อีกแค่ 5 เดือน รอดคุกรวยเป็นเศรษฐี ตำรวจตามรวบสาวแสบหนีคดีฉ้อโกง ยักยอกพลอยมูลค่ารวม 70 ล้าน อาศัยวัดกบดาน 9 ปี 7 เดือน
สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (สถานีตำรวจทางหลวงจันทบุรี) พ.ต.ท.ดุลยวัตเมืองทอง รองผู้กำกับการ 3 กองกำกับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ท.พร้อมผล นิตย์วิบูลย์ สารวัตรตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 3 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.จุฑามาศ แสงทอง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่185 หมู่ 2 ต.ตา อุด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีษะเกษ ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ 3 หมายจับ มูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายรวม 70 ล้านบาท โดยเหลือเพียงอีก 5 เดือนจะหมดอายุความ
พ.ต.ท.ดุลยวัต เมืองทอง รองผู้กำกับการ 3 กองกำกับการตำรวจทางหลวงเกิดเผยว่า พฤติการณ์จับกุมสืบเนื่องจาก เมื่อปี พ.ศ.2555 น.ส.จุฑามาศ ผู้ต้องหาได้รับพลอยของพ่อค้าพลอยใน จ.จันทบุรี เพื่อนำไปขาย กล่าวคือ เป็นคนเดินพลอยที่รับพลอยที่เจียระไนจากโรงงาน หรือพ่อค้าพลอย เพื่อที่จะนำไปขายต่อให้ และรับส่วนแบ่งจากการค้าพลอย น.ส.จุฑามาศ ผู้ต้องหากลับมีพฤติกรรมยักยอกพลอยไป โดยกระทำการลักษณะเดียวกันหลายครั้ง จนมีหมายจับถึง 3 คดี ซึ่งเหลือเพียงอีก 5 เดือน คดีจะหมดอายุความในเดือน เม.ย.2565 และจากภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ดุลยวัต เมืองทอง รองผู้กำกับการ 3 กองกำกับการตำรวจทางหลวง ดำเนินการเร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีใกล้หมดอายุความ
ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ปัจจุบัน น.ส.จุฑามาศ ผู้ต้องหา ได้หลบหนีไปซ่อนตัวกบดานอยู่ที่วัดโพนสว่าง ต.น้ำไผ่ อ.นำปาด จ.อุตรดิตถ์ จึงได้สั่งการให้ตำรวจทางหลวง นำกำลังไปจับกุมตัวโดยเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปถึงวัดดังกล่าว ได้นำหมายศาลขอทางวัดเข้าตรวจค้น และพบ น.ส.จุฑามาศผู้ต้องหา พักอาศัยอยู่ในห้องแถวภายในวัด จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำตัวเดินทางกลับมาสอบสวนที่ จ.จันทบุรี
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.จุฑามาศ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ กล่าวอ้างว่าได้กระทำการยักยอกพลอยจริง แต่มูลค่าเพียง 10 ล้านบาท ส่วนอีกพลอยอีก 50 ล้าน เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนอีกคนเป็นนำพลอยไปขาย ส่วนที่ตนเองโดนหมายจับถึง 3 คดี และมีมูลค่าถึง 70 ล้านนั้นไม่ทราบ หลังการสอบสวนทางตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ได้คุมตัว น.ส.จุฑามาศ ผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
