กรณี พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุยิงกัน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อน.ส.ประภัทรสร หรือ อิง อายุ 16 ปี ถูกยิงสีข้างด้านซ้ายอาการบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยเร่งนำส่ง รพ.เกษมราษฎร์ เข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ถนนสิริโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พบรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กข 7567 ฉะเชิงเทรา ถูกกระสุนขนาด 9 มม. ยิงเข้าบริเวณกาบข้างรถฝั่งซ้าย กระสุนทะลุไปโดนขอบอลูมิเนียมก่อนจะพบหัวกระสุนตกอยู่ภายในร้าน 1 หัว
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่า ขณะเกิดเหตุตนและเพื่อน ๆ รวมถึงผู้บาดเจ็บ ได้นั่งกันอยู่ที่ร้าน 7 คน ขณะเกิดเหตุเห็นชายผิวขาวไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่สวมแมสก์ ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียน ขึ้นไปบนสะพานต่างระดับ ก่อนจะจอดรถ ตนมองขึ้นไปคิดว่ารถจักรยานยนต์จอดเสีย ก่อนชายคนดังกล่าวจะวนรถลงมาแล้วชักปืนออกมากระหน่ำยิงจำนวน 6 นัด พวกตนจึงต้องหลบกันชุลมุน ก่อนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจะขี่ลงจากสะพานต่างระดับหนีไป พอสิ้นเสียงปืนน.ส.อิง ตะโกนว่าถูกยิง ๆ จึงได้โทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลา 02.00 น.
ล่าสุดวันที่ 26 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ และสำรวจพื้นที่โดยรอบ พบว่าในจุดที่คนร้ายก่อนเหตุนั้น เป็นสะพานต่างระดับมุ่งหน้าบางปะกง ห่างกับร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ 20 เมตร โดยหน้าร้านพบชุดโต๊ะม้าหินอ่อน 1 ชุด ซึ่งไม่พบลอยเลือดแม้แต่นิดเดียว แต่ทีมข่าวพบรอยกระสุนเจาะเข้าขอบกระจกอลูมิเนียมเป็นรูขนาด 1.5 ซม.ส่วนผนังด้านซ้ายของร้าน มีรอยกระสุนเฉียดเข้ากำแพงอีก 1 จุด
ขณะเดียวกันพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบวัดระยะอีกครั้ง แต่ก็ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ส่วนวงจรปิดที่หอพักมีวงจรปิดหลายตัว แต่ก็จับภาพได้แค่โซนหน้าหอพักเท่านั้น เนื่องจากลักษณะพื้นที่เป็นมุมอับ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสายัณห์ เอี่ยมศิริ หรือ มด อายุ 24 ปี แฟนสาว น.ส.ประภัทรสร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ส่วนตัวเป็นเพื่อนเจ้าของร้าน และมานั่งคุยกันที่ร้านปกติทุกวัน บางครั้งช่วยงานช่าง ก่อนเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่มาอีกฝั่งของถนน มีการเบิ้ลเครื่อง ตนได้หันไปมองพร้อมเพื่อน ๆ ก่อนจะหัวเราะสนุกสนานกัน และไม่ได้คิดอะไร ส่วนรุจักรยานยนต์คันนั้นขี่ขึ้นไปจอดกลางสะพาน จากนั้นย้อนศรลงมาจอดอยู่ระหว่างป้ายเตือนทางโค้งป้ายที่ 2 ถัดจากตีนสะพาน ครู่เดียวก่อนใช้มือซ้ายชักปืนยิง มือขวาบิดรถ และขี่ลงมาจากสะพานยิงพุ่งเป้ามาจุดที่ตนกับแฟนนั่งหน้าร้านซ่อมรถ
"จังหวะนั้นทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ดึงแฟนมาไว้ข้างหลัง แต่ไม่ทันแล้ว เพราะแฟนพูดว่าถูกยิง ๆ จึงเปิดแผลดู พบเป็นรูตรงสะโพกซ้าย ไม่มีเลือดสักหยด รีบโทรศัพท์หาพี่ชายให้ออกมาช่วย ก่อนรีบพาน้องส่งโรงพยาบาล และเรียกน้องตลอดทางว่า อิงอย่าหลับนะ ๆ แต่น้องหมดสติไม่พูด ไม่ตอบโต้กับตนแม้แต่คำเดียว จากนั้นหมอพาน้องผ่าตัด แต่น้องก็เสียชีวิตลงในเวลาประมาณ 02.00 น. แพทย์เผยว่าน้องถูกยิงสะโพกด้านซ้าย ทะลุไตด้านขวา เส้นเลือดใหญ่ฉีกขาด จนเลือดข้างอยู่ในท้อง และน้องเสียเลือดมาก นาทีนั้นเสียใจสงสารน้องมาก ๆ เหมือนพาน้องมาตาย น้องตายแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ"
