กรณีตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว และมีเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายครั้ง จากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยกรุงเทพ-กรีฑา 7 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 พ.ต.อ.วิชัย ณรงค์ ผกก.สน.หัวหมาก และฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต จำนวน 4 คน ประกอบดด้วยดังต่อไปนี้
1.นายธวัชชัย หรือ สจ.ดำ อดีตสมาชิกภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 62 เคยถูกตำรวจกองปราบปราม จับกุมในดคี พ.ร.บ.เช็คฯ และปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
2.น.ส.พัชรณัฎฐ์ ภรรยานายธวัชชัย
3.ลูกสาว อายุ 13 ปี คนโต
4.ลูกสาว อายุ 11 ปี คนเล็ก
สำหรับศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย เบื้องต้นทราบว่าถูกยิงตามจุดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1.ศพของนายธวัชชัย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว เข้าบริเวณปลายคาง เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนชั้น 2
2.ศพของ น.ส.พัชรณัฏฐ์ ภรรยา ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย 1 นัด เเละศีรษะ 1 นัด เสียชีวิตบริเวณบันไดชั้นลอย ใกล้ห้องนอน
3.ศพของลูกสาวคนเล็ก ถูกยิงเข้าบริเวณลำคอ 1 นัด ทะลุเเผ่นหลัง เเละศีรษะ 1 นัด เสียชีวิตอยู่บริเวณบันไดชั้น 3
4.ศพของลูกสาวคนโต ถูกยิงบริเวณขาข้างขวา 1 นัด เเละศีรษะ 1 นัด เสียชีวิตอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภายในห้องนอนชั้น 3 ขณะกำลังเรียนออนไลน์
ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบเป็นบ้านทาวน์เฮาส์สูง 3 ชั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวแตงอ่อน (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงปืน แล้วโทรแจ้งรปภ.หมู่บ้าน เป็นคนแรก ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.64) เวลาประมาณ 14.10 น. ขณะที่ตนอยู่ในบ้าน ห่างกับบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 20 เมตร ตนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องเสียงดัง คาดว่าน่าจะเป็นเสียงของภรรยาผู้เสียชีวิต จากนั้นก็มีเสียงปืนดังประมาณ 2-3 นัด และมีเสียงผู้หญิงกรีดอีกรอบ คาดว่าน่าจะเป็นเสียงเด็ก แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นเรื่อย ๆ
ในระหว่างนั้นตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าหมู่บ้าน เพื่อให้มายังบ้านหลังดังกล่าว กระทั่ง รปภ.จำนวน 3 คน เป็นผู้ชายทั้งหมดมาถึงหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ ได้เข้าไปดูเหตุการณ์ที่หน้าบ้าน จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกประมาณ 2 นัด ทำให้รปภ.ทั้ง 3 คนต้องรีบวิ่งถอยออกจากหน้าบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงปืนอีกแล้ว
สำหรับตนไม่รู้จักครอบครัวนี้ เคยเห็นผู้เสียชีวิตเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพูดคุยกัน ส่วนปมก่อเหตุหรือปัญหาในครอบครัวนั้น ตนก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่อาศัยในหมู่บ้านแห่งหนี้ ตนก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายกริชศักดิ์ดา โสภาพ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เข้าไปดูเหตุการณ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.64) เวลาประมาณบ่าย 2 กว่า ๆ ลูกบ้านได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าได้ยินเสียงปืน และเสียงผู้หญิงกรีดร้อง จากนั้นตนและเพื่อน รปภ.อีก 2 คน จึงเข้าไปตรวจสอบที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว พอไปถึงหน้าบ้านหลังดังกล่าว ตนก็ได้ยินเสียงปืน 2 นัด จากนั้นพวกตนจึงพากันถอนออกมาตั้งหลักที่หน้าปากซอย แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังอีก 2 นัด ก่อนที่เสียงปืนจะเงียบไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับตนก็ไม่ได้รู้จักครอบครัวผู้ตายเป็นการส่วนตัว แต่ก็พอได้คุยกับเขาเวลาที่เขาให้เรียกรถแท็กซี่เท่าที่ตนสัมผัส สจ.ดำ ก็เป็นคนที่นิสัยเงียบ ๆ และใจดี ตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ คลิปที่ 1 เหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เวลา 11.47.35 น. จะเห็น สจ.ดำ ขับรถเก๋งคันสีดำ ออกมาจากในบ้าน เพื่อมาจอดหน้าบ้าน จากนั้น สจ.ดำ ก็ลงจากรถ แล้วเข้าไปในบ้าน
เวลา 11.49.30 น. สจ.ดำ เดินออกจากบ้าน แล้วไปเปิดประตูรถเก๋งสีขาว ที่จอดอยู่ด้านหลังรถเก๋งคันสีดำ เพื่อไปหยิบเอาถุงสิ่งของบางอย่าง ที่คาดว่าในนั้นน่าจะมีอาวุธปืน ก่อนที่ สจ.ดำ จะเดินเข้าบ้านในเวลา 11.50.00 น.
