องเพราะเจ็บก็น่าจะช่วยส่งโรงพยาบาล แล้วให้ลูกชายไปรับโทษในคุก แทนการเสียชีวิต เนื่องจากตนทำใจไม่ได้ เพราะมีลูกชายแค่คนเดียว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส