ญาติเด็กปทุมวัน ฉะรุ่นพี่หยุดล้างแค้นแทน เศร้า “บิ๊ก” อุเทน ตายต่อหน้าแม่ (คลิป)

21 พ.ย. 61
จากกรณีนายกมลวิช สุวรรณทัต อายุ 24 ปี นศ.ปี 4 คณะโลจิสติกส์ เทคโนโลยีฯ อุเทนถวาย ถูกมือปืนดักกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าตามร่างกาย 4 นัด เสียชีวิตขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปช่วยแม่ขายราดหน้า เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านวังทองเฮ้าส์ ถนนนวมินทร์ ซอย 57 เเขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. (อ่าน : “ตีเบอร์ร้อน” เด็กอุเทนฯ ไม่ทำ! แก๊งเหยื่อคาด มือฆ่าเก็บแต้มตาย - แม่เชื่อ ตร.ไม่จับแพะ)
แก๊งวัยรุ่นร่วมวางแผน "ฆ่าเด็กอุเทนฯ"
วันที่ 21 พ.ย. 61 พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า คดีนี้ ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายประสิทธิ์ และนายจิรภัทร ที่ยังหลบหนี ซึ่ง มูลเหตุเบื้องต้นเกิดจากความแค้นระหว่างสถานัน เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การภาคเสธในชั้นสอบสวน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงนายกมลวิช แต่รู้เห็นกับการร่วมก่อเหตุยิงผู้ตาย ทั้งนี้ในการเลือกเหยื่อ จะเลือกเฉพาะนักศึกษาคู่อริต่างสถาบัน เช่น จากอินเทอร์เน็ต การเฝ้าติดตาม จากนั้นเมื่อเลือกเป้าหมายแล้ว จะเฝ้าติดตามพฤติกรรมก่อนลงมือก่อเหตุ ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ เป็นความขัดแย้งต่อเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา มีรุ่นพี่ร่วมสถาบันเดียวกันกับผู้ต้องหาถูกยิง แม้จะมีการร้องขอชีวิตก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ เก็บความแค้นไว้และหาเหยื่อเพื่อก่อเหตุล้างแค้นให้สาสม
พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกด้วยว่า หลังจากนี้ ตำรวจจะขยายผลการสืบสวน ไปยังผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินในการก่อเหตุ โดยเตรียมนำ พรบ.ฟอกเงิน มาใช้ในการจับกุมผู้สนับสนุน ส่วนรอยสัก รูปเฟือง บนหัวไหล่ของนายกฤษฎา ว่าเป็นการประกาศศักดาว่าผ่านงานสังหารคู่อริมาทั้งหมดกี่ศพนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ได้มาจากการรับน้องของสถาบัน โดยทราบมาว่าเฟือง 5 นั้น เป็นสัญลักษณ์แทน ตัวเอง พี่ เพื่อน สถาบันช่าง และสาขาวิศวกรรมศาสตร์ สำหรับการแก้ไปปัญหาระยะยาว กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะประสานไปยังสถาบันทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป
นางเขมนิจ สุวรรณทัต หรือ จิ่ง อายุ 54 ปี แม่ของผู้ตาย
(ขวา) (แฟ้มภาพ)
นางเขมนิจ สุวรรณทัต หรือ จิ่ง อายุ 54 ปี แม่ของผู้ตาย(ขวา) (แฟ้มภาพ)
ด้าน นางเขมนิจ สุวรรณทัต หรือ จิ่ง อายุ 54 ปี แม่ของผู้ตาย ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ ระบุว่าหลังมีข่าวว่าผู้ต้องหามีการล้างแค้นปัญหาของสถาบันการศึกษา ที่ก่อนหน้านี้มีรุ่นพี่จากสถาบันช่างกลปทุมวันถูกยิงตายหน้าร้านโจ๊ก ต่อหน้าครอบครัว ทำให้เป็นการก่อเหตุครั้งนี้ ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพียงสงสัยความคิดของเด็กที่ก่อเหตุแบบนี้ทำไมถึงคิดได้ เป็นความคิดบ้าบอ ลูกชายตนก็ไม่ใช่คนก่อเหตุ เหตุใดจึงมาลงที่ลูกตน ไม่ไปลงกับมือยิง อย่างไรก็ตาม จากนี้ต้องพึ่งกระบวนการทางกฎหมาย ที่จะเอาผิดลงโทษคนร้าย อีกทั้งคนร้ายยอมรับออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ตนก็หวังว่าสำนวนของตำรวจจะออกมาเป็นธรรม
ภาพวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมคนร้ายก่อนก่อเหตุยิงนายอนุสรณ์
นอกจากนี้ จากคำรับสารภาพของผู้ต้องหา ทราบว่าส่วนหนึ่งของแรงจูงใจมาจากคดีฆาตกรรมเด็กสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยนายอนุสรณ์ สนธิ อายุ 25 ปี อาชีพขายโจ๊ก ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะกลับจากตลาดที่หน้าร้าน ในซอยวัดมะขาม อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งน้าสาวผู้เห็นเหตุการณ์ได้ไหว้ร้องขอชีวิตหลาน แต่มือปืนยังลงมืออย่างโหดเหี้ยม (อ่าน : ตร.ตั้งปมยิงหนุ่มขายโจ๊ก เอี่ยวสถาบันเคยเรียน - พ่อเผย เพื่อนลูกเคยถูกอริไล่ยิงดับ 2)
นางสมศรี พันธุ์บุตร น้าสาวของนายอนุสรณ์
ล่าสุด นางสมศรี พันธุ์บุตร น้าสาวของนายอนุสรณ์ เปิดเผยว่า คนถูกจับจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ความรู้สึกของตน จากที่คุยกับแม่ของของผู้ตายคิดว่าไม่น่าใช่การล้างแค้น ซึ่งการเสียชีวิตของหลานชายตนไม่ควรถึงกับต้องล้างแค้น ตนอยากให้ทุกอย่างจบลง ไม่อยากให้ล้างแค้นกันไป ล้างแค้นกันมา เพราะไม่อยากให้มีศพต่อไปเรื่อย ๆ แล้วคนที่อยากไปเรียนทั้ง 2 สถาบันนี้จะกล้าไปเรียนไหม หากยังเป็นแบบนี้อยู่ จนถึงขณะนี้ ตนทำใจกับการเสียชีวิตของหลานไม่ได้ รวมถึงท้อใจที่ตอนนี้ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ตนอยากถามคนร้ายต่อหน้าว่า มายิงหลานทำไม ทุกวันนี้ตนก็ยังนึกถึงหลานตลอด ทุกเช้าตนก็จะเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งมาวางไว้ให้หลาน พร้อมกับเรียกชื่อให้มากินข้าวทุกวัน เพราะกลัวหลานจะหิว นอกจากนี้ตนยังพูดกับหลานทุกวันว่า พาตำรวจไปจับคนร้ายมาให้ได้นะ อย่าตายฟรีนะ ทุกวันนี้ภาพเหตุการณ์ยังติดตา ลืมไม่ได้ที่หลานตัวเองต้องมาโดนยิงต่อหน้า และยังเดินมายิงซ้ำอีก ทั้งที่ตนยกมือไหว้ขอร้องแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