จากกรณี พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ มีการไลฟ์เฟซบุ๊กสอนธรรมะ พร้อมสอดแทรกความสนุกสนาน มีการกล่าวถึงการสึกและร่ำไห้นั้น กระทั่งล่าสุด วันที่ 31 ต.ค. 64 มีการแชร์ภาพข่าว "เบื้องหลัง เสนอเปลี่ยนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง" จากเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว พร้อมระบุข้อความแคปชั่นด้วยว่า "อ้อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง 555"
และล่าสุด มีการโพสต์ข้อความว่า "อาตมาอาจทำอะไรหลายอย่างไม่เหมาะสม แต่อาตมาไม่เคยนั่งเครื่องบินไปดูบอลต่างประเทศ ไม่เคยทำเดรัจฉานวิชาอย่างเดียรถีย์ ไม่เคยดูโหรทำนายดวงหรือแม้แต่ปลุกเสกต์ผ้ายันต์แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่บวชมา"
นอกจากนี้ พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ พระนักเทศน์-นักเขียน วัดชนะสงคราม วรมหาวิหาร ได้เผยเเพร่คลิปสอนธรรมมะผ่านทางยูทูบ โดยบางช่วงมีการพูดถึง 2 พส. คือ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และพระมหาสมปอง ตลาปุตโต ทำให้พระศาสนาเสื่อม ที่มีการไลฟ์สดสอดแทรกมุขตลกขำขัน หัวเราะกับมุกตลกของตัวเองเป็นอากัปกิริยาไม่สำรวม เป็นเรื่องไม่เหมาะสม พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึง อำนาจใฝ่ต่ำ 5 ประการ ประกอบด้วย
1.ขาดความเคารพยำเกรงในพระพุทธ 2.ขาดความเคารพยำเกรงในพระธรรม 3.ขาดความเคารพยำเกรงในพระสงฆ์ 4.ขาดความเคารพยำเกรงในสมาธิ 5.ขาดความเคารพยำเกรงในการศึกษาปฏิบัติ
จากการติดตามไลฟ์สดที่ผ่านมา พระมหาสมปอง ได้พูดในคลิปสั้น ๆ ว่ามีเลขเเค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ ศีล สมาธิ ปัญญา พูดเป็นภาษาอีสานว่า "นะโม ตัสสะ ทีละ 5 โต อันละ 3 โต เเทงซะ" นี่คือการเอาไตรสิกขาศีล สมาธิ ปัญญา มาปู้ยี่ปู้ยำเล่นสนุก เเม้เเต่ตอนให้พรคำสุดท้ายว่า "พะลัง" พระมหาสมปองก็ทำหน้าทะเล้นออกมา ซึ่งนอกจากไม่ให้ความเคารพยำเกรงในพระธรรม ยังถือว่าสร้างวาทกรรม ทำให้สัทธรรมปฏิรูป ธรรมเทียม ธรรมเก๊ ธรรมปลอม เกิดขึ้นมาปะปนกับสัทธรรมเเท้ได้ด้วย โดยคลิปดังกล่าวมีการเผยเเพร่เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 64 มียอดผู้เข้าชม 120,000 ครั้ง
ล่าสุด วันที่ 31 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดชนะสงคราม วรมหาวิหาร เพื่อพูดคุยกับพระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ พระมหาอุเทน ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่าต้องการอยู่อย่างสงบ ไม่ต้องการออกสื่อ และไม่ต้องการเป็นคู่ขัดเเย้งกับใคร
สำหรับคลิปสอนธรรมมะที่มีการโพสต์ลงในยูทูบ เเละมีการพาดพิงถึง 2 พส. คือพระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์นั้น พระมหาอุเทนบอกว่าเป็นการเทศนาธรรม เพื่อให้ความรู้เเก่ประชาชนในสิ่งที่ถูกที่ควร เป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ส่วนใครที่ดูคลิปแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน