“เตาบอยเลอร์” ระเบิด คนงานสุมฟืนร่างกระเด็นดับ คนเจ็บเข้าห้องน้ำรอด คาดหม้อหมดอายุ (คลิป)

เมื่อวันที่ 25 ต.ค.64 เวลา 07.00 น. ร.ต.อ.สมชาย รัศมี รองสว.(สอบสวน) สภ.บางคล้า รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเตาใช้ต้ม ทำเส้นก๋วยเตี๋ยวระเบิดใส่คนงาน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบริษัทโรงหมี่ตราพระอาทิตย์ ตั้งอยู่เลขที่ 5/1 หมู่ 9 ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราจุดบางคล้า

เมื่อไปถึงพบเป็นโรงงานผลิตทำเส้นก๋วยเตี๋ยว สภาพภายในโรงงานพังยับเยิน หลังคาทะลุเป็นรูใหญ่ พบเตาบอยเลอร์สำหรับต้มน้ำ ใช้ไอน้ำนึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวระเบิดกระเด็นออกจากตัวโรงงาน ตกไปในบ่อน้ำด้านข้างจุดเกิดเหตุ และยังพบร่างของคนงานแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา นอนเสียชีวิตบนพาเลดไม้ มีผ้าห่มคุมศพไว้ เนื่องจากร่างกระเด็นตกบ่อน้ำ เพื่อน ๆ คนงานจึงช่วยกันนำร่างขึ้นมารอเจ้าหน้าที่

ในเวลาต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายทองแก้ว เป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา อายุ 25 ปี และนายเสี่ยง หรือ อ้วน อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วนางข้างซ้าย จากการถูกเหล็กของเตาบอยเลอร์กระเด็นใส่ ทั้งคู่พักอาศัยอยู่ที่บริษัทโรงหมี่ดังกล่าว

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังโรงงานที่เกิดเหตุ พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่โซนกลางโรงงาน ติดผนังหลังโรงงานพบท่อระบายควัน 3 ท่อ จึงเป็นไปได้ว่ามีเตาบอยเลอร์ 3 เตา ทั้งนี้ ตำรวจสภ.บางคล้า พร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุการระเบิดครั้งนี้ โดยโรงงานไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน อ้างว่าข้างในยังเรียบร้อย ไม่สะดวกให้เข้าถ่ายทำในพื้นที่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเค (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 40 ปี คนงานชาวไทย เปิดเผย เตาบอยเลอร์จะตั้งอยู่ในระนาบแนวนอนยาว 10 เมตร ความกว้างประมาณ 3-4 คนโอบ แบ่งเป็นส่วนกลมเป็นหม้อต้มน้ำ และส่วนท้ายเป็นสี่เหลี่ยมเป็นเตา จะมีการสุมฟืนใส่เข้าไป

โดยหลักการทำงานทุกเช้าที่คนงานได้รับมอบหมายตามออร์เดอร์เข้างานมาจะจุดไฟที่เตา และใส่ฟืนตลอดให้ได้ไฟแรงระดับ 6 ก่อนวอมไอน้ำ 1 รอบ จากนั้นถึงจะปล่อยไอน้ำออกจากท่อขนาด 4 นิ้ว ที่เชื่อมไว้กับเครื่องจักรและท่อจะอยู่ข้างบนและข้างล่าง พอปล่อยไอน้ำก็จะพ่นทำให้แป้งสุก แต่ละวันจะทำงานตามออร์เดอร์ ได้กลับไว้สุดเวลา 19.00 น. เครื่องนี้ก็จะทำงานตลอด บางวันก็สลับเครื่อง

สำหรับเครื่องนี้มีอายุการใช้งานมาประมาณ 10 ปี แล้ว แต่ก็ยังใช้งานอยู่ ซึ่งจริง ๆ มีอายุใช้งานแค่ 10 ปีก็จะเปลี่ยนเครื่อง แต่รอบนี้ยังไม่เปลี่ยน โดยแรงระเบิดนั้นทำให้ท่อขยับออกจากจุดตั้งออกไป 70 เมตร ส่วนหลังคาและตัวอาคาร รัสมีความเสียหายในโรงงานกระจายออกไป ประมาณ 10 เมตร

ขณะที่นายเสี่ยง อายุ 30 ปี ชาวกัมพูชา และเป็นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างร่องนิ้วนางและนิ้วชี้ เย็บถึง 10 เข็ม ยังไม่ได้รับการเยียวยาอะไรจากโรงงาน นอกจากพาไปหาหมอและออกค่ารักษาให้ จำนวน 4,000 บาท

นายเสี่ยง กล่าวว่า ขณะนั้นออกไปทำงานที่เตาเพื่อสุมฟืนเข้าไป จากนั้นก็ออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุ ประมาณ 20 เมตร เป็นห้องน้ำอยู่ข้าง ๆ โรงงาน แล้วได้ยินเสียงระเบิดดังมาก ๆ จนหูอื้อ และนิ้วมือได้รับบาดเจ็บจากเศษเหล็กของเตา เลือดไหลออกเต็มนิ้วมือ จากนั้นจึงวิ่งไปดูเพื่อน ปรากฎว่าเพื่อนโดนแรงอัดเสียชีวิตแล้ว

นายลองแก้ว ชาวกัมพูชา อายุ 20 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนทำงานที่โรงงานดังกล่าว ประมาณ 5 ปี ก่อนจะย้ายไปทำงานอีกโรงงาน ในพื้นที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และกลับมาทำงานที่นี้ ประมาณ 4 เดือนแล้ว ส่วนพี่ชายทำงานมานาน 6 ปีแล้ว เขาเป็นคนขยันมาก ๆ ทำงาน 7 วันไม่เคยหยุดเลย เพราะต้องส่งเงินให้ลูกสาวและภรรยาที่อยู่ประเทศกัมพูชา

โดยก่อนเกิดเหตุตนเดินไปคุยกับพี่ชาย ซึ่งพี่ชายกำลังขับรถถอยหลังเพื่อเอาฟืนมาเติม และเปิดประตูลงจากรถมา ตนพูดกับพี่ว่า “ทำงานระวัง ๆ ด้วยนะ เพราะเตามันยังไม่ได้เปลี่ยนใหม่” พี่ชายก็แค่ยิ้มให้ไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นตนเดินออกมาจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 เมตร เตาก็ระเบิด ตนวิ่งหนีแทบไม่ทัน ร่างกายตนก็โดนขี้เถ่าไปด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

จากนั้นหันไปมองจุดที่พี่ชายอยู่ กลับไม่เห็นตัวพี่ชาย เห็นแต่กลุ่มควันคลุ้งเต็มไปหมด ผ่านไปครึ่งชั่วโมงถึงจะหาพี่ชายเจอ ปรากฏว่าพี่ชายเสียชีวิตไปแล้ว ตนเสียใจมาก ๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนยังไม่กล้าบอกแม่ เพราะแม่ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่บ้าน กลัวว่าแม่จะเสียใจและทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องศพของพี่ชาย โรงงานบอกว่าถ้าเอาไว้นานจะเสียเงินเยอะ วันนี้จึงมีการนำศพไปเผาในช่วงบ่ายที่วัดทันที และเย็นนี้จะเดินทางไปเก็บกระดูก

"งานนี้มันเสี่ยงมาก จริง ๆ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายงาน ยอมรับว่าในใจลึก ๆ ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว หรือถ้าไม่มีงานจริง ๆก็จะกลับบ้าน ผมอยากบอกพี่ชายว่าไปแล้วให้โชคดี เกิดใหม่ให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ส่วนโรงงานผมไม่กล้าเรียกร้องอะไร เพราะพูดอะไรไม่ได้" นายลองแก้ว น้องชายคนตาย กล่าว 

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านที่อยู่รอบโรงงาน เป็นหลังคาบ้านเรือนประชาชน 2 หลัง และบ้านของนายสุริยันต์ โพธิชนะ อายุ 54 ปี เกษตรกรข้างโรงงาน เปิดเผยว่า ตนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด และโรงงานมาตั้งทีหลัง ตั้งมามากว่า 30 ปี ตนเคยร้องเรียนเรื่องน้ำเสียไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งเมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. ปกติตนจะเดินดูสวนช่วงหลังโรงงานทุก ๆ เช้า แต่เมื่อเช้านึกอะไรไม่รู้ ตัดสินใจเดินไปหลังสวนก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังมาก เสียงแน่น ๆ 2 ครั้ง ตนคิดอย่างเดียวว่า “เอาแล้วโรงงานมันเล่นกูแล้ว” ซึ่งก็ไม่ผิดคาด เพราะช่วงที่ผ่านมาทุกเช้าเวลาเตาทำงาน ตนจะได้ยินเสียงการทำงานที่ดังพอสมควร และก็ไม่รู้หลักการว่าเตาเก่าหรือใหม่ มีประสิทธิภาพหรือไม่

ทั้งนี้ ด้วยแรงระเบิดจุดที่ประชาชนได้รับความเสียหายรัศมี 2 กิโลเมตรได้ โดยเฉพาะสวนของตนรวม 8 ไร่ อยู่แนวเดียวกับโรงงาน พบเสียหายไปประมาณ 2 งาน หลัก ๆ เป็นต้นหมาก ต้นมะพร้าว หากขายได้ก็จะประมาณ 2 แสนบาท ขณะเดียวกันตามร่องน้ำมีเศษสังกะสี เศษวัสดุต่าง ๆ รวมถึงโดยเสาปูนของโรงงานเป็นใหญ่ 1 เสา น้ำหนัก 5 คนยกก็ไม่ขึ้น ตอนนี้จะขุดลอกคลองก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้โรงงานเข้ามาเครียร์ด้วย เพราะชาวบ้านได้รับความเสียหาย