สำหรับตนและน้องอิง เคยคบหากันประมาณ 2 ปี ก่อนจะเลิกรากันไป ต่างคนต่างห่างหายไปประมาณ 1 ปี ในช่วงนั้นน้องมีแฟนใหม่ ตนก็ไม่ได้สนใจ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว รวมถึงไม่เคยทักหาเลย กระทั่งกลับมาคุยกันใหม่ได้แค่ 2 วัน เป็นช่วงคบหาดูใจกัน แต่ยอมรับว่าน้องอิงมักจะมีผู้ชายโทรศัพท์มาหา แต่เขาก็ไม่เคยปิดบังตน
อย่างไรก็ตาม ตนจำได้แม่นว่าคนร้ายผิวขาว ผอม สูงประมาณ 160-170 ซม. ตัดผมรองทรง สวมเสื้อกีฬาสีเหลือง กางเกงขาสั้น สะพายกระเป๋า ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่สวมแมสก์ ขี่รถจักรยานยนต์ N-MAX สีแดง อายุประมาณ 30 ปี แต่ไม่คุ้นหน้ามาก่อน และไม่ใช่แฟนเก่าของน้องอิง ลักษณะสาเหตุการก่อเหตุตนมองว่าคนร้ายน่าจะหมั่นไส้ที่พวกตนหัวเราะตอนเบิ้ลรถหรือไม่ แต่ตนอยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้ จะได้รู้ว่าคนร้ายยิงเพราะเหตุใด
ทีมข่าวได้พูดคุยนายสมทรง ฉวีวรรณ อายุ 61 ปี ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าก่อนหน้านี้ลูกสาวได้คบหากับชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแล้วหนีไปอยู่ด้วยกันนานเกือบ 2 ปี จากนั้นก็ได้กลับมาอยู่กับตนได้ประมาณ 2 เดือน และตนยังถามลูกสาวด้วยว่า "เลิกกันทำไม มีปัญหาอะไรกัน" แต่ลูกสาวก็ยิ้มและหัวเราะไม่ตอบคำถาม
จากนั้นตนพยายามสังเกตลูกสาวตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีแฟนใหม่ ทุกวันจะพาลูกไปทำงานที่บ้านป้าด้วยกัน ลูกก็ขยันช่วยตนทำงานไม่เคยเกี่ยงงาน กระทั่งเมื่อ 7 วันก่อนก็มีชายผิวดำแดง รูปร่างสูง ขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่มาหาลูกสาว มานั่งคุยด้วยกันหน้าบ้าน ตนฟังทั้งคู่คุยกันสนุนสนาน ไม่มีอะไรผิดสังเกตจากนั้นชายดังกล่าวก็หายหน้าไปไม่เคยมาหาลูกอีกเลย
กระทั่งก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวก็ไปทำงานกับตน กลับมาบ้านเข้านอนตั้งแต่เวลา 20.00 น. จึงไม่รู้ว่าลูกออกจากบ้านไปตอนไหน ใครมารับ กระทั่งกลางดึกก็ได้รับสายจากลูกชายคนโตว่าให้ไปโรงพยาบาล เตรียมบัตรประชาชนลูกสาวไปด้วย ก่อนจะอ้างว่า "แม่มีปัญหากับผัวใหม่"เมื่อไปถึงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกชายบอก หมอแจ้งว่าให้ตนทำใจ เพราะลูกสาวถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
"ผมอยากให้ตำรวจจับคนยิงลูกให้ได้ อยากรู้มันมายิงทำไม วัยรุ่นนั่งกัน 6 คน ทำไมโดนลูกสาวคนเดียว ผมเลี้ยงลูกมาอย่างดี ลูกไม่เคยเกเร ไม่เคยแม้แต่จะด่าพ่อล้อแม่ใครสักคำก็ไม่เคย อย่างมากแค่ติดเที่ยว ติดเพื่อน แต่ลูกก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร" พ่อผู้เสียชีวิต กล่าว
น.ส.ดาวอรุณ เจริญศรี แม่ผู้เสียชีวิต อายุ 38 ปี เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าหลังลูกสาวถูกยิงไม่กล้าบอกพ่อของลูก เพราะกลัวจะน็อกไปอีกคน เนื่องจากสามีเก่ามีโรคประจำตัว ทั้งหูอื้อ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เป็นกรดไหลย้อน และโรคกระเพาะ จึงบอกเพียงว่าทำใจดี ๆ เอาบัตรประชาชนน้องอิงออกมาด้วย เพราะเชื่อว่าหากบอกความจริงไปตอนนั้น คงจะช็อกอีกคนแน่ ๆ
เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาล น้องอิงได้เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว จากนั้นหมอเดินออกมาบอกว่าให้ทำใจดี ๆ อาการของน้องอิงเสียเลือดมาก เส้นเลือดเล็กและเส้นเลือดใหญ่เสียหาย รวมถึงเส้นเลือดที่เชื่อมกับขั้วหัวใจก็เสียหาย และเลือดข้างในออกเยอะจนท้องโต เปรียบเหมือนน้ำประปาแตก หลังจากหมอพูดจบน้องอิงก็สิ้นลม เป็นช่วงเวลาที่ไม่ทันได้พูดร้องขอหรือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นได้แค่เปิดผ้าดูหน้าน้องอิง ก่อนจะบอกให้หลับอย่างสบาย ไปสู่ภูมิที่ดี อยากไปเที่ยวไหนก็ขอให้ได้ไป รวมถึงดลจิตดลใจให้จับคนร้ายได้เร็ว ๆ ไม่ต้องห่วงแม่ และครอบครัว แม้ตนจะไม่ได้อยู่กับลูก แต่จะพูดคุยโทรศัพท์กันทุกวัน โดยเฉพาะก่อนวันเกิดเหตุในช่วงเช้าของวันที่ 25 ตุลาคม 64 ตนก็ยังคุยหยอกล้อกับลูกหัวเราะกันปกติ ลูกเป็นคนร่าเริง สดใส ชอบแต่งตัวสวย ๆ แล้วก็ชอบเที่ยวตามภาษาวัยรุ่น
นายพงศกร คงคาใส อายุ 19 ปี แฟนเก่าผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตำรวจโทรศัพท์มาหาพ่อตั้งแต่เช้าให้ตนไปให้ปากคำ ตนรู้สึกงง ๆ และแปลกใจที่ถูกพาดพิง จึงโทรศัพท์ไปหาแม่แฟนเก่าว่า ทำไมตนถึงถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง และก็เป็นห่วงแม่แฟนเก่าด้วย เพราะตนก็เคยคบหากับฝ่ายหญิงมานาน 1 ปี 4 เดือน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าช็อกมาก ๆ คิดว่าเพื่อนแกล้งด้วยซ้ำ แต่ตนเริ่มใจไม่ดีมาตลอดทั้งวัน ไปไหนก็ใจไม่ดีและรู้สึกเหมือนจะเกิดเหตุอะไร แต่กลางคืนก็นอนหลับปกติ มารู้ว่าเกิดเหตุแบบนี้ตนเสียใจ และเป็นห่วงครอบครัวของน้องอิง
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เลิกรากันไปได้ประมาณกว่า 6 เดือน เพราะเข้ากันไม่ได้ ตอนเลิกก็จบกันด้วยดี ตนไม่มีความโกรธแค้นอะไร และตอนคบกันแฟนสาวก็ซื่อสัตย์ ส่วนเพื่อนก็มีแต่เพื่อนผู้หญิง สำหรับตอนเกิดเหตุตนไปช่วยพี่ ๆ ทำงานก่อสร้าง เสร็จงานก็กลับห้องพัก อย่างไรก็ตาม ตนยากให้ตำรวจเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมารับโทษให้ได้โดยเร็ว
ขณะที่นายตรามัน (นามสมมุติ) 17 ปี เจ้าของร้านซ่อมรถ เปิดเผยว่า ตนรับงานช่างดูแลร้านนี้จากพ่อมาปีกกว่า ตนยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร ทุกวันช่วงเวลา 13.00 น. ตนจะออกมาเปิดร้านและจะปิดร้านเวลาประมาณ 20.00 น. เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ (25 ต.ค.64) มอบหมายงานให้นายขวัญ และนายแฟรงค์ ทำต่อ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ยังนั่งคุยกันที่ร้าน ส่วนตนกลับไปนอนบ้านจึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ทุกคนในร้านเป็นเพื่อน เป็นพี่ของตน ก็จะมานั่งคุยกันที่ร้าน และตนก็จะซ่อมรถไม่เคยออกจากร้านไปไหน และร้านนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวทะเลาะ หรือมีใครมาหาเรื่อง ขณะเดียวกันแม้จะมีคนรู้จักร้านตนแต่กับคนร้ายตนไม่คุ้นหน้า จึงสงสัยว่าทำไมถึงมาก่อเหตุที่ร้าน เพราะพวกตนไม่เคยไปหาเรื่องกับใคร อีกทั้งร้านตนก็ได้รับความเสียหายกระสุนเจาะเป็นรู รู้สึกเครียดด้วย เพราะผู้ให้เช่ากลัว จึงคุยกันว่าปิดร้านไปก่อน 2 เดือน แต่ตนก็วางแผนแล้วว่าจะเอารถของลูกค้าที่ค้างงานอยู่ 2 คันไปซ่อมอีกร้าน และร้านนี้ก็จะปรับปรุงไปในตัว
ทั้งนี้ ตนอยากให้ตำรวจดำเนินการจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะส่วนตัวก็กลัวความไม่ปลอดภัย กลัวว่าคนร้ายจะแค้นอะไรบางอย่าง และวนกลับมาก่อเหตุซ้ำหรือไม่ แต่ตนยืนยันว่าหากทุกอย่างคลี่คลายก็จะกลับมาเปิดร้านที่นี่เหมือนเดิม
