ส่อวุ่นหนุ่มตายกลางห้างฯ เจอพิรุธแทงหัวใจแต่ชักมีดวางโต๊ะ แชตลับสั่งห้ามพนง.พูด (คลิป)

จากกรณี ตำรวจ สน.บางยี่ขัน รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า ที่เกิดเหตุอยู่ในห้างสรรพสินค้า เป็นโซนซูเปอร์มาร์เก็ต พบร่างนายเกียรติศักดิ์ อายุ 42 ปี เป็นพนักงานดูแลความเรียบร้อยในแผนกอาหาร มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าที่บริเวณหัวใจ นอนเสียชีวิตหลังเคาน์เตอร์อาหารสด ใกล้กันพบมีดทำครัวยาว 1 ฟุต วางไว้บนเคาน์เตอร์

ต่อมา 22 พ.ย.64 เฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1" ได้ลงเรื่องร้องเรียนจากน้องชายผู้เสียชีวิต ที่ยังมีความคาใจสงสัยว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม ระบุว่า รู้สึก​ผิดปกติ​ ไปค้นในข้อความไลน์กลุ่มที่ทำงานของพี่ชาย อีกทั้งสถานีตำรวจ​เขาให้ดูแค่กล้องตัวหน้าที่พี่ชายเดินผ่าน แต่ตรงจุดที่เขาล้มลงนอน​มีกล้อง​ แต่ตำรวจไม่ให้ดู เขาบอกพ่อว่ามีให้ดูแค่นี้"

ล่าสุด วันที่ 23 พ.ย. 64 เวลา 11.00 น. นายเกษร สูตรไชย พ่อของนายเกียรติศักดิ์ สูตรไชย ผู้เสียชีวิต เดินทางมาพร้อมกับนายพิทยาธร วงศ์ษา อายุ 30 น้องชายผู้เสียชีวิต งมายัง สน.บางยี่ขัน เพื่อทวงถามถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าว เนื่องจากครอบครัวของผู้เสียชีวิต ติดใจสาเหตุการตาย

นายพิทยาธร วงศ์ษา อายุ 30 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ที่ครอบครัวตัวเองเดินทางมาที่โรงพักวันนี้ เนื่องจากยังติดใจสาเหตุการตายหลายอย่าง เช่น หลังจากพี่ชายเสียชีวิต ตัวเองได้ไปตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของพี่ชาย ซึ่งจะพบข้อความในกลุ่มไลน์ของพี่ชายข้อความประมาณว่า "แจ้งพนักงานทุกคนให้ทราบ ผู้ใหญ่สั่งมา เรื่องที่เกิดขึ้น ใครถามก็ให้บอกว่าไม่รู้ ให้บอกว่าทำงานคนละกะ" ตัวเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมเขาถึงปิดเรื่อง สำหรับพี่ชายตัวเอง ทำงานเป็น รปภ. พี่ชายอาจมีใครไปพูดตักเตือนใครหรือเปล่า จึงทำให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทหรือไม่

เรื่องที่ 2 ที่ตัวเองติดใจสาเหตุการตายของพี่ชาย ก็คือเรื่องของอาวุธมีด จากข้อมูลที่ตัวเองได้ทราบมา พี่ชายใช้มีดยาวประมาณ 1 ฟุต แทงตัดขั้วหัวใจจนเกือบจะมิดด้าม กระทั่งตอนที่มีคนไปเจอศพพี่ชายนั้น ศพพี่ชายได้นอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้น ส่วนมีดเล่มดังกล่าววางอยู่ด้านบนโต๊ะ ตัวเองจึงคาใจว่า ถ้าพี่ชายใช้มีดแทงเข้าที่อกด้านซ้ายจนเกือบจะมิดด้าม แล้วพี่ชายจะสามารถมีแรงดึงมีดมาวางอยู่บนโต๊ะได้อย่างไร

จากที่ตัวเองติดตามในข่าวก่อนหน้านี้นั้น ตัวเองได้ทราบว่า คนที่อยู่ใกล้พี่ชายตอนนั้น เป็นพนักงานตักน้ำแข็ง ซึ่งเขาให้ข่าวว่า ตอนที่เขาตักน้ำแข็งอยู่ ก็เห็นพี่ชายตัวเองเดินเข้าไปในร้าน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องชั่งน้ำหนักเนื้อสัตว์ หล่นลงไปที่พื้น ตอนแรกเขาก็ยังไม่ได้หันไปดูด้านในร้าน แล้วต่อมาเขาก็ได้หันไปดูที่ด้านในร้าน จนพบว่าพี่ชายตัวเองนอนอยู่ที่พื้น ซึ่งกรณีนี้ก็ทำให้ตัวเองสงสัยว่า ทำไมพนักงานตักน้ำแข็ง เขาจึงไม่หันไปดูพี่ชายตั้งแต่เครื่องชั่งน้ำหนักตกอยู่ที่พื้น เพราะสัญชาติญานของคนก็น่าจะหันหน้าไปดูแล้ว