เวลา 11.50.30 น. ในคลิปจะเห็นภรรยาของ สจ.ดำ ออกมาเก็บผ้าที่ตากไว้หน้าบ้าน จากนั้น สจ.ดำ ก็ได้ไปเปิดประตูรถเก๋งคันสีขาว เพื่อเอาสิ่งของบางอย่างเข้าไปเก็บในบ้าน
เวลา 11.55.00 น. สจ.ดำ และภรรยา ยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณหน้าบ้าน
กล้องตัวที่ 2 หลังเกิดเหตุ สำหรับคลิปวงจรปิดเหตุการณ์ที่ 2 เวลา 14.00 - 14.20 น. ที่บริเวณหน้าบ้านของ สจ.ดำ ไม่มีความเคลื่อนไหว คาดว่าทุกคนน่าจะอยู่ด้านในบ้าน
เวลา 14.23.43 น. เพื่อนบ้านที่อยู่ถัดจากบ้านหลังเกิดเหตุมา 1 หลัง เดินออกมาจากบ้านของตัวเอง เพื่อไปดูเหตุการณ์ที่หน้าบ้านของ สจ.ดำ ก่อนที่จะวิ่งเข้ากลับมาบ้าน ซึ่งคาดว่าตอนนั้นเพื่อนบ้านรายนี้น่าจะเห็นเหตุการณ์ หรือได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากด้านในบ้านของ สจ.ดำ
เวลา 14.25.37 น. รปภ.จำนวน 3 คน หลังรับแจ้งจากลูกบ้านว่ามีเสียงปืนดังและเสียงผู้หญิงกรีดร้อง ก็ได้เดินเข้ามาดูเหตุการณ์ที่บ้านของ สจ.ดำ ก่อนที่จะพากันรีบเดินออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว
นายศิริชัย ทองอ่อน อายุ 45 น้องชายสจ.ดำ เปิดเผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว สจ.ดำ เล่าให้ฟังว่ากำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งตนก็เตือนให้ไปพบแพทย์วินิจฉัย แต่พี่ชายของตนไม่ยอมไปตรวจรักษา อีกทั้งชีวิตประจำวันมักจะดื่มเหล้าเป็นประจำ และก่อนที่จะเกิดเหตุพี่ชายมักจะมีปัญหากับภรรยาและทะเลาะกันบ่อยครั้ง นอกจากนี้ พี่ชายของตนเคยเป็น สจ.มาก่อน จึงพกปืนติดตัวเป็นประจำ หากไม่พกเองก็ฝากให้ลูกน้องพกไว้กับตัว
ส่วนตัวไม่ได้ติดใจในการตาย คิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว เช่น การหึงหวง เกรงว่าจะทะเลาะกันเรื่องปัญหาชู้สาว เพราะพี่สะใภ้มักจะโทรศัพท์มาระบายกับตน เนื่องจากชอบแอบค้นโทรศัพท์มือถือของสามีและมักทะเลาะกัน เพราะจับได้ว่าพี่ชายของตนไปมีคนอื่น
หลังจากนี้ ครอบครัวจะร่างของพี่ชายและครอบครัวไปจัดฌาปนกิจศพที่วัดเทพลีลา เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตนจะคุยกับทางครอบครัวของพี่สะใภ้ เพื่อจัดงานที่เดียวกัน เพราะพี่ชายของตนรักลูกสาวทั้ง 2 คนมาก ๆ ตนขอให้ผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดี และขอโทษครอบครัวของพี่สะใภ้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายติ่ง (นามสมมติ) ชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนเดินเล่นออกกำลังกายตามถนนในหมู่บ้าน ช่วงเย็นเห็น สจ.ดำ นั่งอยู่ที่สวนหย่อมของหมู่บ้านคนเดียว สภาพนั่งเหม่อลอย สีหน้าเคร่งเครียด เอามือพาดกับเก้าอี้ เอนหลังกับเก้าอี้ แล้วมองหน้าขึ้นฟ้า นั่งอยู่อย่างนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนก็ไม่ได้สนิทกับ สจ.ดำ อยู่แล้ว จึงไม่ได้เข้าไปทักทายเขา กระทั่งมาทราบว่าเกิดเหตุ ตนคิดว่าที่เขานั่งเหม่อลอยในวันนั้น เขาน่าจะมีความเครียดหรือไม่
นายกำชัย สังข์ประไพ น้องชายของ น.ส.พัชรณัฏฐ์ เเละพลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ เป็นญาติของ น.ส.พัชรณัฏฐ์ เดินทางเข้ามารับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมกับนำเสื้อผ้าเครื่องเเต่งกาย มาเปลี่ยนให้กับร่างผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะเคลื่อนร่างไปทำพิธีทางศาสนาที่ศาลา 2 วัดเทพลีลา เเขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดยมีกำหนดสวดพระอภิธรรม 3 คืน สำหรับผลการชันสูตรทั้ง 4 ศพ ถูกกระสุนปืนทำลายสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิต
พลตำรวจตรีวิชัย เปิดเผยว่า สาเหตุการฆ่ายกครัวในครั้งนี้ ตนเชื่อว่ามาจากปัญหาหนี้สิน มูลค่าหลายสิบล้านบาท ที่ สจ.ดำ ลงทุน ทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ประมูลงาน เเละเล่นการเมือง เป็นหนี้ผูกพันมาจากอดีต เเละเชื่อว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รู้สึกกดดัน อาจมาจากการถูกทวงหนี้ลงทุนลอตเตอรี่ จำนวน 10 ล้านบาท เนื่องจากทราบว่าวันเกิดเหตุมีการนัดจ่ายหนี้ จำนวน 2,500,000 บาท เเละคาดว่า สจ.ดำ คงไม่มีเงิน จึงจะขอยืมจากภรรยา เเต่ภรรยาก็คงไม่มีให้เช่นกัน ก่อนจะตัดสินใจก่อเหตุฆ่ายกครัว เพราะไม่อยากให้ลูกเมียต้องรับภาระหนี้สินของตัวเองหรือไม่
ในอดีตลักษณะของหลานเขยนั้น ก่อนเกิดเหตุมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด เเต่ก็ไม่เคยมาขอยืมเงินหรือปรึกษาเรื่องคดีต่าง ๆ ที่ สจ.ดำ เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยตนพบกับ สจ.ดำ ครั้งสุดท้ายที่รัฐสภาได้ไม่นาน ก็ยังเห็นเป็นปกติดี
ส่วนน.ส.พัชรณัฏฐ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาว ก่อนเสียชีวิตเขาทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำเเหง เเต่ถูกหางเลขจากการที่สามีเป็นหนี้สิน ทำให้ถูกข้อหาล้มละลายไปด้วย พอพ้นจากข้อหาดังกล่าวจึงกลับไปสมัครสอบเข้าเป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยรามคำเเหง อีกครั้ง กระทั่งสามีทำธุรกิจเเละสร้างหนี้สินอีกเหมือนเดิมทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโกรธ สจ.ดำ เพราะคนทำเสียชีวิตไปเเล้ว อีกทั้งเชื่อว่าคงจะเป็นเวรกรรม
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังร้านอาหารของ สจ.ดำ ผู้เสียชีวิต เป็นร้านอาหารปักษ์ใต้ โดยวันนี้ร้านอาหารดังกล่าวเปิดให้บริการปกติ แต่ผู้ที่ดูแลร้านอาหารซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ไม่สะดวกให้ทีมข่าวบันทึกภาพบรรยากาศร้าน
นายฉัตร หลานชายของ สจ.ดำ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ญาติทุกคนก็อยู่ในอาการที่ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนอยู่ในอาการที่โศกเศร้าเสียใจกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นญาติฝั่ง สจ.ดำ หรือภรรยา สจ.ดำ ที่ผ่านมา สจ.ดำ ก็ไม่เคยเปรยให้ฟังว่าอยากจะก่อเหตุแบบนี้ แต่เขาก็เป็นคนนิสัยดี เป็นนักการเมืองมาก่อน และเคยช่วยสังคมมาเยอะ ตนก็ไม่ทราบสาเหตุสาเหตุที่น้าชายไปก่อเหตุแบบนี้ คิดว่ามีแต่คนตายเท่านั้นที่รู้สาเหตุ
สำหรับตนรักน้าชายคนนี้มาก ๆ ส่วนกรณีเรื่องหนี้โควตาลอตเตอรี่ที่ สจ.ดำ ไปทำกับนายสมรักษ์ คำสิงห์ ตนก็ไม่รู้รายระเอียดในเรื่องนี้ โดย สจ.ดำ เป็นคนนิสัยใจถึงพึ่งได้ ส่วนอาวุธปืนที่ สจ.ดำ ใช้ก่อเหตุ ตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้าชายไปเอาอาวุธปืนมาจากที่ไหน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายยังอยู่ระหว่างการชันสูตร ส่วนบรรยากาศตั้งเเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังไม่พบญาติของผู้เสียชีวิต เเต่พบว่ามีการเตรียมรถตู้ไว้ จำนวน 4 คันสำหรับเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดเทพลีลา เเขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
หลังจากรับศพออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ทางญาติได้นำศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยผูกสายสิญจน์กับรถที่ขนโลงศพทั้ง 4 ศพ โยงกับรั้วบ้าน พร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป มาทำพิธี
โดยตำรวจ สน.หัวหมาก ได้เดินทางมาเปิดบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อให้ญาติเข้าไปทำพิธี เนื่องจากว่าสถานที่ดังกล่าวยังถูกกันพื้นที่เอาไว้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนทางคดี เเละยังต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ ญาติได้ขอความเป็นส่วนตัวให้สื่อมวลชนอยู่ด้านนอก ขณะเดียวกันพบว่ามีเพื่อน ๆ ของ สจ.ดำ เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าวเพื่อร่วมพิธีด้วย เเต่ทั้งหมดไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ
จากนั้นญาติได้นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพ ไปยังศาลา 2 วัดเทพลีลา โดยนำศพตั้งประกอบพิธีศาลาเดียวกัน ซึ่งศพพ่อกับเเม่วางซ้อนกันอยู่ด้านบน ส่วนศพลูกทั้ง 2 คนวางด้านล่าง ขณะที่รูปหน้าศพใช้ภาพครอบครัวที่ทั้ง 4 คนถ่ายด้วยกัน
