คดีพลิก! หนุ่มรถล้มตายหมอเจอกระสุนเจาะท้อง พยานชี้เป้ามือฆ่ายิงปืนเล่น (คลิป)

กรณีนายสรายุทธ์ บัวอ่อน อายุ 50 ปี ชาวต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี พนักงานศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดปราจีนบุรี-กรมประมง อ.กบินทร์บุรี นอนเสียชีวิตอยู่กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า WAVE 100 สีเทา – ดำ ทะเบียน กธบ 222 ปราจีนบุรี บริเวณถนนทางเข้าบ้านปากแพรก หมู่ที่ 7 ต.กบินทร์บุรี พบนายสรายุทธ์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าท้อง จำนวน 1 แผล ก่อนเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.กบินทร์บุรี ก่อนที่จะส่งร่างผู้เสียชีวิตไปที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อผ่าชันสูตรศพอีกครั้ง

ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงพื้นที่วัดปากเเพรก ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เเละได้พบกับ น.ส.อัญชลี มานะทำ อายุ 36 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต นั่งอยู่บริเวณหน้าศาลาวัดที่จะใช้จัดงานศพ

น.ส.อัญชลี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนได้คบหากับสามีมานานหลายปีเเล้ว จนตอนนี้มีลูกชายอายุ 5 ขวบ เเต่ก่อนหน้านี้สามีเคยมีครอบครัวมาก่อน เเละมีลูก 2 คน ผู้ชายเเละผู้หญิง อายุ 20 ปีเเล้ว นิสัยส่วนตัวของสามี เป็นคนชอบพูดโผงผาง พูดไม่เพราะ เสียงดัง เเต่ไม่มีอะไร เเละไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร สามีมักจะไปอยู่เเค่ 3 สถานที่ ที่ทำงาน ไร่ข้าวโพด เเละที่บ้าน

ในวันเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกับสามีตั้งเเต่เช้าจนถึงช่วง 12.00 น. สามีก็บอกว่าจะออกไปทำไร่ที่สวนข้าวโพด ที่ห่างจากบ้านประมาณ 20 กิโลเมตร เเละมาทราบข่าวสามีอีกทีช่วง 15.00 น. ตอนนั้นตนกำลังขายของ มีคนโทรมาบอกว่าสามีประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม เพราะเหนื่อย หิวข้าว จากนั้นตนก็ตามไปที่ รพ.กบินทร์บุรี เเต่เมื่อไปถึงเเพทย์ก็ปั๊มหัวใจ ก่อนจะเเจ้งว่า เหมือนเจอโลหะอยู่ที่ท้อง ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าคืออะไร อาจจะเป็นโลหะเก่าที่อยู่ในท้องอยู่เเล้ว หลังจากนั้น ก็พบว่ามีลูกกระสุนปืนอยู่ในท้อง 

จากการตรวจสอบเบื้องต้น แพทย์ได้เอกซเรย์พบว่ามีลูกเหล็กอยู่ในตัวของสามี จึงทำให้ทราบว่าสามีไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เเต่เป็นเพราะมีคนยิง ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เห็นหน้าของสามี มาเห็นอีกครั้งตอนพาลูกชายเข้าไปกราบลา เพราะพ่อลูกคู่นี้สนิทกันมาก ๆ ลูกชายถามตลอดว่าพ่อไปไหน “พ่อหนูไปไหน เมื่อไรพ่อหนูจะกลับมา พ่อหนูไปอยู่บนสวรรค์เเล้วจะลงมาหาหนูไหม” ตนก็พยายามอธิบายลูกว่าพ่อไปอยู่บนสวรรค์เเล้ว ลงมาไม่ได้ เหมือนลูกจะเข้าใจเเต่ก็ไม่ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ตนก็ไม่อยากจะร้องไห้ให้ลูกเห็น ไม่อยากให้ลูกถามว่า ทำไมต้องร้องไห้