เรื่องที่ 3 ในวันที่พ่อของตัวเองไปรับศพพี่ขายที่โรงพยาบาล พ่อได้บอกว่า ที่จมูกของพี่ขายได้หัก และมีบาดแผลเล็กน้อยตามใบหน้า ซึ่งตัวเองก็สงสัยว่าบาดแผลดังกล่าวมาจากไหน เรื่องที่ 4 หลังเกิดเหตุ พ่อตัวเองได้ดูกล้องวงจรปิด ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาให้ดูแล้ว 2 ตัว ในช่วงก่อนเกิดเหตุ จนถึงตอนเกิดเหตุ ตั้งแต่เวลา 04.00-05.00 น. ซึ่งจากที่พ่อไปดูภาพวงจรปิดนั้น ก็เห็นภาพพี่ชายเดินเข้าไปในร้าน และมีพนักงานตักน้ำแข็ง อยู่โต๊ะใกล้กัน ยังไม่เห็นภาพบุคคลที่ 3 แต่อย่างใด วันนี้ทางครอบครัว จึงอยากจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทุกมุม ที่อยู่ในร้านค้าทึ่เกิดเหตุ หรือบริเวณรอบๆร้าน เพื่อที่ทางครอบครัวจะได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งถ้าหากพี่ชายตัวเองฆ่าตัวตายจริง ๆ ทางครอบครัวก็จะยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

เบื้องต้น ตัวเองได้ส่งข้อมูลต่าง ๆ ให้กับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายอัจฉริยะ ก็จะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ต่อไป ตัวเองยังได้รับข้อความแชต มาอีกว่าเหตุที่เกิดขึ้น พี่ชายตัวเองน่าจะถูกบุคคลอื่นก่อเหตุใช้มีดแทงจนเสียชีวิตอีกด้วย โดยแหล่งข่าวที่ส่งแชตให้นั้นเป็นคนในวงใน

ทั้งนี้ วันที่เกิดเหตุมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตัวเอง แล้วบอกว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมาแจ้งข่าวว่าพี่ชายตัวเองผูกคอเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าพี่ชายเสียชีวิต กระทั่งตอนนี้ตัวเองรู้สึกสงสัยว่า ทำไมตำรวจนายดังกล่าวจึงบอกว่าพี่ชายเสียชีวิตเพราะผูกคอตาย หรือตำรวจนายดังกล่าวเขาอาจได้รับข้อมูลมาผิดพลาด ที้งที่พี่ตัวเองเสียชีวิตด้วยอาวุธมีด

ด้านนายเกษร สูตรไชย พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า ที่ตัวเองต้องเดินทางมาที่ สน.บางยี่ขัน เพราะตัวเองติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของอาวุธมีดที่วางบนโต๊ะ อีกทั้งตรงที่พบศพลูกชายข้าวของก็กระจัดกระจาย

นายเกษร เล่าต่อว่า สำหรับกล้องวงจรปิด ที่อยู่หน้าร้านที่เกิดเหตุ มีประมาณ 5 ตัว ก่อนหน้านี้ตัวเองได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด ไป 2 ตัว ในภาพช่วงเวลาประมาณ 04.00-05.00 น. ของวันที่ 17 พ.ย. ได้เห็นลูกชายเดินอยู่หน้าร้านจุดเกิดเหตุ จากนั้นลูกชายได้เดินเข้าไปในร้านจุดเกิดเหตุ แล้วหายตัวไปเลย โดยในกล้องตัวเองก็เห็นมีแต่พนักงานคนหนึ่งที่เติมน้ำแข็งอยู่ หลังเกิดเหตุ ตัวเองได้ยินข้อมูลมาว่า ลูกชายตัวเองมีปัญหากับบุคคลที่อยู่แผนกหั่นเนื้อสัตว์ ก็คือจุดที่ลูกชายนอนเสียชีวิต แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

อีกหนึ่งเรื่องที่ตัวเองติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย คือเรื่องสภาพบาดแผลของลูกชาย วันที่ไปรับศพลูกชาย ตัวเองได้สังเกตที่จมูกของลูกชายจะมีลักษณะเหมือนจมูกหัก และมีบาดแผลเล็กน้อยตามใบหน้า ถ้าหากกรณีนี้ลูกชายถูกฆาตกรรมจริง ตัวเองก็อยากให้เจ้าหน้าที่เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ก็มีพิธีเผาศพลูกชาย ซึ่งเพื่อนร่วมงานของลูกชายก็ไม่ได้มาร่วมงานศพของลูกชายสักคน มีแต่หัวหน้างานที่มาร่วมงานเพียงคนเดียวเท่านั้น

