จากกรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 10 พ.ย. 2564 พ.ต.ท.ประพฤทธิ์ เพชรพลอย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางขุนนนท์ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ภายในบ้าน ชุมชนคลองล่าง ซ.อำนวยผล 8 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.วชิระ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพนายสมัชฌ์ ประชุมพันธ์ุ อายุ 40 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอก 3 นัด เสียชีวิต ส่วนบริเวณหน้าบ้าน ตรงกลางถนนเข้าบ้าน พบศพ ร.ต.ทำนุ แจ้งจิตร อายุ 61 ปี ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต มีผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ น.อ.สันชัย ประชุมพันธ์ อายุ 59 ปี โดนยิงกลางหลัง นำตัวส่ง รพ.ศิริราช
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สน.บางขุนนนท์ ช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายธุรการ ยังบรรเทา ผู้ต้องหา เตรียมไปฝากขังศาลอาญาตลิ่งชัน
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังจะนำตัวนายธุรการ ผู้ต้องหา เดินลงจาก สน. นายธุรการได้เผยความในใจ เล่าประวัติและผลงานที่ตนเคยทำมาในอดีต เช่น เคยเป็นนักวิชาการอยู่ในรัฐสภา ทำงานอนุรักษ์ไก่พื้นเมืองไทย ทำให้นโยบายของไก่พื้นเมืองเปลี่ยน และนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสานต่อจนไก่พื้นเมืองไทยเป็นเศรษฐกิจตัวใหม่ของกระทรวงเกษตรฯ รวมถึงกล่าวอ้างว่าพ่อของตนศักดินา 800 แม่มีที่รอบบ้าน 200 กว่าไร่ และในครอบครัวก็เป็นข้าราชการทุกคน
หลังจากนั้น ขณะเดินลงจาก สน. เพื่อขึ้นรถควบคุม ได้เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองถูกด่าทอก่อนด้วยคำหยาบคายว่าเป็นหมาวัด ซึ่งเป็นคำพูดที่จี้ใจดำ เนื่องจากตนเองเคยอาศัยอยู่ที่วัดจริง ยืนยันว่าไม่ได้เจตนายิงให้ถึงชีวิต เนื่องจากตนเองไม่ได้ยิงปืนมานานหลายปีแล้ว แต่อยากฝากขอโทษผู้เสียชีวิต พร้อมกับอยากนำเงินไปช่วยเหลืองานศพ ขณะที่ประเด็นที่มีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ยอมรับว่ามีปัญหากันมาก่อนหน้านี้จริง วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งตนตั้งใจจะไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันนั้น แต่กลับมาเกิดเหตุด่าทอกระทบจิตใจตนเสียก่อนจึงทำให้ บันดาลโทสะก่อเหตุยิง "ไม่ยิงปืนเป็น 10 ปีแล้ว ผมยิงไม่แม่น แต่คนมันจะตาย ดวงเขาจะตาย"
ทีมข่าวได้รับคลิปที่ 1 ช่วงเวลาประมาณ 17.54 น. จับภาพรถยนต์ BMW ของนายปองภูมิขับเข้ามา จากนั้นผู้เสียชีวิตมีการเก็บลูกเปตอง หลังนายปองภูมิขับรถผ่านเข้าไป โดยมี นายสันชัย ผู้บาดเจ็บ, ร.ต.ทำนุ, นายสมัชฌ์ ผู้เสียชีวิต
คลิปที่ 2 เวลาประมาณ 17.56 น. จับภาพนายปองภูมิลงจากรถแล้วมามีปากเสียง ในขณะที่ทางญาติคนอื่น ๆ กวักมือไล่ให้กลับบ้านไป ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุมีการด่าทอกันว่า "ไอ้หมาวัด" คลิปที่ 3 เวลาประมาณ 18.25 น. เห็นนายสมัชฌ์ยืนคู่กับนางสาววันวิสาข์ ภรรยานายสมัชฌ์ โดยจับภาพเหตุการณ์ตอนนายธุรการเดินมามีปากเสียง เห็นนายปองภูมิยืนถ่ายคลิป ในขณะที่ ร.ต.ทำนุ กำลังโทรศัพท์แจ้งตำรวจพร้อมกวักมือไล่นายธุรการให้กลับไป แล้วนายธุรการชักปืนยิง ร.ต.ทำนุ
นายปองภูมิ ยังบรรเทา อายุ 27 ปี ลูกชายของนายธุรการ เปิดใจว่า หากย้อนเวลาไปได้ ตนเองจะไม่ขับรถเข้าไปในพื้นที่ที่กลุ่มญาติกำลังเล่นเปตองกันอยู่ เพราะที่ผ่านมาตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่กระทบกระทั่งกัน แต่วันเกิดเหตุตนมีความจำเป็นต้องนำรถเข้าไปจอดในพื้นที่บ้านเพื่อความปลอดภัย จนทำให้เกิดเหตุบานปลาย ยอมรับว่าตนเองได้เป็นคนเริ่มการโต้เถียงกับกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตก่อน จนพ่อที่อยู่ภายในบ้านได้ยินเสียง และทราบเรื่องราวจึงออกมาดู ตนไม่ทราบว่าพ่อจะนำปืนติดตัวมาด้วย กระทั่งเหตุการณ์เริ่มรุนแรงมีโต้เถียงเรื่องที่ดินและด่าทอด้วยคำหยาบคาย พ่อบันดาลโทสะชักปืนยิงกลุ่มญาติ ตนเองทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิป
ตอนนี้รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากเยียวยาและไปขอขมาศพ หลังจากเกิดเหตุตนและแม่ไม่กล้ากลับไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแล้ว กรณีที่ตนถ่ายคลิปและไม่มีห้ามปรามพ่อนั้น หากจะต้องถูกดำเนินคดี ตนเองก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าตนไม่มีการยั่วยุส่งเสริมพ่อในการก่อเหตุแต่อย่างใด
นางสาวนันทนิจ แจ้งจิตร หลานผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเป็นหลานของ ร.ต.ทำนุ และนายสันชัย ส่วนนายสมัชฌ์ เป็นลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งตนอยู่ในที่เกิดเหตุ ตอนนั้นเห็นนายธุรการเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกันกับนายปองภูมิ ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวอ้างว่าตามมาทีหลัง
วันเกิดเหตุ ตนเห็นนายธุรการมามีปากเสียง เหมือนกับครั้งก่อน ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ญาติไล่นายธุรการออกไปแต่ก็ไปยอมออกไป กระทั่งนายธุรการควักปืนออกมายิง พอเห็น ร.ต.ทำนุ ล้มลง ก็รู้สึกช็อก ทุกคนกรี๊ดลั่นบ้าน เพราะนายธุรการไล่ยิงคนในบ้านอย่างต่อเนื่อง ตนก็ได้แต่แตกตื่นวิ่งหลบหลังรถยนต์ พอนายธุรการเดินออกไป ตนย้อนกลับไปดูก็ตกใจ กรี๊ดอีกรอบ เพราะเห็นนายสันชัยกับนายสมัชฌ์ถูกยิง
ซึ่งปมเรื่องที่นายปองภูมิ ลูกชายของนายธุรการ อ้างว่าจำเป็นต้องถ่ายคลิปวิดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เพราะนายธุรการเคยถูกทำร้าย ยืนยันว่าไม่จริง ทางครอบครัวตนไม่เคยทำใครก่อน แต่จะให้ยืนนิ่ง ๆ ให้เขาทำฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ มีการตอบโต้กันเป็นธรรมดา ส่วนตัวมองว่าการที่นายปองภูมิถ่ายคลิปตอนเกิดเหตุ ไม่มีการห้ามปรามก็มองว่ารู้เห็นกัน และควรได้รับโทษด้วย
