แม่สาวซื้อส้ม อยากให้มือยิงขมาศพลูก - อาช้ำทั้งตลาดไม่มีคนช่วย แฉอีกฝ่ายเย้ยเส้นใหญ่ รอดคุกแน่

กรณีตำรวจ สภ.คลองหลวง จับกุมตัว น.ส.ทิพท์ ราศีเมือง อายุ 38 ปี เจ้าของแผงส้มในตลาดไอยรา หลังก่อเหตุยิง น.ส.ศรัญญา ศักดิ์แสง อายุ 30 ปี เจ้าของแผงส้มในตลาดเดียวกันเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 พย. ที่ผ่านมา (อ่าน : เปิดวงจรมัดแม่ค้าโหด ฆ่าสาวซื้อส้มวิ่งไล่ยิงจนสิ้นใจ แม่แฉโทรตามไปฆ่า)

วันที่ 19 พ.ย. 61 นางพูลสูข ศักดิ์แสง อายุ 53 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า จากที่ได้ดูจากคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด ลูกสาวตนได้เดินไปที่ร้านของคนร้าย เนื่องจากได้โทรตามให้ไปหาที่ร้านหลายครั้งแล้ว ซึ่งในขณะที่ผู้เสียชีวิตเดินไปนั้น ยังใส่ถุงมือคัดส้ม แสดงให้เห็นว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้เดินไปเพื่อจะมีเรื่อง ไม่ได้มีการเตรียมการหรือพกพาอาวุธใด ๆ ทั้งสิ้น จากคลิปเหมือนเรียกไปยิง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตเดินไปถึงคนร้ายได้หยิบอาวุธปืนที่เตรียมไว้มายิงทันที พร้อมกับใช้อาวุธปืนตบเข้าที่ใบหน้าของผู้เสียชีวิต และเข้าไปเตะเข้าที่ลำตัวของผู้เสียชีวิตอีกหลายครั้ง จากพฤติกรรมเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดมาก

ทั้งนี้ ทางครอบครัวอยากให้การตายของลูกสาวครั้งนี้ เป็นข้อคิดเตือนใจให้ทุกคนในสังคมใช้สติในการแก้ปัญหา ไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา เพราะเมื่อเกิดเหตุเกิดการสูญเสียขึ้นมา ไม่สามารถที่จะเอาคืนได้  ทั้งชีวิตและสิ่งอื่น ๆ ที่จะตามมา ไม่ได้แค่เสียชีวิตแล้วจะจบเท่านั้น ทางครอบครัวไม่กังวลในเรื่องคดี แต่ต้องการให้คนร้ายเข้ามาขอขมาศพลูกสาว จะได้หมดเวรหมดกรรมกันในชาตินี้ ไม่ติดตามกันไปในชาติหน้า ลูกสาวจะได้จากไปอย่างสงบ ไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีก

นางศรีนวล เขมะศิริ อายุ 56 ปี อาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าอุกอาจมาก ก่อเหตุท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านกลางตลาด แต่ก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน ทำไมมีแต่คนดู แต่ไม่มีคนไหนที่จะเข้าไปห้ามหรือช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว กระทั่ง รปภ.ของตลาดเอง ตนเองรู้สึกเสียใจตรงนี้มาก "ถามว่าหลานสาวจบมาก็ดี จะไปทำงานอื่นก็ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะแม่และครอบครัวมีอาชีพคือค้าขาย หลานอยากจะสานต่อในอาชีพของครอบครัว และอยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตนเอง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้ว ก็ต้องรับสภาพไป แต่ทั้งนี้ก็ขอให้ตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือน คนร้ายได้เคยพูดว่า ตัวเองมีเงิน มีที่ดิน มีทรัพย์สมบัติ เส้นใหญ่ ถ้ามีการยิงกัน ตัวเองไม่ติดคุกแน่นอน เราก็ยอมรับสภาพไป ถ้าเขาเก่งกว่ากระบวนยุติธรรม สุนัขยังมีกฎหมายคุ้มครอง ชีวิตคนมีค่าเหมือนกัน ทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้" นางศรีนวล กล่าว