กรณีที่มีแชตไลน์หลุดออกมาใจความว่า "ห้าม รปภ.พูดถึงเหตุการณ์ทึ่เกิดขึ้น ถ้ามีบุคคลมาถามก็มห้บอกว่าไม่รู้เรื่อง เข้างานคนละกะ" ตัวเองก็อยากจะบอกว่า "ลูกชายผมทำงานให้คุณ เขาเป็นลูกน้องคุณ ถ้ามีเหตุอะไร ก็น่าจะให้คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้เรื่องบ้าง ทำไมต้องมาปิดบังกัน ถ้าคนในที่ทำงานเป็นอะไรอีกต่อจากนี้ เขาก็ต้องปิดบังทุกคน และจะตอบว่าฆ่าตัวตายอย่างเดียวไม่ได้ ตัวเองคิดว่ามันไม่ถูกต้อง" ตัวเองจะตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เมื่อคืนนี้ตัวเองได้ฝันเห็นลูกชายถือป้ายมีข้อความว่า "ผมสบายใจขึ้นแล้ว" สำหรับผลตรวจดีเอ็นอีในมีด และในที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ก็อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ได้บอกผลให้ทางครอบครัวทราบ

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ถ้าจะสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรมนั้น คงต้องพิจารณาจากหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การผ่าชันสูติพลิกศพ การตรวจหาดีเอ็นเอ และลายพิมพ์นิ้วมือจากอาวุธมีด ถึงจะบอกได้ว่าคดีนี้มีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ตายจะใช้มีดแทงตัวเอง ในตำแหน่งสำคัญแล้วสามารถดึงมีดออกมาไว้บนโต๊ะ คาดว่ามีความเป็นไปได้ ถึงแม้จะมีเป็นการดึงมีดออกมาจากการแทงสุดด้ามก็ตาม ารแทงในตำแหน่งปอดหรือหัวใจ ไม่ได้เสียชีวิตทันที ผู้บาดเจ็บสามารถที่จะขยับตัวหรือเดินได้ แต่ก็เดินได้ไม่นานก็จะเสียชีวิต หากว่าไม่ได้รักษาทันท่วงที อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องรอผลชันสูติอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อที่จะสรุปสาเหตุแห่งการตาย

นายอะตอม (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปเก็บศพ เล่าให้ฟังว่า ช่วงเช้าของวันที่ 17 พ.ย. ตัวเองได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกแทง กระทั่งได้มีการเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ที่ชั้น G ของห้างสรรพสินค้า ไปถึงที่เกิดเหตุตอนแรก เจ้าหน้าที่ของห้างยังไม่ให้ชุดของตัวเองเข้า กระทั่งรอบ 2 ชุดกู้ภัยของตัวเอง ได้เข้าไปพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เห็นผู้ตายมีสภาพศพนอนคว่ำหน้า กระทั่งพลิกร่างมา ก็เจอบาดแผลเด่นชัดที่หน้าอกด้านซ้าย ลักษณะคล้ายถูกแทงด้วยของมีคม และมีมีดยาว 1 เล่ม วางอยู่บนโต๊ะ ด้านหลังของศพที่มีดเล่มดังกล่าว มีคราบเลือดติดค่อนข้างยาวจนเกือบมิดด้าม

ส่วนกรณีที่พบเงินเหรียญ 10 อยู่ในภาพที่ปรากฏกับศพผู้ตาย และพบเงินแบงก์ 1,000 บาท ที่พบอยู่ข้างมีดผู้นายนั้น ตอนที่ชุดกู้ภัยของตัวเองไปที่เกิดเหตุชุดแรก ตัวเองก็ไม่เห็นเงินเหรียญ 10 และแบงก์พันแต่อย่างใด แต่ตัวเองก็ทราบข้อมูลมาว่า ชุดกู้ภัยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดกู้ภัยชุดที่สองที่เข้าไปในที่เกิดเหตุ ได้เป็นทีมที่นำเงินเหรียญ 10 บาท และแบงก์พันเข้าไปในการวัดขนาดบาดแผล และความยาวของมีดเนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขาไม่ได้มีอุปกรณ์เหมือนเจ้าหน้าที่ พฐ. เขาจึงใช้สิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวในการวัดสภาพบาดแผล และอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ตัวเองจึงคิดว่า กรณีเหรียญและแบงก์น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสะกดวิญญาณ