กรณี หมอปลาช่วยด้วย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ว่ามีพระชาวเมียนมามาจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ แล้วอ้างว่าสามารถไล่ผีได้ พร้อมกับให้แรงงานชาวเมียนมามาแก้คุณไสย โดยไม่สนช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็นเหตุให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกหวาดกลัว จึงอยากจะให้เข้ามาตรวจสอบ
เมื่อเวลา 9.30 น. ของวันที่ 26 พ.ย. 64 หมอปลา หรือ นายจีรพันธ์ เพชรขาว พร้อมด้วยเสี่ยเปีย ได้เดินทางมาที่วัดโคกงูเห่า อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พื้นที่บริเวณรอบวัดขณะที่น้ำกำลังท่วมอยู่ โดยจุดที่เดินได้ท่วมสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขณะที่เดินทางมาถึง ทางหมอปลาและเสี่ยเปียได้เข้ามาพูดคุยกับพระครูเกษมวรพิพัฒน์ เจ้าอาวาส เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาเพื่อขอเข้าพบพระชาตรี พระพม่าตัวต้นเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการเปิดรับดูดวงและไล่ผี
พระครูเกษมวรพิพัฒน์ เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า พระชาตรี พระพม่าที่ชาวบ้านร้องเรียนเคยอาศัยอยู่ที่วัดยี่ ก่อนจะไปอยู่วัดห้วยด้วน กำแพงแสน 2 ปี และเพิ่งจะกลับมาที่วัดนี้ได้ 3 ปี ซึ่งตอนที่มาญาติโยมได้พาพระชาตรีฝากไปไว้ที่วัด ซึ่งพระไชยากล่าวว่าจะมาช่วยดูดวง เพื่อช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้วัด สำหรับเรื่องไล่ผีและภาพตามในคลิปที่ทีมข่าวเปิดให้ดูตนยืนยันว่าไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะตอนที่คนมาทำพิธี เข้าไปทำให้กุฏิของพระชาตรี ตนจึงมองไม่เห็น
ทั้งนี้เวลาคนมาดูดวง จะหยอดเงินใส่ตู้ค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งจะได้เงินทำบุญประมาณ 6-7 พันต่อเดือน และยืนยันว่าไม่เคยมีการเรียกเก็บถึง 1 หมื่นบาท
จากนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ได้พาทีมข่าวไปที่กุฏิ ไม่มีใครอยู่แล้ว และบริเวณด้านหน้าซึ่งมีน้ำท่วมอยู่ สังเกตเห็นแผ่นกระดาษที่มีตัวเลข และมีประโยคจดตัวหนังสือภาษาเมียนมา ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลงน้ำ ด้านในมีพระพุทธรูปพม่าจำนวนหลายองค์ และมีรูปปั้นที่ชาวพม่านับถือในฐานะเทพเจ้า ซึ่งเรียกว่า "นัตพม่า" ตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีถุงที่บรรจุเหรียญคล้ายเครื่องลางของขลัง อีกทั้งภายในกุฏิยังมีตู้บริจาคค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งเจ้าอาวาสให้ข้อมูลว่าเป็นตู้ที่นำไว้ใส่เงิน สำหรับคนที่มาให้พระรูปดังกล่าวดูดวง
จากนั้นทีมข่าวได้พยายามเรียกพระชาตรี แต่ไม่มีใครตอบ รวมถึงไม่มีใครอาศัยอยู่ภายในกุฏิ สิ่งที่พบมีเพียงโต๊ะอาหาร ที่วางกับข้าว และข้าวสวยของพระที่ดูยังอุ่นอยู่ เหมือนกับเพิ่งฉันไปได้ไม่กี่คำ แล้วรีบออกไป
ทีมข่าวทดลองโทรหาเบอร์ของพระชาตรี เพื่อสอบถามข้อมูล ทันที่พระชาตรีรับสายได้สอบถามว่าเป็นรถตู้ใช่ไหม ทีมข่าวก็ตอบรับว่า ใช่ และพยายามสอบถามว่าอยู่ที่ไหน โดยพระชาตรีได้ตอบบว่าให้มารับที่วัดแห่งหนึ่ง ในระแวกใกล้เคียง ห่างจากที่วัดโคกงูเห่า 20 กิโลเมตร ต่อมา ทีมข่าวได้พยายามโทรหาพระชาตรีอีกครั้ง พบว่าปิดเครื่องไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้อีก
นายสมชาย ทองคำสุก ชาวบ้านที่พาไปดูกุฏิ เปิดเผยว่า ส่วนตัวเคยเห็นพระรูปดังกล่าวทำพิธี ซึ่งการทำพิธีส่วนใหญ่จะเป็นการดูดวง และการไล่ผี โดยวิธีการไล่ผีจะนำใบไม้มาเป่าคาถา และใช้ขับไล่ ซึ่งใบไม้ที่นำมาใช้ สามารถใช้ได้ทุกชนิดที่อยู่รอบวัด เช่น ใบตาล ส่วนค่าครูตนไม่ทราบ ทั้งนี้ ตนไม่เคยมารักษาด้วย แต่ส่วนตัวมองว่าการที่พระมาทำเช่นนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสม และพลอยทำให้วัดได้รับความเสื่อมเสียไปด้วย จึงอยากจะให้มีการตรวจสอบ
