ตรวจคลินิกทำนมเน่า พบผิดอื้อ ปัดเอี่ยวหมอศัลยกรรม รับไร้เวชทะเบียน อ้างเจ้าของเก่าขนข้อมูลเกลี้ยง

จากกรณีที่มีหญิงรายหนึ่ง เข้าร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม ภายหลังจากเข้าทำศัลยกรรมหน้าอก ที่คลินิกย่านรังสิต จนกระทั่งหน้าอกเน่า และเสียเลือดจนเกือบเสียชีวิต แต่ทางคลินิกยังบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ จึงออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ(อ่าน : เกือบตาย! สาวทำนมติดเชื้อเลือดคั่ง แฉคลินิกเปลี่ยนหมอ-เมินรับผิดชอบ ผู้เสียหายอีก 10 รายจ่อฟ้อง)

วันที่ 29 พ.ย. 61 นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี พ.ต.อ.วรพันธุ์ พิสุทธานนท์ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และผู้เสียหายจำนวน 2 ราย เดินทางเข้าตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าซอยเมืองเอก ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

โดยเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบภายในคลิกนิกใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งคลินิกแห่งนี้ มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกับเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมมากถึง 20 ราย

นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบจากเรื่องร้องเรียนดังกล่าวหลังได้รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งหลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ในภาพรวมพบว่า คลินิกแห่งนี้มีการเปลี่ยนเจ้าของ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 61 แต่แพทย์ผู้ดำเนินการรักษาในสถานพยาบาลเป็นแพทย์ท่านเดิม และไม่สามารถตรวจหาหลักฐานจากเวชทะเบียนเดิมได้ เบื้องต้นจึงแนะนำผู้เสียหายว่า ให้ร้องเรื่องไปที่พนักงานสอบสวน เพื่อเรียกแพทย์ผู้ที่ดำเนินการกับผู้เสียหายมาเข้าสอบปากคำ พร้อมทั้งผู้ดำเนินการสถานพยาบาล และเจ้าของคลินิกท่านเดิม ให้มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยเช่นกัน ส่วนการตรวจภายในคลินิก พบว่า ไม่พบแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ใช้แพทย์เจ้าของที่ขึ้นทะเบียน ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ใช่ผู้มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยผลการตรวจสอบทั้งหมด สสจ.จะส่งให้ตำรวจพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนด้านมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ยา และห้องรักษา พบว่า ไม่มีความผิดปกติ ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าจะคลินิกแห่งนี้จะถูกปิดหรือไม่นั้น จะต้องกลับไปพิจารณาอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.วรพันธุ์ พิสุทธานนท์ ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.คูคต กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การดำเนินการจะดูตามพยานหลักฐานก่อนว่า มีผู้เกี่ยวข้องเป็นใครบ้าง ทั้งคดีอาญาและแพ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำจากแพทย์ก่อน โดยจะออกหมายเรียกในภายหลัง

ต่อมา นายธำรง หลักแดน ฝ่ายกฎหมายของคลินิก กล่าวว่า เมื่อพิจารณาเอกสารการทำสัญญาเช่าของเจ้าของใหม่ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 61 พบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของคลินิกเดิม ส่วนการตรวจสอบภายในคลินิกในวันนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งฝ่ายคลินิกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และหากมีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนแพทย์ที่ผ่าตัดให้ผู้เสียหายนั้น คลินิกไม่มีเวชทะเบียนจากเจ้าของเดิม เนื่องจากเจ้าของเก่านั้นขนย้ายเอกสารต่าง ๆ ออกไปหมดแล้ว ดังนั้นคลินิกนี้จึงไม่มีข้อมูลดังกล่าว