หวิดวุ่น! ญาติฉะแม่น้องเหนือกลางงาน แฉเป็นใจให้ผัว เจ้าตัวร่ำไห้ขอชาติหน้าเป็นแม่ลูกกันอีก (คลิป)

จากกรณีนายวิรัช แซ่เอ้ง อายุ 37 ปี ทำร้ายร่างกาย ด.ช.เหนือ อายุ 8 ขวบ จนเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.หนองแค ต.หนองแค จ.สระบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแค 21 นาย ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 23 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังวัดหนองพระบาง ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งบรรยากาศภายในงานศพของน้องเหนือ เต็มไปด้วยโศกเศร้า มีพิธีฌาปนกิจ ทางครอบครัว ญาติ และเพื่อนบ้านได้เข้ามาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มทำพิธีสวดศพเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงเวลา 15.00 น. และนำศพขึ้นฌาปนกิจในเวลา 16.00 น.

โดยวันนี้พบว่ามีผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง ยืนตะโกนด่าคนเป็นแม่ของเหนืออย่างเสียงดัง ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เวลา 15.30 น. มีพิธีการฌาปนกิจศพน้องเหนือ ญาติและคนสนิทพร้อมเจ้าภาพที่เดินทางมาถวายผ้าบังสกุล แก่พระสงฆ์จำนวน 7 รูป จากนั้นทางญาติคนในครอบครัวของน้องเหนือ กล่าวแสดงความเสียใจ อ่านคำกล่าวประวัติ ครอบครัวรวมทั้งคนเป็นแม่ยืนร้องไห้ ตลอดเวลา จนญาติพี่น้องต้องเข้ามากอดเพื่อปลอบใจ พร้อมกับช่วงเวลานั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนักภายในวัดขณะที่ทำพิธี

จากนั้นแขกที่มาร่วมงานได้ร่วมกันเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์หน้าโลงศพบนเมรุ ผู้เป็นร้องไห้อยู่ด้านล่าง ส่วนญาติคนในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้ขึ้นไปพูดอำลาน้องเหนือด้วยความโศกเศร้า สัปปะเหร่อมีการเปิดฝาโลงศพให้ญาติดูหน้าครั้งสุดท้าย แต่สิ่งที่แปลกคือ น้องเหนือลืมตาค้างทั้ง 2 ข้าง จนทำให้ทางพระและสัปปะเหร่อช่วยกันทำพิธีอีกครั้ง เพื่อช่วยปิดตาให้น้องเหนือ ต่อมาขณะที่ญาติขึ้นไปพูดคุยอำลา ตะโกนด่าคนเป็นพ่อเลี้ยงและแม่ที่อยู่ด้านล่างอย่างเสียงดัง

ต่อมาทางสัปปะเหร่อได้มีการทำพิธีผ่าลูกมะพร้าวเพื่อล้างหน้าเด็กก่อนเข้าเตาเผา และมีการใช้มีดหมอตามความเชื่อเคาะโลงศพจำนวน 4 ครั้ง และตัดสายสิญจน์ในมือเด็กออกด้วย

นางยุวดี อรรคทัย แม่ของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ก็ยังโทษแต่ตัวเองว่า ทำไมลูกของตัวเองแท้ ๆ ถึงช่วยเหลือไม่ได้ ทำไมถึงปล่อยให้ลูกเสียชีวิตแบบนี้ ยอมรับว่าในวันที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านเลย ที่บ้านมีแค่สามี ลูกสาววัย 16 ปี และลูกชายวัย 8 ขวบ แค่ 3 คนเท่านั้น ตอนที่มาทราบเรื่องอีกครั้งไม่อยากจะเชื่อว่าสามีจะทำร้ายลูกจนเสียชีวิต ตอนที่ตนเองเดินทางมาพบน้องยังมีสติอยู่ที่บ้าน และต่อมาก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งตนเองไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสามีทำร้ายลูกชายเพราะอะไร แต่ทุกครั้งที่สามีตนเองทุบตีลูกชาย ก็เพราะหวังดีเท่านั้น เพราะอยากให้ลูกชายเรียนหนังสือให้ทันกับเพื่อน แต่ครั้งนี้ตนเองไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น

จนมาถึงวันนี้เป็นเผาศพของลูก วันสุดท้ายของลูกแล้ว ก็ยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แต่พูดสื่อถึงลูกว่า "แม่ขอโทษที่ปล่อยให้ลูกต้องมาเสียชีวิต ย้อนเวลาไปได้ แม่ไม่อยากเกิดขึ้นเลย ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีนะลูก เกิดชาติหน้ามาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ"

ส่วนเหตุการณ์ในช่วงที่น้องชายเข้ามาตบหน้าตนเองอย่างแรงภายในงานศพของลูกชายในวันนั้น ตนเองก็เข้าใจว่าน้องชายรู้สึกโกรธตนเอง ที่ปล่อยหลานที่เขารักมาเสียชีวิตแบบนี้ ส่วนตัวพร้อมพูดคุยปรับความเข้าใจได้ตลอด แต่คงต้องรอให้เวลากับน้องชายสักพัก เพราะตอนนี้ทุกคนเสียใจกันหมด