เวลาประมาณ 10.00 น. นางสาวสุทธิดา ธัญญรัตนศรีสกุล นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพระพุทธศาสนา และกิจการพิเศษ สำนักงานพุทธ จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ วัดโคกงูเห่า เพื่อสอบถามเหตุการณ์ในส่วนที่ได้รับร้องเรียนมา โดยได้เข้ามาสอบถามข้อมูลกับพระครูเกษมวรพิพัฒน์ เจ้าอาวาส ซึ่งให้ข้อมูลเช่นเดิม ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่เคยเห็นพาคนเข้ามาทำในพิธี และตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อพระชาตรีได้
นางสาวสุทธิดา ธัญญรัตนศรีสกุล นักวิชาการ ศาสนาชำนาญการ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพระพุทธศาสนา และกิจการพิเศษ สำนักงานพุทธ จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้ามาตรวจสอบตามที่ได้รับร้องเรียน เพื่อที่จะนำเรื่องไปแจ้งที่สำนักงานสงฆ์อีกครั้ง และทางสำนักสงฆ์จะได้เข้ามาตรวจสอบว่ามีความผิดจริงหรือไม่ และจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ขออนุญาตดูภาพกล้องวงจรปิดภายในวัด โดยกล้องวงจรผิด ภายในกุฏิของเจ้าอาวาส เวลาประมาณ 9.32 น. จับภาพขณะทีมข่าวเดินเข้าไปในกุฏิ และพูดคุยกับเจ้าอาวาส สำหรับกล้องวงจรปิดบริเวณหน้ากุฏิของพระชาตรี เวลาประมาณ 9.34 น. จับภาพขณะมีลูกศิษย์จำนวน 3 คนถือกระเป๋า และสัมภาระจำนวนหลายชิ้นออกจากกุฏิ ก่อนจะมีพระห่มผ้าเหลือง คาดว่าเป็นพระชาตรีเดินตามออกมาหรือไม่ ขณะที่เดินออกมาเดินวนไปทางหน้าวัด แต่เปลี่ยนใจเหมือนมองเห็นผู้สื่อข่าวเข้ามาพอดี ทั้งพระและลูกศิษย์จึงตัดสินใจเดินลุยน้ำออกไป
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณด้านหลังกุฏิของพระชาตรี ติดกับถนนด้านหน้าวัด จุดที่พระชาตรีและลูกศิษย์ได้เดินขนของออกมาจากกุฏิ บนพื้นพบร่องรอยเท้าเหมือนคนเหยียบน้ำเปียกแล้วมาเดินบนถนน
หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ หมอปลา เผยว่า ตนมาที่นี่เพราะได้รับร้องเรียนให้สื่อมาเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากมีพระพม่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวง อ้างว่าแก้กรรมได้ และบางคนต้องเสียค่าไล่ผีตัวละ 10,000 บาท ซึ่งวันนี้ได้เข้ามาสอบถามเจ้าอาวาส ซึ่งบอกว่าไม่รู้ว่ามีการไล่ผี ทั้งที่กุฏิอยู่ห่างกันแค่ 30 เมตร อีกทั้งตนยังรู้สึกแปลกใจว่าเจ้าอาวาสรับรู้เรื่องการดูดวง และบอกว่าพระสงฆ์ดูดวงได้ ซึ่งไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสวัดนี้ใช้หนังสือเล่มไหนเป็นเกณฑ์กำหนด
ทั้งนี้พระในไทยที่หลอกลวงคนก็เยอะอยู่แล้ว แต่ยังมาพระจากที่อื่นเข้ามาทำมาหากินอีก และการไล่ผีไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนได้รู้วิธีการแก้กรรมแบบใหม่คือหากใครดวงไม่ดี ให้นำใบไม้ และน้ำมาใส่ขัน จะทำให้ดวงดีขึ้น สำหรับคาถาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่สิ่งที่พิเศษคือวาจาที่โน้มน้าวหลอกคนได้ แม้แต่ศีล 5 เป็นพระก็ยังรักษาไม่ได้ ทั้งนี้ ตนอยากจะบอกกับชาวบ้านว่าไม่ต้องกลัวว่าผีที่พระพม่าไล่จะยังวนเวียนอยู่ เพราะแถวนี้มิจฉาชีพเยอะกว่า และน่ากลัวมากกว่าผี
พอได้ดูกล้องวงจรปิด และพบว่าพระชาตรีได้ออกไปจากวัด หลังจากที่เห็นทีมข่าวเข้าไปคุยกับเจ้าอาวาสได้แค่ 2 นาที ตนก็คงพูดอะไรไม่ได้มากนอกจาก "พระพม่าจีวรบิน" และคาดว่าพระไม่ได้กลัวหมอปลา แต่รู้พฤติกรรมตัวเองและกลัวความถูกต้อง สุดท้าย อยากจะฝากบอกว่าให้กลับมาฉันข้าวให้เสร็จก่อน เพราะข้าวยังเต็มถาดเลย
