กรณีพระมหาไพรวัลย์ พระนักเทศก์ชื่อดัง ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ใกล้จะได้สลัดปลอกคอแล้วสินะ” และอีกโพสต์บอว่า “ขอบคุณพระศาสนาที่มอบทุกอย่างให้กับเด็กบ้านนอกคนหนึ่งคนนี้ ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณข้าวน้ำจากศรัทธาของญาติโยมทุกคน”
นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ถึงพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ว่า “แม้อาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 3 เดือนเท่านั้นที่ผ่านมา แต่มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ๆ สำหรับชีวิตของผมนะครับ พระอาจารย์คือพี่ชายที่น่ารักที่สุดสำหรับผม คือครูบาอาจารย์ที่ให้วิชาและความรู้ต่าง ๆ มากมายสำหรับการเผยแผ่ธรรมะกับผม”
ล่าสุดวันที่ 29 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังวัดสร้อยทอง เพื่อติดตามดูความเคลื่อนไหวของพระมหาไพรวัลย์ และสอบถามพระมหาไพรวัลย์ถึงความชัดเจนเรื่องดังกล่าว โดยวันนี้สื่อมวลชนหลายสำนักมาปักหลักรอกันตั้งแต่เวลา 07.00 น. แต่ก็พบว่าที่วัดสร้อยทองวันนี้เงียบสงบ
จากการสอบถามพระลูกวัด ให้ข้อมูลว่า พระมหาไพรวัลย์ ยังไม่ลงมาจากกุฏิ จนถึงช่วงเวลา 10.00 น. ช่วงที่สื่อมวลชนเดินมาดูยังอีกทางออกหนึ่งที่พระมหาไพรวัลย์ มักจะใช้เป็นประตูทางออกก็ไม่พบตัว หลังจากนั้นพบว่ามีรถเก๋งขับมารับพระมหาไพรวัลย์อีกประตูหนึ่ง ซึ่งเป็นประตูที่พระมหาไพรวัลย์มักไม่ค่อยใช้เป็นทางออก คาดว่าติดภารกิจข้างนอกวัด และ ยังไม่อยากให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
ทีมข่าวไปสอบถามเรื่องนี้กับพระมหาสมปอง ที่ยังอยู่ภายในวัดสร้อยทอง โดยช่วงเวลา 11.15 น. พระมหาสมปอง ได้โทรศัพท์คุยกับพระมหาไพรวัลย์ต่อหน้าสื่อมวลชน โดยพระมหาไพรวัลย์ อนุญาตให้สื่อมวลชนสอบถามได้
พระมหาสมปอง กล่าวยืนยันว่า พระมหาไพรวัลย์ จะลาสิกขาบทจริง ในวันที่ 4 - 5 ธันวาคม 64 โดยในวันนี้อาตมาทั้ง 2 รูป จะไปทำภารกิจเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นภารกิจสุดท้ายของที่พระมหาไพรวัลย์ร่วมงานกับอาตมา หลังจากนั้นจะกลับมาวันที่ 3 ที่วัดสร้อยทองและทำการลาสิขาบทในวันดังกล่าว ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องของความไม่ยุติธรรมในวงการสงฆ์ ที่อาตมาทั้ง 2 รูป มีการไลฟ์สดผ่านทาง Social Media เพื่อสอนพระพุทธศาสนา แต่มีเสียงคัดค้านว่าไม่เหมาะสม และส่งผลทำให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง หรือเจ้าคุณอุทัย ไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง เพราะไม่สามารถควบคุมอาตมาทั้ง 2 รูปได้ เรื่องนี้จึงทำให้พระมหาไพรวัลย์ตัดสินใจลาสิกขาบท โดยยืนยันว่าเป็นการตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง ไม่ได้มีใครมากดดัน
สำหรับอาตมาก็จะลาสิขาบทในอีก 2 ปีข้างหน้าโดยกำหนดวันไว้ว่าวันที่ 3 พฤศจิกายน 66 เนื่องจากยังติดภารกิจ เทศน์สอนศาสนาให้กับหลายหน่วยงาน ส่วนเหตุผลที่คิดว่าจะลาสิกขาบทก็เกี่ยวเนื่องกับความไม่ยุติธรรมในวงการศาสนาด้วย
เมื่อถามพระมหาสมปอง ว่าช่วง 2-3 วันนี้พระมหาไพรวัลย์ มีเครียดหรือกังวลอะไรหรือไม่ พระมหาสมปอง กล่าวว่า ไม่มีอะไร ดูไม่กังวล แต่เมื่อวานกระซิบบอกอาตมาว่า จะสึกแล้ว เพราะทราบข่าวว่าเจ้าคุณอุทัยไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส อาตมาจึงถามกลับว่าถ้าถึงวันแต่งตั้งแล้วมีการแต่งตั้งเจ้าคุณอุทัยขึ้น เป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์ ก็ตอบว่า "ไม่แล้ว ผมรำคาญ" สำหรับพระมหาไพรวัลย์ จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากที่สึกแล้ว ส่วนวันที่ลาสิกขาบท ก็น่าจะแจ้งต่อสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง
"เปิ้ล นาคร" เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบว่าท่านเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก และยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่พอทราบข่าวก็ตกใจ เพราะท่านเป็นพระที่เก่งมาก ๆ ทั้งพระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ ไม่ว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน จะสึกหรือจะย้ายวัด ตนมองว่าคนที่เก่งและมีความสามารถ อยู่ที่ไหนก็ได้ไม่ต้องอยู่วัด เพราะท่านเป็นพระครู หากไปสอนวัดอื่นก็คงมีลูกศิษย์เพิ่มขึ้น หากท่านสึกไปก็คงมีคนตามไปให้สอน ขอแค่ท่านอย่าเลิกสอน หากมีคนแบบนี้เยอะ ๆ ประเทศก็คงจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ตนจะขอตามไปกดไลก์ไม่ว่าท่านจะใช้ชื่อเฟซบุ๊กแบบไหนก็ตาม และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะตามไปฟังเรื่องราวดี ๆ เหมือนเดิม ไม่ว่าพระท่านจะอยู่ที่ไหน สถานะไหน ก็ขอให้เก่งแบบนี้ มีทัศนคติที่ดีแบบนี้ไปตลอด
"จริง ๆ แล้วพี่สนิทกับพระมหาสมปองมากกว่า สำหรับพระมหาไพรวัลย์พี่ยังไม่เคยคุย ได้แต่ตามไปคอมเมนต์ ปกติพี่จะโทรไปหาพระมหาสมปอง สอบถามว่าเป็นยังไงบ้าง บางทีก็โทรไปบอกว่าชอบนะ แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพระเท่าไร เพราะคนละภาษากัน กลัวคำพูดก้าวล่วงเกินไป ส่วนพระมหาไพรวัลย์ ท่านตั้งใจจะไปดูแม่ ซึ่งตัวพี่มองว่าอะไรก็แล้วแต่ การคิดถึงพ่อแม่และบุพการีถือเป็นคนดีแล้ว" เปิ้ล นาคร กล่าว
