ฮือทืบไอ้คลั่งดักฆ่าคนคาถนน ขว้างจอบสกัดรถสับหัวซ้ำ ญาติรับป่วยจิตกำเริบ (คลิป)

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 18.57 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละงู จังหวัดสตูล ได้รับแจ้งเหตุ นายปิติ ติ่งหะ อายุ 41 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตบนถนนละงู-ทุ่งหว้า ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล เยื้องสำนักงานไฟฟ้าอำเภอละงู บริเวณใบหน้าด้านซ้ายมีบาดแผลฉกรรจ์ มีด้ามจอบเสียบปักอยู่

โดยขณะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชาวบ้านได้ช่วยกันรุมประชาทัณฑ์นายนัฐพล พัศระ อายุ 33 ปี ชายสติไม่ดีเป็นผู้ก่อเหตุ ที่มักจะเดินโวยวายกลางถนน จนเลือดอาบ เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาระงับเหตุไว้ได้ทัน

เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาแก่นายนัฐพล ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัวผู้ก่อเหตุไปทำแผลที่โรงพยาบาลละงู พร้อมตรวจหาสารเสพติด แต่ไม่พบ จากการตรวจสอบประวัติพบประวัติเกี่ยวกับการเสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสตูลในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เนื่องจากยังต้องสอบปากคำผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม

ด้านพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าก่อนเกิดเหตุ นายนัฐพล พัศระ อายุ 33 ปี เดินทางไปหาญาติที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง จากนั้นได้มีปัญหาทะเลาะกับญาติ จึงเดินทางกลับบ้านมาด้วยความโมโห จากนั้นจึงไปหาอาวุธมาดักรอทำร้ายคนที่สัญจรผ่านไปมาบนถนนดังกล่าว และมาเจอผู้ตายที่กำลังขับรถผ่าน กำลังจะเดินทางไปรับภรรยา ซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่บ้านหัวหิน ต.ละงู จากนั้นได้ใช้จอบจามไปที่หัวจนเสียชีวิต

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบเป็นถนน 3 เลน มีเกาะกลางขั้นถนนอีกฝั่ง ยังคงพบคราบเลือดที่เปื้อนเป็นทางยาวติดถนน นางสาวยูมิ (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อวานนี้ตนนั่งอยู่ภายในบ้านของตัวเอง โดยในเวลาประมาณ 18.30 น. ตนได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ล้ม จึงได้ออกมาดูเหตุ พบว่าผู้ก่อเหตุได้โยนจอบไปขัดรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย

ตนเห็นผู้ตายพยายามลุกแล้ววิ่งหนี โดยวิ่งออกจากจุดล้มได้เพียง 1-2 เมตร ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินไปหยิบจอบแล้วโยนไปขัดขาผู้ตายจนล้มอีกครั้ง ตนรู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ตนได้แต่หลบอยู่ภายในบ้านแล้วล็อกกลอนประตู ตนเห็นทุกอย่างกับตา ตนเห็นผู้ก่อเหตุเดินไปหยิบจอบแล้วฟันไปที่หลังของผู้ตาย ตามด้วยคอ และศีรษะอีก 3 ครั้ง จนจอบปักคาศีรษะของผู้ตาย ผู้ตายไม่ทันไม่ร้องขอชีวิตหรือร้องเจ็บปวด จากนั้นผู้ก่อเหตุก็เดินหนีหายไป

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึง ชาวบ้านต่างออกมามุงดูเหตุการณ์ ขณะนั้นมีชาวบ้านสังเกตเห็นผู้ก่อเหตุที่เดินออกมาจากซอยฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ จึงช่วยกันจับ ซึ่งมีการรุมประชาทัณฑ์ผู้ก่อเหตุเล็กน้อย ตนรู้สึกสงสารผู้ตาย หากตนเป็นผู้ชายหรือมีอาวุธตนคงจะเข้าไปช่วยผู้ตาย ตนรู้สึกเสียใจที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตั้งสติแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งตนยังเห็นครอบครัวของผู้ตายร้องไห้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพบาดหัวใจมาก

ตนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลและบำบัดผู้ก่อเหตุ เนื่องจากชาวบ้านต่างรู้ว่าผู้ก่อเหตุสติไม่ค่อยดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุกับใครอีก

ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ บอกว่า หลังจากที่ทราบเหตุ ทางครอบครัวก็ได้เดินทางไปพบครอบครัวผู้ตายที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนวันเกิดเหตุ เพื่อขอโทษ และได้เดินทางไปร่วมพิธีฝังศพตามความเชื่อของชาวมุสลิมแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าให้เงินเยียวยาครอบครัวผู้ตายไปเท่าไร

ทั้งนี้ อาการทางจิตหรือทางประสาทของผู้ก่อเหตุ ทางครอบครัวคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังจากผู้ก่อเหตุเข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยคาดว่าที่ผู้ก่อเหตุก่อเหตุขึ้น เพราะเจ้าตัวไม่ได้กินยาประจำตัว โดยทางครอบครัวไม่มีใบรับรองอาการทางจิตของผู้ก่อเหตุ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบได้ สุดท้ายทางครอบครัวยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพี่ชาย และไม่ได้ถูกฟัน โดยทางครอบครัวไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุก่อเหตุเพราะอะไร แต่ยืนยันว่าคงไม่ยืนประกันตัวผู้ก่อเหตุ ขอให้ผู้ก่อเหตุรับโทษตามกฎหมายและได้เข้ารับการดูแลอาการทางจิตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายวายุภัค ติ่งหะ อายุ 24 ปี ลูกชายของผู้ตาย และนางสาวจีรภา มาศโอสถ อายุ 29 ปี ลูกสะใภ้ของผู้ตาย บอกว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. พ่อได้ยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อนบ้านเพื่อขับออกไปรับแม่ ซึ่งออกไปเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายแมงกะพรุนที่อำเภอละงู ซึ่งโดยปกติพ่อจะอยู่แต่ภายในบ้าน เนื่องจากป่วยโรคเก๊าท์ แต่เมื่อวานนี้พ่อยืนยันจะออกไปรับแม่ด้วยตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะได้ออกไปกินอาหารมื้อค่ำกับแม่ เมื่อเวลาผ่านไปพวกตนเริ่มเอะใจ เนื่องจากพ่อไม่ติดต่อกลับมาว่าเจอแม่แล้วหรือยัง สักพักเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้โทรศัพท์หาเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของรถ พร้อมแจ้งข่าวว่าพ่อถูกคนร้ายฟัน พวกตนจึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ด้วยความหวังว่าพ่อจะไม่เป็นอะไรมาก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้บอกรายละเอียด

แต่เมื่อพวกตนเดินทางไปถึง ก็ต้องทรุดลงกับพื้น เนื่องจากพวกตนเห็นผ้าขาวคลุมร่างของพ่อไว้ มีกองเลือดไหลนองเต็มพื้น พร้อมจอบที่ปักคาคีรษะ พวกตนร้องไห้จนร้องไม่ออก ซึ่งขณะนี้ภาพในที่เกิดเหตุยังคงติดตาของพวกตน ไม่ทันเห็นหน้าของผู้ก่อเหตุ แต่ทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาหาพวกตนที่บ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนนี้เพื่อขอโทษ โดยได้มอบเงินให้ 10,000 บาท ไว้ให้ใช้ในการจัดการพิธีศพ ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าจะมอบให้อีก 100,000 บาท เป็นค่าเยียวยา แต่พวกตนคิดว่าเงินเท่าไรก็เทียบกับชีวิตของพ่อไม่ได้

พวกตนอยากวอนขอครอบครัวที่มีผู้ป่วยทางจิตขอให้ดูแลบุคคลนั้นให้ดี พวกตนเชื่อว่าบางครอบครัวคงจะดูแลดีอยู่แล้ว โดยจากเหตุการณ์นี้ พวกตนขอให้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม พวกตนขอวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ดูแลผู้ป่วยทางจิตให้ดี หากบำบัดไม่หาย ก็อย่าปล่อยกลับออกมา เพราะสังคมมักจะมีข่าวผู้ป่วยที่ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำ สุดท้ายพวกตนขอให้คุณพ่อไปสบาย โดยแม้ครอบครัวจะยังคงทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ แต่ทุกคนจะดูแลกันต่อไป