"ไม่อยากให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น มันไวเกินไป ต่อจากนี้ต้องเข้มเเข็ง สามีคือเสาหลักของครอบครัว ต้องเป็นทั้งพ่อเเละเเม่ให้ลูก ต้องอดทน จะอ่อนแอไม่ได้ สิ่งที่อยากบอกสามี คือรักมาก ๆ จะทำหน้าที่เเม่ให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเหมือนสามีไปเข้าฝันเพื่อนเขาที่อยู่จันทบุรีว่าเขาห่วงลูก ยังไม่ได้ลาลูกเลย อยากบอกว่าไม่ต้องห่วง จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เเละลูกชายของสามี ก็บอกว่าจะช่วยเลี้ยงลูกด้วย ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วนะ" น.ส.อัญชลี กล่าว 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงพื้นที่ซอยข้างวิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี ทางเข้าบ้านปากแพรก หมู่ที่ 7 ต.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ จากนั้นทีมข่าวได้เดินสำรวจบริเวณร้านคาร์เเคร์ พบเพียงพนักงานของร้านเพียง 1 คนเท่านั้น เเละไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

ต่อมาทีมข่าวได้เดินไปสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุที่สุด จึงได้พบกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.64) ช่วงที่เกิดเหตุตนไม่ได้ยินเสียงปืนหรือเสียงอะไรเลย ทุกอย่างปกติ ตอนนั้นก็นั่งอยู่หน้าบ้านกับครอบครัว มาทราบเรื่องอีกครั้งตอนที่รถกู้ภัย รถตำรวจมา เลยวิ่งออกไปดู ตอนนั้นกู้ภัยก็นำคนเจ็บออกมาจากซอยเเล้ว

เวลา 18.00 น. ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่วัดปากเเพรก อีกครั้ง ซึ่งบรรยากาศในช่วงเย็นยังคงดำเนินไปอย่างสงบ บรรดาญาติเเละเพื่อนร่วมงานของนายสรายุทธ์ เดินทางมาที่วัดปากแพรก เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ก่อนที่จะมีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนเเรก ทั้งนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับหัวหน้างานของนายสรายุทธ์ 

โดยหัวหน้างานของนายสรายุทธ์ กล่าวว่า นายสรายุทธ์ ทำงานที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้มาตั้งเเต่ศูนย์เพิ่งเปิดได้ไม่นาน รวมระยะเวลาก็เกือบ 15 ปีเเล้ว ทำหน้าที่ประเมินฟาร์ม เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี นายสรายุทธ์ เป็นคนดี ตั้งใจทำงานดี ขยันขันเเข็ง เเละไม่เคยมีปัญหาในการทำงาน เเละไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หรือเเม้เเต่ปัญหาเรื่องเงิน หนี้สิน ตอนนี้ไม่อยากให้ข้อมูลมากนัก เพราะภรรยาของนายสรายุทธ์ ก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน

ด้านนางแป้น บัวอ่อน อายุ 67 ปี เเม่ของนายสรายุทธ์ กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน นายสรายุทธ์ เป็นลูกชายคนโต ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร เป็นคนทำมาหากิน เป็นเสาหลักของครอบครัว วันธรรมดาทำงานตอนเย็นก็กลับบ้าน เสาร์อาทิตย์ก็ไปเก็บเกี่ยวข้าวโพด ตนเจอลูกชายครั้งสุดท้ายเมื่อนานมาเเล้ว จำไม่ได้ว่าช่วงไหน เพราะที่บ้านน้ำท่วม ลูกชายจึงเข้ามาหาไม่ได้ เเต่ก็โทรศัพท์คุยกัน

โดยครั้งสุดท้ายที่ตนคุยกัน ก็คุยเรื่องปกติ ปากท้อง ถามเรื่องหลานชายบ้าง ซึ่งตนไม่มีลางสังหรณ์อะไรมาก่อนหน้านี้เลย คนที่ทำแบบนี้กับลูกชายตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ถ้าจับได้ตนก็ไม่มีอะไรจะพูดกับ้ขา เพราะรู้สึกโกรธมากที่มาทำแบบนี้ ลูกชายกำลังทำมาหากิน มีชีวิตที่ดี แม้ตนอยากจะพูดอะไรกับลูกชายตอนนี้ ลูกก็ไม่ได้ยินเเล้ว