จากกรณี ด.ช.ภูบดี ศิริพันธ์ หรือ ชาร์ป ได้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นจิตอาสา ช่วยงานศพคนในหมู่บ้าน โดยผู้ก่อเหตุเป็นชายที่เสพยาเสพติดจนเกินขนาด แล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าไปในบ้านซึ่งกำลังมีงานศพ เหตุเกิดเมื่อเมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความเศร้าสลดกับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากน้องชาร์ปเป็นเด็กดี ขยัน เรียบร้อย เป็นจิตอาสาประจำหมู่บ้านเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านทั้งตำบล และเป็นเด็กกตัญญูที่คอยดูแลทวดซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงเสมอมา
วันที่ 12 พ.ย. 61 ที่วัดศรีรัตนาราม (ชอนสมบูรณ์) หมู่ที่ 4 ต.ชอนสมบูรณ์ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ได้จัดงานฌาปนกิจศพของ ด.ช.ภูบดี ศิริพันธ์ หรือ ชาร์ป เด็กจิตอาสายอดกตัญญู อายุ 14 ปี ที่ถูกชายเมายาบ้ายิงจนเสียชีวิต ซึ่งในวันนี้มีคนมาร่วมงานกว่า 500 คน อาทิ ข้าราชการจากโรงเรียนบ้านชอนสมบูรณ์, อบต.ชอนสมบูรณ์, เจ้าหน้าที่อำเภอหน่องม่วง, ชาวบ้านจิตอาสา และนักเรียนของโรงเรียนบ้านชอนสมบูรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่น้องชาร์ปศึกษา นอกจากนี้ มีพวงหรีดอีกว่า 20 พวง ที่ส่งมาจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ มอบให้กับญาติเพื่อแสดงความเสียใจ โดยมีพลอากาศตรีสุพิชัย สุการปุระ ผู้แทนพระองค์ เป็นประธานประชุมเพลิง
นอกจากนี้ ยังมีการนำกลองชุดสีแดงที่น้องชาร์ปชอบตี และใช้ฝึกซ้อมมาวางไว้ที่หน้าเมรุ และตั้งสแตนดี้รูปน้องชาร์ปเล่นกลองไว้เพื่อให้คนได้ระลึกถึง อีกทั้งก่อนเผาศพได้มีการตีกลองจากมือกลองวงไม้เลื้อย ซึ่งเป็นวงดนตรีที่น้องชาร์ปชื่นชอบเพื่อส่งน้องชาร์ปขึ้นสวรรค์
โดยวันนี้ ทุกคนยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ
นางสำเริง ศิริพันธ์ อายุ 52 ปี ยายของน้องชาร์ป ยังคงร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เพราะต้องสูญเสียหลายอันเป็นที่รักไป นอกจากนี้ นางทองสุข รื่นรมณ์ อายุ 62 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุยังได้มาร่วมงานศพอีกด้วย โดยเจ้าตัวยังอยู่ในอาการสงบนิ่ง ซึ่งหลังจากวางดอกไม้จันทน์ เจ้าตัวก็ได้เดินเข้าไปพูดคุยกับญาติ ๆ ของน้องชาร์ป ที่ยืนอยู่บริเวณทางลงจากเมรุเผาศพ
นางทองสุข รื่นรมณ์ แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนได้ขึ้นไปขออโหสิกรรม และขอให้น้องชาร์ปไปสู่สุคติ อยากขอโทษที่ตนเลี้ยงลูกไม่ดีจนต้องทำให้น้องชาร์ปตาย เพราะตนสอนได้เพียงตัว แต่หัวใจบังคับไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นคนเลว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มาถึงวันนี้ยังเสียใจในสิ่งที่ลูกทำลงไป ถ้าตายแทนได้ ก็อยากจะตาย เพราะตนอายุมากแล้ว แต่น้องชาร์ปยังเด็กอยู่ มีอนาคตอีกไกล ตอนนี้ตนก็ยังไม่กล้าพูดคุยกับญาติของน้องชาร์ป เพราะยังไม่มีเงินที่จะช่วยเหลือญาติมากนัก หลังเกิดเรื่องตนก็ยังไม่อยากคุยกับลูกชาย และไม่คิดจะประกันตัวออกมา เนื่องจากอยากให้ได้รับโทษตามความผิด เพราะตนคิดว่าถ้าฆ่าแม่ได้ก็ให้ฆ่าแม่เสียดีกว่า แม้ว่าลูกติดคุกแล้วตนต้องอยู่คนเดียว ตนก็อยู่ได้
ขณะที่