ตอนนี้มีความกังวลใจเรื่องคดีความ เพราะเห็นว่านายธุรการโดนดำเนินคดี ด้านของนายปองภูมิอาจจะมีความโกรธแค้นแล้วมาเอาคืนก็เป็นไปได้ เพราะเขาก็มีปืน ตนอยากให้ตำรวจมีการขยายผลต่อในเรื่องนี้ เพราะคนที่ยังมีชีวิตอยู่ อยู่กันอย่างระหวาดระแวง ล่าสุดนางวรรณี มีความเครียด ลิ้นแข็ง ขากรรไกรค้างแอดมิดเข้าโรงพยาบาล โดยมีนางสาวชฎาวรรณเป็นผู้ดูแล ส่วนอาการบาดเจ็บของนายสันชัย ทุเลาลงแล้ว แต่ยังต้องผ่ากระสุนออก เพราะอวัยวะปอดและตับเสียหาย
นางสาววันวิสาข์ อภินันโท อายุ 39 ปี ภรรยานายสมัชฌ์ บอกว่า ตนอยู่กินกันมา 9 ปีมีการแต่งงานกันเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา นายสมัชฌ์ เป็นสามีที่ดีมาก เป็นไม่ชอบมีปัญหากับใคร แต่ก็ไม่ยอมคน ถ้ามีคนมารังแก เรื่องปมที่ดินมีมาก่อนที่ตนจะมาคบกันกับนายสมัชฌ์ แต่ก็ทราบว่ามีการซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย และศาลก็ตัดสินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่มีหมายศาลให้นายธุรการออกจากพื้นที่แล้วก็ตาม แต่ทางนายสันชัยก็ไม่เคยไปไล่ ปกติเวลาขับรถยนต์เจอนายธุรการ ตนก็เปิดกระจกรถและยกมือสวัสดีทักทายทุกครั้ง เพราะคิดว่าจะเป็นการลดทอนความรุนแรงของระหว่างครอบครัว
สภาพจิตใจของตนในขณะนี้ยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุตนยังคลุกคลีกับนายสมัชฌ์ทุกวัน ซึ่งไม่มีลางสังหรณ์บอกเหตุอะไรมาก่อนหน้านี้ หลังเกิดเหตุก็ยังไม่มีการมาเข้าฝัน ซึ่งตนคาดว่านายสมัชฌ์จะยังคงเป็นห่วงพ่อและแม่รวมถึงคนในครอบครัว ตอนรดน้ำศพก็บอกกับนายสมัชฌ์ไปแล้วว่าให้ไปสบาย
ส่วนตัวอยากออกมาพูดเพื่อปกป้องคนในครอบครัวของนายสมัชฌ์ ซึ่งไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความปลอดภัยจะมีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากนายธุรการถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่ทางด้านของนายปองภูมิลูกชายคนก่อเหตุ ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดี จึงมีความกังวลใจว่าเขาอาจจะเกิดความโกรธแค้น กลับมาแก้แค้นคนในครอบครัวจนได้รับอันตรายในภายหลัง ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายครอบครัวของนายธุรการนั้น ยืนยันว่าครอบครัวไม่เคยทำร้ายร่างกายใครก่อน
นายวิชัย (สงวนนามสกุล) นายทุน บอกว่า เมื่ประมาณปี 2535 มีการรับจำนองที่ดิน ผ่านนายหน้าคนหนึ่งว่ามีที่ดินของนางกรุณา สนใจจะเอาเข้าจำนอง โดยคนที่เอาที่ดินมาจำนองเป็นนายธุรการ ซึ่งตนมีโอกาสได้เจอกับนายธุรการจริงๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง ยืนยันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และก็ไม่เคยตกปากสัญญาอะไรกับนายธุรการว่าจะมีการขายคืนให้ โดยบอกกับนายหน้าว่าเป็นที่ดินติดถนน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นถนนภาวะจำยอม ตนก็กวาดซื้อไว้ก่อน ราคาประมาณ 1.6 ล้านบาท
