เจ้าของร้านแจงยิบ ดราม่าพรีเวดดิ้ง ไม่คิดลูกค้าเยอะ ทำบริหารพลาด ขอ 60 วันคืนมัดจำ อึ้ง! เหยื่อครึ่งพันรวมตัวแฉ ทำชีวิตวุ่น (คลิป)

14 พ.ย. 61
จากกรณี มีผู้ร้องเรียนผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อดังว่า ถูกร้านเวดดิ้ง panvisit ฉ้อโกงด้วยวิธีการต่างๆ นานา ทั้งไม่ยอมคืนเงินค่ามัดจำชุด ไม่ยอมจัดงานให้ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว กระทั่งมีผู้เสียหายกว่า 300 คน ซึ่งทางร้านติดป้ายหน้าร้านว่า ปิด 11 – 12 พฤศจิกายนนั้น (อ่าน : เจ้าของร้านวิวาห์ปัดโกง เลื่อนแถลง ขอเวลาแก้ปัญหา - เหยื่อร้อง สตช. เร่งตรวจสอบ) วันที่ 13 พ.ย. 61 รายการต่างคนต่างคิด ตอน รวมพล "บ่าว - สาว" เหยื่อร้านวิวาห์ถูกเทงานแต่ง ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ คุณวรงค์ วณิชย์คูพลังกูร, คุณนฤมล ผลเกตุ, คุณวิทยา ศรีลาดี, คุณณสิกาญจน์ มาตย์ธนาวัฒน์, คุณนุ้ย (นามสมมติ), คุณเต้ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย และคุณรัชพล ศิริสาคร ทนายความ มาร่วมพูดคุยในรายการ
รายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34
คุณนุ้ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับร้านดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ต พบว่าร้านวิวาห์แห่งนี้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งในวันที่เข้ามาร้านวิวาห์ดังกล่าว ตนได้พูดคุยกับเจ้าของร้านและตัดสินใจซื้อแพ็กเกจจัดงานวิวาห์แบบครบวงจร โดยเสียค่ามัดจำไปก่อน 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่อมา เจ้าของร้านจึงได้เสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวญี่ปุ่นเสริมด้วย โดยให้จ่ายเงินมัดจำเพิ่มเป็นจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงยอมจ่ายเงินค่ามัดจำไปทั้งหมด 350,000 บาท
คุณนุ้ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย
สิ่งที่ทำให้ตนเกิดความไม่ไว้ใจร้านวิวาห์ดังกล่าว คือ ระยะหลังร้านเริ่มไม่ตอบไลน์ ไม่ตอบแชต ไม่ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับแพ็กเกจที่ตนซื้อมาให้ และตนเห็นข้อมูลจากผู้เสียหายรายอื่นว่า หากยกเลิกแพ็กเกจร้านจะหักเงินมัดจำ รวมถึง ตนทราบว่า ร้านได้ปิดบริษัทที่จดทะเบียน จึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจ และขอยกเลิกแพ็กเกจ โดยร้านขอคิดค่าบริการจำนวน 130,000 บาท แต่ตนยอมจ่ายให้ 80,000 บาท เป็นค่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือ ร้านไม่สามารถตอบได้ว่าใช้ดำเนินการอะไรไปบ้าง แต่ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้รับเงินคืนจากร้านวิวาห์ดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว
คุณวรงค์ วณิชย์คูพลังกูร ผู้เสียหาย