สำหรับบรรยากาศภายในวัดเทพลีลา มีครอบครัวของผู้เสียชีวิต คนสนิท เเละนักการเมือง มาร่วมเเสดงความไว้อาลัย ซึ่งวันนี้ไม่มีพิธีรดน้ำสด เเต่เป็นการตั้งสวดพระอภิธรรมคืนเเรก โดย นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เเละรองประธานวิปรัฐบาล ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ ญาติเเละครอบครัวขอความเป็นส่วนตัว
สำหรับนักการเมืองที่มาร่วมงานในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภาคใต้ อาทิ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ, นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ (ประธานในงาน) นอกจากนี้ ยังมีคณะทำงาน ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาร่วมงาน เนื่องจากเป็นผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับทางนายธวัชชัย หรือ สจ.ดำ เพราะว่าเป็นคณะทำงานในกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลายคณะ และเป็นผู้ใกล้ชิดกับนายชินวรณ์
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เวลาประมาณ 14.30 น. นาวาตรีสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยทีมชาติไทย เดินทางมายัง สน.หัวหมาก เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
โดยนาวาตรีสมรักษ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปให้ปากคำว่า ตนกับ สจ.ดำ เป็นเพื่อนกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว ในสายตาของตน เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และคอยช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด ส่วนภรรยาของเขาก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ใน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้านเพื่อน ๆ ของเขาก็เป็นนักการเมืองหลายคน แล้วก็ไม่มีประวัติติดการพนันใด ๆ
กระทั่งวันที่ตนขึ้นโรงพักในคดีที่ถูกโกงลอตเตอรี่ครั้งแรก สจ.ดำ ก็ได้โทรศัพท์มาถามว่า "ไปโดนโกงได้ยังไง ทำไมไม่ถาม เพราะผมก็ทำอยู่" พร้อมกับชักชวนให้ตนไปนำลอตเตอรี่ที่เขาแทน ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจว่าเขาจะโกง เพราะในสายตาของตนมองเขาเป็นคนดี แล้วก็มีอาชีพที่มั่นคง อีกอย่างตนก็คบกันเป็นเพื่อนมานาน จึงไว้ใจรับลอตเตอรี่มาจากเขา แม้จะเพิ่งโดนหลอกมาหมาด ๆ ก็ตาม
โดยที่ผ่านมาตนเคยได้ลอตเตอรี่จากเขามาแล้วหลายงวด ตกใบละ 80 บาท งวดแรกกับงวดที่ 2 ได้ครบตามจำนวน แต่งวดที่ 3 และงวดที่ 4 เริ่มไม่ครบ และงวดที่ 5 เป็นงวดสุดท้ายที่มีปัญหากัน คือ ไม่ได้เลยสักใบ โดยแต่ละงวดที่ตกลงกันไว้เขาต้องให้ตน 2,000 - 3,000 เล่ม สำหรับงวดที่ได้ไม่ครบคือตกลงไว้ 2,000 เล่ม แต่พอกลับบ้านมานับดูมีแค่ 1,400 เล่ม จึงหายไป 600 เล่ม คิดเป็นเงินจำนวน 3 ล้านกว่า ๆ พอถามไปทาง สจ.ดำ เขาบอกว่า "เดี๋ยวเอามาให้" แต่จนวันนี้ก็ยังไม่ได้ลอตเตอรี่
สำหรับผู้เสียหายหลัก ๆ มีประมาณ 10 คน แต่เขาเอาไปกระจายต่ออีกที โดยแต่ละคนอยู่ต่างจังหวัด อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี ซึ่งพวกเขาไม่รู้จัก สจ.ดำ แต่ไว้ใจตน ตนจึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางหาของให้ แต่ไม่ได้อะไรเลย แค่อยากให้ชาวบ้านมีอาชีพเท่านั้น ทั้งนี้ ตนเคยถาม สจ.ดำ ว่าเอาเงินไปไหนหมด เขาก็บอกว่าเอาเงินไปมัดจำค่าหวยกับผู้ใหญ่ในบริษัทลอตเตอรี่ พอถามว่าชื่ออะไร เขาก็ไม่บอก
"ผมขอยืนยันเลยว่า ผมไม่รู้ไม่เห็นว่าเขารับหวยมาจากใคร ก็ไม่รู้ว่าเขาบริหารเงินผิดพลาด หรือเขาโดนโกงมาอีกที สำหรับก่อนเกิดเหตุ เขามีการนัดคืนเงิน 10 ล้าน ในวันพุธและพฤหัสนี้ และเมื่อ 10 โมงเช้าของวันพุธที่เกิดเหตุ เขาก็โทรมาพูดว่า บาสเพื่อนรัก เรื่องเงินเรียบร้อยแล้ว วันนี้จะคืนให้ก่อน 2.5 ล้านบาท แล้วอีกวันถึงสองวัน จะให้อีก 2.5 ล้านบาท ซึ่งเขาก็พูดคุยดี มีหัวเราะด้วยครับ เขานัดไปที่ร้านอาหาร แต่พอถึงร้านไม่เจอเขาเลย แล้วก็ติดต่อไม่ได้ เลยถามพนักงานว่าติดต่อได้ไหม พนักงานก็หายไปโทรศัพท์แล้วเดินมาบอกว่า สจ.ดำ บอกให้รอแป๊บหนึ่งกำลังจะมา ไม่นานตำรวจก็เดินทางมาที่ร้าน พร้อมเรียกพนักงานไปคุย ผมเห็นผิดปกติก็เลยเดินไปถามตำรวจว่ามีอะไรกัน ตำรวจก็บอกว่าพอดีเพื่อนบ้านของเจ้าของร้านนี้โทรแจ้งตำรวจว่าได้ยินเสียงปืนจากในบ้าน 7-8 นัด ผมก็เลยบอกตำรวจว่าขอตามไปที่บ้านด้วยได้ไหม" นาวาตรีสมรักษ์ กล่าวให้ฟัง
นอกจากนี้ ตนคิดว่าเรื่องเงินน่าจะเป็นชนวนใก่อเหตุ เพราะว่าจริง ๆ เขาเป็นคนรักลูกรักเมียมาก ๆ ตอนทราบข่าวตนยังตกใจมาก อีกทั้งตนก็รู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ สจ.ดำ ก่อเหตุ ตนจึงตั้งใจจะบวชให้ สจ.ดำ เป็นเวลา 7 วัน แต่คงไม่ได้โกนหัว เพราะติดถ่ายละคร สำหรับเงินที่เขาติดหนี้ตนไว้ ตอนนี้ก็มีทนายหลายคนติดต่อมาให้คำแนะนำ แต่ตนก็ปฏิเสธไป เพราะตนสงสารครอบครัวเขาที่เพิ่งสูญเสีย ตนเลยไม่กล้าคุยเรื่องนี้กลัวจะเป็นการไปซ้ำเติมครอบครัว ตนจึงจะหาเงินมาคืนชาวบ้านแทนเอง
"ตอนนี้กำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะเดินทางไปร่วมงานศพดีหรือไม่ เพราะใจผมอยากไป แต่กลัวว่าญาติพี่น้องของ สจ.ดำ จะเข้าใจผิดหรือเปล่า แต่ยืนยันตรงนี้เลยว่าบริสุทธิ์ใจ เขาคือเพื่อนผม จึงไม่มีการข่มขู่กันแน่นอน ส่วนเงิน 10 ล้านที่ผมจะชดใช้แทนไปก่อน ก็ยอมรับว่าเครียด แต่ก็ต้องสู้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งผมก็ยังทำงานในวงการบันเทิง แต่ก็ต้องขอเวลานิดหนึ่ง เนื่องจากผมจะไม่ขอยืมเงินลูกสาวแล้ว สงสารเขา ยืมเขามาหลายล้านแล้ว ที่เอามาสำรองจ่ายในการค้าขายลอตเตอรี่" นาวาตรีสมรักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับ นางสาวธนัชปภัสร์ ธัญรัศมิ์โภคิน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้เรื่องการซื้อขายลอตเตอรี่ จากพี่ท่านหนึ่ง หลังพูดคุยกันจึงได้รู้จักกับนายสมรักษ์ คำสิงห์ เมื่อถึงกำหนดส่งลอตเตอรี่กลับไม่มีของ ตนก็เลยสอบถามไปยังนายสมรักษ์ จึงทราบในภายหลังว่าเกิดมาจาก สจ.