ด้านน้องเนย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พี่สาวของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตนเองอยู่กับน้องชาย ทางพ่อเลี้ยงจะเข้าทุบตีน้องตลอด และบ่อยมาก น้องก็ซนตามประสาเด็ก และพ่อเลี้ยงอยากให้น้องเรียนหนังสือเก่ง ๆ ตนเองก็ได้เข้าช่วยเหลือน้องทุกครั้ง บางครั้งถ้าไม่ได้อยู่บ้าน ก็ไม่ได้ช่วยห้ามช่วยเหลือน้อง ซึ่งทุกครั้งที่ตนเองได้ยินเสียงน้องร้องไห้บ่อยจากการที่ถูกพ่อเลี้ยงทุบตี โดยจะใช้ไม้ท่อพีวีซี สายยาง สายเคเบิลทุกครั้ง ตนเองรู้สึกสงสารน้องมาก แต่บางครั้งก็กลัวทางพ่อเลี้ยง แต่พ่อเลี้ยงไม่เคยทุบตีตนเองเล ตนยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนวันเกิดเหตุตนเองก็เห็นกับตาว่าพ่อเลี้ยงทุบตีน้อง ทั้งใช้สายไฟ สายเคเบิลรัดคอ และบังคับให้น้องปัสสาวะและให้ดื่มปัสสาวะอีกด้วย แต่ตนเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

ด้านนายธนกร อรรคทัย อายุ 25 ปี น้าของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าพี่สาวของตนเองจะไม่อยู่ในเหตุการณ์ในคืนวันที่เกิดเหตุ เชื่อว่าอยู่กันครบทุกคน แต่คนเป็นแม่ไม่ยอมพูดความจริงทั้งหมด ก่อนหน้านี้ตนเองยังเคยเห็นมาตลอดว่าพ่อเลี้ยงทุบตีหลานของตนมาตลอด ด้วยของต่าง ๆ นานา แต่ผู้เป็นแม่ยังไม่คิดเข้าไปห้ามเลย ซึ่งถ้าจะอ้างว่าลูกเป็นเด็กดื้อ ซน หรือไม่ตั้งใจเรียน ยอมรับว่าไม่เชื่อในเรื่องนี้ เพราะปกติแล้วหลานชายจะเป็นเด็กดีมาก เรียบร้อย ใช้พูด "ครับครับ" ตลอด

ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นที่ตนเองเดินเข้าไปตบหน้าคนเป็นพี่สาว ยอมรับว่าตอนนั้นอารมณ์โกรธแค้นเป็นอย่างมาก ที่ปล่อยให้หลานของตนเองต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ส่วนตัวยังรับไม่ได้ มันดูโหดและทารุณกันเกินไปกับเด็กตัวแค่นี้ ทั้งนี้ ตนเองจะยังไม่ให้อภัยคนเป็นสาว หรือแม่ของหลานก่อน จนกว่าจะพูดความจริงออกมาทั้งหมด เพราะสิ่งที่พูดกับสื่อแต่ละช่องไป เป็นสิ่งที่โกหกทั้งนั้น ไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และยังหนีเอาตัวรอดให้กับตัวเองอีก

อย่างไรก็ตาม ตนเองจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ยิ่งถ้าประหารได้ยิ่งดี ไม่ขอให้อภัยกับทางพ่อเลี้ยงเด็ดขาด และถ้าหากทางญาติ ๆ ของพ่อเลี้ยงที่ก่อเหตุจะเดินทางขอขมาหน้าศพหลาน หรือมาช่วยเหลือทางครอบครัว ตนเองก็ยินดีไม่คิดเข้าไปทำร้ายแน่นอน

น.ส.ฝน เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนเองเป็นเพื่อนที่อยู่อาศัยติดกับบ้านของพ่อเลี้ยงและแม่ของเด็ก ตนเองเห็นแทบจะทุกครั้งว่าพ่อเลี้ยงทำร้ายเด็กจริง ๆ คนที่เป็นแม่ไม่เคยสนใจอะไรเลย ไม่เคยช่วยเหลือลูก ไม่เคยห้าม บางครั้งกลางค่ำกลางคืนยังได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ด้วยความทรมานบ่อยครั้งมาก แต่ตนเองไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ได้แต่สงสารในตัวเด็กมาก เมื่อตนเองยืนด่าต่อว่า ยอมรับว่ารู้อัดอั้นใจมาก ทนไม่ไหว ทั้งด้วยอารมณ์โกรธที่ทำไมคนเป็นแม่ถึงปล่อยให้ลูกตัวเองถูกทำร้ายจนเสียชีวิตแบบนี้

ส่วนที่ทางแม่ของเด็กบอกว่าช่วงที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตนเองไม่เชื่อด้วยซ้ำ แม่เขาโกหกเอาตัวรอดทุกอย่าง เชื่อว่าไม่ได้ไปอยู่ในตอนเหตุทุกอย่าง แม้แต่ความจริงยังไม่กล้าพูดออกมา ทั้งนี้ ตนเองอยากจะให้ทางตำรวจจับไปลงโทษทางกฎหมายทั้งพ่อเลี้ยงและคนเป็นแม่เลย