ต่อมา คุณวรงค์ กล่าวว่า ตนทราบว่าร้านวิวาห์ดังกล่าวเปิดให้บริการในช่วงเดือน มิ.ย. 61 ซึ่งตนเองก็เป็นลูกค้ารายแรก ๆ ของร้านแห่งนี้ โดยสมัครแพ็กเกจเช่าชุดแต่งงาน 8,900 บาท 2 แพ็กเกจ ซึ่งถือว่าเป็นค่าเช่าชุดที่ถูกมาก แต่ปรากฏว่า ก่อนวันใช้ชุด 1 วัน ร้านวิวาห์แจ้งมาว่าไม่มีชุดที่จองไว้ จึงทำให้ตนและภรรยาต้องหาชุดใหม่ใส่อย่างฉุกละหุก เพราะต้องเปลี่ยนทั้งชุด ธีมถ่ายภาพ อีกทั้งภรรยาของตนยังมีอาการแพ้ชุดแต่งงาน เป็นผื่นรุนแรง เนื่องจากชุดไม่ได้ซักอีกด้วย หลังจากประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจตั้งกระทู้ในเว็ปไซต์พันทิปขึ้น จากนั้นจึงเริ่มตั้งกลุ่มไลน์ กระทั่งปัจจุบัน กลุ่มไลน์ของผู้เสียหายก็มีสมาชิกกว่า 500 คนแล้ว
คุณวิทยา ศรีลาดี ผู้เสียหาย
จากนั้น คุณวิทยา เปิดเผยว่า ตนเริ่มหาข้อมูลของร้านวิวาห์แห่งนี้ หลังได้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งขณะนั้นร้านมีการโปรโมตด้วยการจ้างดาราเดินแบบเปิดตัวร้าน และจัดงานเปิดตัวอย่างใหญ่โต ดูน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ตนพบว่า มีแพ็กเกจเช่าชุดราคาถูก คือ 8,900 บาท จากนั้นเห็นว่าร้านอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลที่ตนเข้าใช้บริการ จึงเดินทางไปที่ร้าน พบว่า ร้านมีการตกแต่งสวยงาม พนักงานพูดจาดี มีความน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจซื้อแพ็กเกจเช่าชุดกับร้าน ปัญหาเริ่มเกิดเมื่อวันลองชุดครั้งแรก ตนทราบจากพนักงานมาว่า พนักงานของร้านจะรวมทีมเพื่อลาออก ซึ่งขณะนั้นตนก็ยังไม่ได้ใส่ใจอะไร กระทั่งมีเพจเฟซบุ๊กโพสต์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบกับเมื่อตนเดินทางมาที่ร้านครั้งล่าสุด พบว่า ร้านมีการขนย้ายของออกไปมาก จึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจขึ้น ซึ่งลักษณะการจองชุดของแพ็กเกจ 8,900 บาท นั้น จะต้องลองชุดและจ่ายค่ามัดจำเป็นจำนวน 25,000 บาท เพื่อล็อกชุดไว้
คุณนฤมล ผลเกตุ ผู้เสียหาย
และ คุณนฤมล กล่าวว่า ตนเสียเงินค่าแพ็กเกจแต่งงานให้ร้านดังกล่าวไปประมาณ 33,000 บาท ซึ่งสาเหตุที่ตนต้องการจะยกเลิกแพ็กเกจต่าง ๆ ที่ซื้อกับร้านวิวาห์ เนื่องจากขาดความเชื่อมั่น เพราะติดต่อไม่ได้มาทั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงทราบข่าวว่า มีผู้เสียหายก่อนหน้านี้ จะถึงวันวิวาห์แล้ว แต่ยังไม่ได้รับชุดแต่งงาน วันนี้จึงตัดสินใจเดินทางไปที่ร้านวิวาห์เนื่องจากเห็นว่า เจ้าร้านบอกว่าจะแถลงในวันนี้ ตอน 10.00 น. แต่กระทั่งเวลา 11.00 น. ก็ยังไม่ได้เปิดร้านรวมถึงชี้แจงใด ๆ และในวันนี้ก็มีเพียงลูกจ้างของร้านเท่านั้นที่เดินทางมาเปิดร้าน
คุณออย เจ้าของร้านวิวาห์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
ต่อมา คุณออย เจ้าของร้านวิวาห์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพื่อชี้แจงว่า สาเหตุที่วันนี้ตนไม่ได้เข้ามาที่ร้านในวันนี้ เนื่องจากต้องเตรียมงานให้ทันกับลูกค้าคนอื่นในวันที่ 17 -18 พ.ย. นี้ ซึ่งในช่วงดังกล่าวมีลูกค้าจองชุดมาก ตนจึงต้องรีบไปจัดการให้เสร็จ และเพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง ทำให้ร้านยกโครงเหล็กประดับร้านออกไปจัดงานแต่งงานด้วย จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าร้านขนของหนี ซึ่งไม่เป็นความจริง ชุดแต่งงานทั้งหมดยังอยู่ในร้านของตน ส่วนเรื่องคืนเงินมัดจำนั้นตนอาจต้องขอให้เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งระบุไว้ว่าใช้เวลาเตรียมการ 45 -60 วัน ตนยอบรับถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าจะมีลูกค้าสนใจเข้าบริการมากขนาดนี้ ทำให้อาจเกิดความผิดพลาดเรื่องการบริหาร หรือพนักงานตอบไลน์ลูกค้าช้า แต่ตนขอยืนยันว่า จะคืนเงินมัดจำทุกรายอย่างแน่นอน ซึ่ง คุณออย กล่าวอีกว่า เรื่องชุดแต่งงานได้ไม่ตรงกับที่ลูกค้าเลือกไว้ก็เช่นกัน อาจเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลูกค้าคืนชุดช้า ชุดเปื้อนต้องส่งซัก หรือชุดเสียหายจากลูกค้ารายอื่น ซึ่งตนก็รับรู้ปัญหาดังกล่าวมาตลอด จึงใช้วิธีล็อกชุด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจะต้องใช้เวลาดำเนินการตัดชุดใหม่จากชุดที่ล็อกไว้ ซึ่งก็มีบอกไว้อย่างชัดเจน ส่วนเรื่องปิดบริษัทนั้นยอมรับว่าปิดจริง แต่บริษัทดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับร้านวิวาห์ ทั้งนี้ เรื่องที่มีการตรวจสอบพบว่าร้านวิวาห์และบริษัทที่ปิดไปนั้นใช้เลขภาษีเลขเดียวกัน ตนคิดว่าอาจเป็นความผิดพลาดของร้านซึ่งใช้บิลเก่า และ คุณออย กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่มีการพูดถึงในสังคมออนไลน์ เช่น ซุ้มก๋วยเตี๋ยวในงานแต่งงานนั้น ซุ้มดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับร้านวิวาห์ของตน ซึ่ง แพ็กเกจครบวงจร 500,000 บาท นั้นไม่ได้มีเพียงแค่งานในตอนเย็นเท่านั้น แต่รวมไปถึงทั้งหมดในงานแต่งงาน เช่น พิธีเช้า ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง แต่งหน้าทำผม เช่าชุด อีกด้วย ยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทำให้พนักงานที่ร้านตนได้รับความลำบากในการเตรียมงาน ตนจึงขอว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมพูดคุยกับลูกค้ารายใด
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานความคืบหน้าของคดีว่า ตนรับเรื่องดังกล่าวมาอยู่ในความดูแลแล้ว แต่ขณะนี้ยังสอบปากคำผู้เสียหายไม่เสร็จ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 300 ราย เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวนี้มีความผิดฐานฉ้อโกงชัดเจน นอกจากนี้พบว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนได้อีกด้วย
คุณรัชพล ศิริสาคร ทนายความ
ด้าน ทนายรัชพล ชี้แจงว่า การปิดบริษัทนั้นถือว่าเป็นสาระสำคัญที่ผู้เสียหายสามารถยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจาก สาเหตุที่ผู้เสียหายทำสัญญาก็เนื่องจากเห็นว่าบริษัทน่าเชื่อถือ แต่เมื่อปิดบริษัทไปแล้ว หรือแม้แต่จะเปิดบริษัทใหม่มาแทน ผู้เสียหายก็สามารถบอกเลิกสัญญาได้อยู่ดี ส่วนเรื่องการนำบิลเก่ามาใช้นั้นอาจเข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ถือเป็นคดีอาญา ส่วนการส่งชุดไม่ตรงกับที่ผู้เช่าเลือกหรือไม่มีชุดให้ผู้เช่าทั้งที่จ่ายเงินแล้วนั้น ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ ตนแนะนำว่า ผู้เสียหายทุกคนควรรีบไปแจ้งความ เนื่องจากคดีฉ้อโกงมีอายุความ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่าถูกโกง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