ดำ ซึ่งตนก็รู้จักกับ สจ.ดำ ได้ไม่นาน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งสจ.ดำ ก็พยายามหาเงินมาคืนให้ตน แต่เหลืออีกประมาณ 1.2 ล้านบาท จากจำนวนทั้งหมด 2 ล้านบาท ซึ่งตนก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้คยกับ สจ.ดำ ว่ามีอะไรติดขัดตรงไหน จะได้ช่วยกันหาทางออก
กระทั่งในวันเกิดเหตุ นายสมรักษ์ แจ้งให้ว่า สจ.ดำ นัดหมายเพื่อนำเงินมาคืนให้ จากนั้นมาทราบอีกครั้งว่า สจ.ดำ ปลิดชีพตัวเองพร้อมกับคนในครอบครัว ตนก็รู้สึกตกใจช็อกมาก ๆ และอยากขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวด้วย เรื่องเงินที่เหลือหลังจากนี้ตนได้พูดคุยกับนายสมรักษ์แล้ว ก็บอกว่าจะหาทยอยหามาคืนให้ตน ซึ่งตนก็เห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอนายสมรักษ์ แจ้งมาอีกที ส่วนผู้เสียหายรายอื่นตนไม่แน่ใจว่ามีใครบ้าง แต่ก็ยังไม่มีผู้เสียหายคนอื่นมาติดต่อรวมกลุ่ม หรือขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอิสระ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ นาวาตรีสมรักษ์ คำสิงห์ ได้ติดต่อมาหาตน เล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้โดนหลอกเสียหายกว่า 50-60 ล้านบาท จากจากซื้อโควตาลอตเตอรี่ ซึ่งตอนนั้นก็มีข่าวในทีวีแล้ว หากจะถามว่าเงินจำนวน 10 ล้านบาท นาวาตรีสมรักษ์ ต้องชดใช้หรือไม่ กรณีนี้ภรรยาและลูกของ สจ.ดำ เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเหลือพ่อแม่ของ สจ.ดำ และก็ยังเหลือทรัพย์สิน ฉะนั้น นาวาตรีสมรักษ์ สามารถที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายในการฟ้องพ่อแม่ สจ.ดำ เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวคืนมา ซึ่งต้องว่ากันตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อลูกตายแล้วเป็นหนี้สิน ทรัพย์สินจะตกทอดถึงแก่บิดามารดา ต้องชดใช้ต่อไป เรื่องนี้ตนก็ได้บอกให้นาวาตรีสมรักษ์ ทำใจไว้บ้างก็ดี เพราะเงินจำนวน 10 ล้านบาท อาจจะสูญเลยก็ได้ เพราะเขาอาจไม่ได้มีหนี้แค่เจ้าเดียวก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "สจ.ดำ" ฆ่ายกครัวสยอง สมรักษ์ช็อกนัดเคลียร์หนี้หวย 10 ล้านบุกบ้านเจอ 4 ศพ (คลิป)
- ช็อก! พบ อดีต ส.จ.นครศรีธรรมราช และครอบครัวเสียชีวิตทั้งบ้าน
- สมรักษ์ คำสิงห์ เดือด! ถูกหลอกให้มาขึ้นเช็คกว่า 11 ล้าน รอกว่า 6 ชั่วโมง สรุปเช็คเด้ง