ซึ่งมีการส่งงวดผ่อนประมาณ เดือนละ 5,000-6,000 บาท แต่ทางด้านของนายธุรการส่งเงินมาไม่กี่งวด และขาดส่งไปหลายเดือน จึงทำให้ตนมีการฟ้องไปยังกรมบังคับคดี เพื่อกระทำการนำที่ดินที่ถูกจำนองเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขายต่อให้กับคนอื่น ๆ โดยผ่านไปเกือบ 20 ปี ตั้งราคา 3 งาน เกือบ 2 ล้านบาทไม่มีใครซื้อขาย เพราะเป็นที่ดินติดถนนซอยของที่ดินคนอื่นเลยขายยาก
จากนั้นก็มีนายหน้าคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกับ ร.ต.ทำนุ อาจจะรู้ว่ามีที่ดินของนางกรุณาขายอยู่ในตลาด ซึ่งนายหน้ารู้จักกับนางวรรณีด้วย จึงติดต่อตนมาขอซื้อเมื่อปี 2560 ตอนเสนอราคาขายประมาณ 1.6 ล้านบาทเพื่อเท่าทุน แต่ทางด้านของนางวรรณีบอกมีเงินเพียงล้านต้น ๆ ตอนนั้นตนยอมตัดสินใจขายขาดทุน เพราะคิดว่าคงไม่มีใครซื้อ นอกจากคนที่มีพื้นที่ใกล้กัน จึงมีการนัดกันเพื่อทำการวัดรังวัด และทำการโอนขายตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ทางด้านนายธุรการไม่ยอม หาว่าไปแอบทำลับหลังโดยที่นายธุรการไม่รู้ตัว มีการฟ้องศาล กล่าวหาว่าตนและนายสันชัยมีการเบิกความเท็จ ไม่มีการวัดรังวัดใหม่ ซึ่งตนก็สู้คดีจนศาลฎีกาตัดสินไม่นานนี้ว่าที่ดินเป็นของนายสันชัยตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากที่ขายที่ดินไปกว่า 3 ปี ก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุยอะไรกัน เลยไม่รู้ว่า 2 ครอบครัวนี้มีปัญหาอะไรกัน
ที่วัดมะลิ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ภายในศาลาวัดถูกจัดตั้งงานศพ ของนายสมัชฌ์ ประชุมพันธ์ุ อายุ 40 ปี และ ร.ต.ทำนุ แจ้งจิตร อายุ 61 ปี มีชุดทหารเรือสีขาว มีกระบี่และหมวกวางไว้บนพานหน้าโลงศพของเรือตรีทำนุ ซึ่งตั้งศพคู่กันกับนายสมัชฌ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายทนง แจ้งจิตร ตาของตายปองภูมิ พี่ชายของนางกรุณา บอกว่า ตนเดินทางมาแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของคนในครอบครัวของนางวรรณี ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ และไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของนายธุรการ เรื่องที่ดินนางกรุณาไม่เคยแม้แต่จะมาปรึกษา ทั้งที่ตนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ในสายเลือด แต่ส่วนใหญ่จะพูดคุยกับทางด้านนายธุรการมากกว่า พอเกิดปัญหาถึงมาปรึกษา แก้ไขอะไม่ได้แล้ว ในส่วนของนายธุรการนั้นเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ค่อนข้างใจร้อน ได้ยินเสียงทะเลาะกันบ้าง แต่ภายหลังตนไปอยู่บ้านลูกชายแถวสำเหร่เลยไม่ค่อยได้กลับมา
ด้านนายปองภูมิตอนเป็นเด็กก็นิสัยน่ารัก แต่พอโตขึ้นมาไม่รู้ไปฟังอะไรจากพ่อเยอะ พฤติกรรมความร้อนแรงเริ่มแสดงให้เห็น โดยเฉพาะกับทางครอบครัวของนายสันชัย ซึ่งมีข้อพิพาทกันในเรื่องของที่ดิน ตนเตือนหลานเสมอว่าให้ใจเย็น ๆ คนกันเองทั้งนั้น แต่หลานก็ไม่ฟัง หลังทราบข่าวตนก็รู้สึกใจ มีความกังวลใจในเรื่องของคดีความว่านายปองภูมิจะถูกดำเนินคดีเพิ่มด้วย