นายอนาวิล รักท้วม อายุ 20 ปี มือกลองวงไม้เลื้อย รุ่นพี่ของน้องชาร์ป และเป็นคนตีกลองส่งน้องชาร์ปเป็นครั้งสุดท้าย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการโชว์กลองให้น้องชาร์ปดูเป็นครั้งสุดท้าย เพราะน้องชาร์ปมักจะขอให้ตนโชว์กลองให้ดู แต่ตนก็ไม่ค่อยมีโอกาสจะโชว์ให้น้องดูมากนัก ซึ่งน้องชาร์ปจะมีความชื่นชอบตนมาก เมื่อตนมาเล่นดนตรีย่านลพบุรี น้องชาร์ปก็จะตามมาดูอยู่เสมอ ซึ่งตนรู้ว่าน้องชาร์ปชอบตีกลอง และยังเคยให้ไม้กลองกับน้องชาร์ปไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับการตีกลองในวันนี้ รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาทำในงานศพ และเสียใจที่ต้องมาตีกลองให้น้องชาร์ปดูเป็นครั้งสุดท้าย ยอมรับว่าคิดถึงน้องมาก ๆ
ด้าน
นายไชยเชษฐ์ สุขแสง อายุ 34 ปี เจ้าของเครื่องไฟขยายเสียงที่ถูกยิงพร้อมกับน้องชาร์ป ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงบริเวณต้นขาซ้ายด้านหลัง 1 นัด เป็นแผลฉีกขนาดใหญ่ และมีสะเก็ดกระสุนติดอยู่ในขาถึง 6 เม็ด โดย นายไชยเชษฐ์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนั้นขณะที่ตนกำลังต่อสายไฟอยู่ในงาน ผู้ก่อเหตุนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวแล้วเดินถือปืนเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าเป็นปืนปลอมจึงไม่ได้คิดอะไร และทำงานต่อไป ในตอนนั้นน้องชาร์ปก็ยืนดูตนต่อสายไฟ ห่างจากตนไปเพียงไม่มากนัก หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ตนเห็นน้องชาร์ปถูกยิงและล้มลง หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็เล็งปืนมาทางตน ตนจึงวิ่งหนีหลบกระสุนแต่ก็ถูกยิงที่ต้นขาซ้ายด้านหลัง 1 นัด แต่เนื่องจากกระสุนเป็นหัวระเบิด ทำให้มีสะเก็ดกระสุนฝังอยู่ในขาถึง 6 เม็ด โดยแพทย์ผ่าตัดออกไปแล้ว 3 เม็ด
นายไชยเชษฐ์ ิกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกแค้นใจที่เขามายิง เพราะไม่รู้จัก และไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน ซึ่งมาทำกับตนเกือบตายแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คิดมาก เพราะตนมีเมียและลูกอีก 3 คน ถ้าหากตัวเองเป็นอะไรไป ก็ส่งผลต่อครอบครัวที่ต้องขาดเสาหลักคนหาเงินไป ซึ่งเมียถึงกับร้องไห้ตอนที่รู้ว่าถูกยิง โดยปกติตนจะพาแฟนไปทำงานด้วย แต่โชคดีที่วันดังกล่าวแฟนต้องเลี้ยงลูก จึงไม่ได้ไปด้วย นอกจากนี้พ่อแม่ของตนที่เริ่มแก่ชราก็จะไม่มีใครคอยเลี้ยงดู ซึ่งตอนนี้ญาติของผู้ก่อเหตุได้เข้ามาดูอาการตน และเสนอเงิน 5 หมื่นบาท เป็นค่ารักษา ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบตกลงเนื่องจากตนคิดว่า ตนค่อนข้างเจ็บหนัก เงินแค่ 5 หมื่นบาท คงไม่มีใครอยากได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และต้องยอมเพราะฝ่ายคู่กรณีบอกว่ามีเงินให้เพียงแค่นี้ สุดท้ายก็คงต้องปล่อยไปตามกระบวนการกฏหมาย แต่ตนก็อยากให้ไกล่เกลี่ย และให้ครอบครัวผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหาย และให้เรื่องนี้จบไป
นอกจากนี้ ตนยังรู้สึกเสียใจที่เหตุร้ายต้องมาเกิดขึ้นกับตัวเอง และอยากแก้ข่าวว่าในวันเกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้เปิดเพลงเสียงดังจนผู้ก่อเหตุรำคาญแล้วเข้ามายิง เพราะขณะเกิดเหตุนั้นยังติดตั้งเครื่องเสียงไม่เสร็จ และยังไม่ได้เปิดเพลงเสียงดังจนรบกวนชาวบ้านอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด