วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดเทพบุตร ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เวลาประมาณ 12.00 น. สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบุคคลคนนิรนาม ร้องเรียนผ่านทางสำนักพุทธเกี่ยวกับของพระลูกวัด และพระครูวินัยธรชัยวัตร อาภาธโร เจ้าอาวาสวัดเทพบุตร และรองเจ้าคณะตำบล
ขณะที่เข้ามาทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ได้เข้ามาดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน ระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าสอบปากคำ ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 30 คน ได้เดินทางเข้ามาให้กำลังใจ และแสดงความไม่พอใจ
นางลำเจียก บุญแผน ชาวบ้านในพื้นที่ และกลุ่มชาวบ้าน หมู่ 6 ต.ห้วยใหญ่ เผยว่า ตนไม่พอใจกับข่าวที่ออกไป ทั้งที่เจ้าอาวาสสุขภาพไม่ค่อยดี และป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ เสียงพูดก็ไม่ค่อยมี แต่ยังคงหมั่นสร้างความดีให้กับพระพุทธศาสนา และทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอด
ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกับว่าไม่เชื่อว่าเป็นความจริง เพราะทุกคนไม่เคยได้ยินเรื่องไม่ดีเช่นนี้มาก่อน และเพิ่งจะมาทราบเรื่องจากในข่าว ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความอิจฉา เพราะเป็นพระที่ขาวสะอาด อาจจะถูกกลั่นแกล้งแน่นอน และบุคคลที่ทำ ส่วนตัวสงสัยว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ที่เคยยืมเงินจากที่วัด
ทั้งนี้ ตนอยากจะขอให้คนที่ร้องเรียนออกมาแสดงตัว ไม่ใช่หลบซ่อนและให้ข่าวโดยไม่มีมูลเหตุ เพราะเดี๋ยวนี้ใครก็สามารถตัดต่อภาพได้ แต่ถ้าเป็นความจริง ทุกคนก็พร้อมที่จะยอมรับหมด อย่างไรก็ตาม คนที่กล้าออกมาร้องเรียนเช่นนี้ "สันดานชั่วมาก ถ้าไม่ชั่ว คงร้องเรียนแบบนี้ได้" เพราะถ้าเราไม่ชอบพระรูปไหน แค่เลิกทำบุญไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากที่ทำการสอบสวนนานกว่า 4 ชั่วโมง ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินออกมาจากกุฏิรับแขกอย่างรวดเร็ว ซึ่งทีมข่าวพยายามสอบถามข้อมูลจากทาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับรายละเอียดที่เข้ามาสอบปากคำในวันนี้ รวมถึงที่มาของหลักฐานที่ได้รับมาจากบุคคลนิรนาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้คำตอบแต่อย่างใด
พระวินัยธรชัยวัตร อาภาธโร หรือ พระอาจารย์ก้อย เจ้าอาวาสวัดเทพบุตร ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่าสิ่งที่มีคนร้องเรียนมารวมถึงหลักหลักฐานทุกอย่าง วันนี้อาตมาได้ชี้แจงไปกับทางสำนักพุทธฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดที่ปรากฏไปก่อนหน้านี้ ไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่ทราบว่าสาเหตุที่คนร้องเรียนมาทำแบบนี้ต้องการอะไร แต่คาดว่า น่าจะมีบุคคลมาสร้างเรื่องเพื่อทำให้ได้รับความเสื่อเสีย
เนื่องจากอาจจะมีบุคคลที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับวัด และมีความเห็นไม่ตรงกันกับเรื่องที่พระอาจารย์ออกกฏในวัดว่าห้ามมีการสังสรรค์ ดื่มสุรา และเล่นการพนันในวัด ส่วนภาพและแชตที่ออกไปนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ของพระอาจารย์อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักพุทธฯ ก็ได้นำโทรศัพท์มือถือของพระอาจารย์ไปตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อทราบเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน รู้สึกงุนงงมากกว่าว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่หลังจากนี้ก็คงจะทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงสื่อหากจะลงข้อมูล อยากจะให้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะอาจจะสร้างผลกระทบให้กับบุคคลอื่นในวงกว้างได้
ด้านนางสาวอั้ม (นามสมมติ) คนที่ถูกแอบอ้างในการร้องเรียน เผยว่า ตนทราบเรื่องเพราะทางเจ้าหน้าที่ได้โทรมาบอกว่าตนเป็นผู้ร้องเรียนในครั้งนี้ และขอให้มาช่วยยืนยันตัวตน เมื่อตนทราบเรื่องก็รู้สึกตกใจ ทั้งนี้ บุคคลนิรนามได้ส่งอีเมลไปร้องเรียนทางสำนักงานพุทธฯ พร้อมกับนำชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ไปแอบอ้างว่าตนเป็นผู้ร้องเรียน จึงทำให้ตนต้องมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ใช่คนที่ร้องเรียนอย่างแน่นอน เพราะพี่ชายของตนก็เคยอยู่ที่นี่ แม่ของตนก็เคยเข้ามาปฏิบัติธรรมที่นี่ ตนจึงผูกพันกับพระพุทธศาสนามานานแล้ว ส่วนคนร้องเรียนตัวจริง ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร และตนอยากจะให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างกว่านี้