กุมารพญาน้อยอู้ฟู่แจกเงินว่อน พระป้องทำดีช่วยวัดนับล้าน อึ้งโชว์ร่างเป็นซากพลิกฟื้น (คลิป)

สืบเนื่องจากเมื่อวyomuj 25 พฤศจิกายน 2564 อมรินทร์ทีวีได้นำเสนอกรณีเพจเฟชบุ๊ก แม่ทัพลิง2/3 ที่มีการโพสต์คลิปชายรายหนึ่ง แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดไทยสีทอง คล้ายชุดลิเก โดยใช้ชื่อเรียกตัวเองว่า “พ่อกุมารเฒ่าพญายักษ์” หรือ “กุมารพญาน้อย” มีการทำพิธีกรรม ประกอบดนตรีไทย รวมถึงโชว์รำดาบ และกระทืบเท้าอยู่ภายในศาลา ของวัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม ด้านลูกศิษย์เผยว่าร่างทรงดังกล่าวเป็นคนดีชอบทำบุญ ซ้ำยังสร้างเมรุมูลค่า 6 ล้านบาทให้วัดด้วยนั้น

ล่าสุด วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ทีมข่าวจึงเดินทางเข้าไปที่วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม เวลาประมาณ 10.00 น. บริเวณลานกว้างหน้าห้องแถวพื้นที่ 1 งาน 20 ตารางวา ติดกับพื้นที่วัด แต่มิใช่พื้นที่ของวัด มีห้องทั้งหมด 7 ห้องติดกัน หนึ่งในนั้นคือห้องหมายเลข 119 จะเป็นห้องที่นายเพชรายุทธ พักอาศัย ส่วนอีก 6 ห้องจะเป็นที่พักของลูกศิษย์ได้พักอาศัยและขายของ

บริเวณลานร่มหน้าห้องแถววันนี้มีการทำพิธีบวงสรวงไหว้ครู โดยมี กุมารพญาน้อย หรือ นายเพชรายุทธ ละอองแก้ว อายุ 45 ปี นั่งสวมชุดผู้หญิงสีชมพูสั้น ประดับลูกปัด มีปีกนางฟ้า สวมถุงน่อง สวมวิกผมยาวสีทอง แต่งหน้าสวยสดงดงาม นั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้ ผ้าม่านหลากสีดวงไฟวิบวับ คล้ายกับว่าเป็นองค์เทพ บริเวณลานกว้างด้านล่างมีลูกศิษย์หญิง-ชาย ประมาณ 100 คน ล้วนเป็นร่างทรงเสียส่วนใหญ่ แต่งชุดไทยโบราณหลากสี ชุดขาว ชุดพราหมณ์ มาเต้นระบำกับเพลงไทยสนุกสนานจากวงดนตรีไทย

นายเพชรายุทธ หรือ กุมารพญาน้อย เปิดใจว่า พิธีกรรมที่ตนทำไม่ใช่การเข้าทรงองค์เจ้า แต่เป็นการอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาประทับเหนือศีรษะ แล้วตัวเองจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธ์นั้น ๆ กับลูกศิษย์และชาวบ้านที่มาขอพร ไม่ได้เชิญมาประทับร่าง ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ตนไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้ว่าเป็นเทพองค์ไหน ตนนับถือหลายองค์ โดยตนจะจัดกิจกรรมเช่นนี้เกือบทุกวัน เปลี่ยนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะเชิญมาประทับเหนือหัวไปเรื่อย ๆ นับถือมาตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ บวกกับตัวเองเป็นคนนครปฐมอยู่แล้ว จึงมีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และหลวงพ่อจืด วัดโพธิ์เศรษฐี จ.นครปฐม เชื่อเรื่องนี้มาตลอด

เมื่อประมาณปี 2558 ตนป่วยเป็นมะเร็งลำไล้ระยะสุดท้ายเดินไม่ได้ จึงบนบานศาลกล่าวกับหลวงพ่อจืดไว้ว่าหากตนรักษาหาย ปลอดภัยจะเป็นสะพานบุญในการสร้างวัดแห่งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่สำนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อปี 2560 ตนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติอีกครั้ง เริ่มมีการทำพิธีแบบนี้มาเรื่อย ๆ ตนจึงนี้เป็นสะพานบุญให้กับทุกคนได้ร่วมทำบุญกับวัดในการสร้างเมรุ สร้างอาคาร ทำของยังชีพแจก เปิดโรงทานในวันพุธและวันพระ ไม่รับเงินเหล่านั้นด้วยตัวเอง จะบอกให้เขาไปบริจาคกับวัดโดยตรง แต่อาจจะมีเก็บค่าครู 100 บาทตอนที่เข้ามาขอพร และนำไปบริจาคให้กับวัดอีกที

ตนมองว่าหากนำเงินเหล่านั้นมาใช้จ่ายส่วนตัวหรือสร้างตำนักตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย เชื่อว่าคนเราอายุ 80 ปีส่วนใหญ่ก็ตายกันหมด สุดท้ายทรัพย์สินก็ตกเป็นลูกหลานและลูกหลานก็เอาไปขายกิน ฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเราเอาไปบริจาควัด ไปสร้างวัด สร้างเมรุ มันจะยังคงอยู่กับประชาชนสืบไป ตนจึงตั้งกองทุนมูลนิธิกูมารพญาน้อยขึ้นเพื่อจัดการศพไร้ญาติ หรือศพที่ญาติไม่มีปัจจัย ทางกองทุนจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเผา ดังนั้นตนจึงไม่ได้รู้สึกกังวล ไม่สนใจกับกระแสดราม่า เพราะพื้นที่ทำพิธีเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานสามารถมาตรวจสอบได้

ส่วนกับประเด็นดราม่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้น ตนไม่สนใจ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล เป็นความชอบ ความสุข ตนจะแต่งเป็นลิซ่า กินรี จะทำอะไรก็ได้เพราะตนทำความดี เหมือนกับพวกดาราที่เขาแต่งตัวสวย ๆ ออกงาน ไม่มีอะไรผิด ดีกว่าคนที่แต่งตัวสวยแต่ทำตัวไร้สาระ

ตนยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คนจ่ายค่าครู คนนำมาทำบุญ ไม่ได้เข้าตัวเอง ไม่ได้มีการโอนเงิน ไม่ได้มีการฟอกเงินเลยแม้แต่น้อย สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะถ้าตนฟอกเงินจริง ตนก็ต้องมีบ้านหลังราคา 100 ล้าน แต่นี่มีเพียงแค่อาคารตึกแถว ตนก็พยายามกินอยู่กับของที่คนเอามาให้ หากเหลือก็แบ่งแจกจ่ายชาวบ้าน แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว

ด้านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เศรษฐี พระอธิการชัยวัฒน์ อาทิตโต พาทีมข่าวอมรินทร์ดูเมรุเผาศพทรงปั้นหยา มูลค่า 5.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นเมรุแรกของตำบลบ่อพับ ที่เหล่าลูกศิษย์ของกุมารพญาน้อย ร่วมกันทำบุญมาช่วยกันสร้าง ส่วนกับกระแสดราม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ยืนยันว่าพื้นที่ที่ทางกุมารพญาน้อยใช้ประกอบพิธีไหว้ครูนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางวัด แต่อาจจะมีบางส่วน บางครั้งที่เขาอาจจะขอใช้พื้นวัดที่ติดกันเพื่อตั้งของไหว้เหมือนวันนี้ จึงทำให้คนเข้าใจผิด

ทางวัดชี้แจงว่าที่ทางวัดอำนวยความสะดวกให้กับทางกุมารพญาน้อยมาโดยตลอด เช่น ลานจอดรถ พื้นที่พักผ่อน ของคนที่มาร่วมพิธีเพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เขาช่วยพัฒนาวัด มีจิตใจบุญ ให้ทาน สร้างสาธารณูปการ เป็นสะพานบุญ ทำให้วัดได้พัฒนาไปในทางที่เจริญเป็นที่พึ่งของญาติโยม สร้างชื่อเสียงให้กับวัดด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกิจกรรมต่าง ๆ ที่กุมารพญาน้อยทำ ตนยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย เพราะรู้ดีว่ามันผิด พ.ร.บ.สงฆ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ จึงไม่อยากเข้าไปก้าวล่วงในส่วนนั้น ตนรู้แค่ว่าที่ผ่านมามีลูกศิษย์ของเขามาทำบุญเยอะมาก เพราะฉะนั้นตนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปสั่งให้เขายุติกิจกรรม ยินดีที่จะให้เขาทำไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง ส่วนกับความคิดของคนที่เห็นต่าง ตนก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจในความคิดเห็นของทุกคน แต่ก็อยากให้ลองพิจารณาเจตนาให้ถี่ถ้วนว่าสิ่งที่เขาทำทำไปเพื่อหาผลประโยชน์อะไรกับวัดหรือไม่ ส่วนตัวแล้วมองว่าไม่ เพราะเขามีแต่ให้

นางปราณี แซ่อึ้ง อายุ 66 ปี ก็เดินทางมาจากบ้านที่อยู่ไกลจากวัดประมาณ 1 กม. ด้วยการเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมง และทำแบบนี้ทุกวัน ออกจากบ้าน 08.00 น. ถึงวัด 10.00 น. เพื่อมาไหว้พระทำบุญ รวมถึงร่วมพิธีไหว้ครูกับกุมารพญาน้อย อยู่บริเวณนอกลานพิธี เนื่องจากตนไม่ได้มีร่างทรงเหมือนลูกศิษย์ด้านในจึงเข้าไปไม่ได้ อาศัยลานข้างหน้าเป็นพื้นที่เต้นรำ สนุกสนานกับเพื่อน ๆ

ส่วนตัวยอมรับว่าอยากเข้าไปเหมือนกัน เพราะว่าชุดสีขาวตัวเองก็มีแต่รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ จึงทำได้แค่เดินไปขอพรเสริมบารมีด้านหน้าเท่านั้น หลัก ๆ พรที่ขอก็แค่ให้มีเงินมีงาน เพราะฐานะยากจน เช่าบ้านอยู่กับลูก 2 คน ดังนั้นตนมองว่าพิธีไหว้ครูและสิ่งที่กุมารพญาน้อยทำเป็นสิ่งที่ดีมาก มีการตั้งโรงทาน โรงครัวฟรี อร่อยด้วย ตนมากินทุกวัน เช้า เที่ยง เย็น แล้วประมาณ 5-6 โมงเย็นก็กลับบ้าน ก่อนนอนก็สวดมนต์ขอพรจากกุมารพญาน้อยด้วย