นักมวยคลั่งจับอาบังทืบตายคาเท้า ญาติระงมวิดีโอคอลข้ามโลกส่งศพเข้าเมรุ (คลิป)

เรื่องราวที่มีการแชร์และพูดถึงเป็นอย่างมากในออนไลน์ คลิปเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากทึ่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง พร้อมด้วยทีมงานกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่หนองรี ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าคนบาดเจ็บโดนทำร้ายร่างกาย ที่บริเวณริมสระน้ำหนองรี ใกล้ศาลากลางหมู่บ้าน

เมื่อเจ้าหน้าที่ลงไปจุดเกิดเหตุ พบว่าคนบาดเจ็บสวมหมวกกันน็อกนอนแน่นิ่งไม่สติ เลือดไหลบริเวณศีรษะ ข้างกันมีรถมอเตอร์ไซค์จอดล้มอยู่ ทราบชื่อภายหลังคือ นายโบนา ยาเดฟ อายุ 36 ปี ชาวอินเดีย ห่างไปอีกไม่ไกลพบชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ไม่สวมเสื้อ ยืนโวยวาย อาการคลั่ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายพงษ์กรณ์ อัครสินวรภัทร หรือ อิ๊กคิว อายุ 35 ปี อดีตนักมวย

ภายในคลิปจะพบว่าชายร่างใหญ่รายดังกล่าว พยายามที่จะขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยคนเจ็บ อีกทั้งยังผลักตำรวจไม่ให้เข้าไปใกล้ พร้อมกับท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการด่าทอ หน่วยกู้ภัยต้องเข้าไปไหว้ชายหัวร้อนคนดังกล่าว ขอนำตัวผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่กลับถูกด่า ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รอจังหวะชายหัวร้อนเผลอได้เข้าไปด้านหลังพยายามจะล็อกคอไว้ แต่กว่าจะสำเร็จก็ต้องใช้กำลังพลและเจ้าหน้าที่ของกู้ภัย ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่กว่า 10 คน ถึงจะเอาชายร่างใหญ่ดังกล่าวได้สำเร็จ

ล่าสุด เช้าวันที่ 22 ต.ค. 64 เบื้องต้นทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บ นายโบนา ยาเดฟ อายุ 36 ปี ชาวอินเดีย ได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางด้านสมองอย่างรุนแรง

ทีมข่าวย้อนกลับไปดูยังจุดเกิดเหตุ บริเวณริมสระน้ำหนองรี ใกล้ศาลากลางหมู่บ้าน พบว่าจุดดังกล่าวเป็นถนนลูกรัง มีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ ด้านขวาเป็นสระน้ำ ด้านซ้ายจะเป็นที่ดินและบ้านของคนในพื้นที่ประมาณ 1-2 หลัง ทีมข่าวได้เดินสำรวจจุดดังกล่าว ยังพบในส่วนของรองเท้าผู้เสียชีวิตหล่นอยู่ในพื้นที่

นางธัญยาทิพย์ อัครสินวรภัทร อาย 55 ปี แม่ของนายอิ๊กคิว บอกว่า ปกติลูกชายเป็นคนใจร้อน ไม่ค่อยพูด ไม่มีครอบครัว เคยติดคุกในคดีแทงคนมาแล้ว 1 ครั้ง และติดคุกในคดียาเสพติดอีก 1 ครั้ง เพิ่งพ้นโทษมายังไม่ถึง 1 ปี เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นได้สอบถามลูกชายแล้ว ยอมรับว่าทำจริง และจะขอไปใช้กรรมต่อในคุก

โดยชาวบ้านที่อยู่บ้านตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ดยินเสียงดังคล้ายกับสามีภรรยาทะเลาะกันจึงหันไปดู พบชายไม่สวมเสื้อด่าอาบัง จากนั้นได้เตะไปที่ก้านคอ ขณะที่อาบังขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ จนอาบังตกลงจากรถ หลังจากนั้นอาบังได้คุกเข่ายกมือไหว้ ขอไม่ให้ทำร้าย แต่กลับถูกเตะเสยไปที่ปลายคาง ทำให้อาบังหงายแล้วนอนแน่นิ่งไป จากนั้นนายอิ๊กคิวเข้าไปกระทืบศีรษะแบบไม่ยั้ง พร้อมส่งเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เหยียบตัวอาบังแล้วขย่ม เตะซ้ำอีกหลายครั้ง ทำให้คนที่ขับรถผ่านไปมาไม่กล้าเข้าไปช่วย

นายองอาจ แช่มชุมแสง อายุ 57 ปี ผู้นำชุมชน เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเพิ่งทราบเรื่องหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุกับตนก็มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี นิสัยของเขาเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน ใจร้อน ชอบเอาแต่ใจตัวเอง

ในอดีตเขาเองเคยเป็นนักมวยเก่ามาก่อน มีชื่อเสียงระดับอำเภอ ฉายา "ฟ้าลั่น ศิษย์ อ.อนันต์" ในอดีตทางเจ้าตัวเองก็เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทมาก่อน แต่ไม่ทราบว่าถึงขั้นเข้าคุกเข้าตารางหรือไม่ ขณะที่ตนก็ไม่เคยเห็นเขาอาละวาดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ครั้งก่อน ๆ จะมีแค่ปากเสียงกับคนในพื้นที่เท่านั้น

นายอิ๊กคิว ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยเจออาบังแล้ว มองหน้ากันประมาณ 3-4 ครั้ง ตนข้องใจที่อาบังมองหน้า วันเกิดเหตุตนขับรถมอเตอร์ไซค์มาเจออาบังพอดี จึงจอดถามอาบัง แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง ตนจะให้อาบังไปคุยกันที่บ้านของต นแต่อาบังไม่ยอมไป แล้วพยายามจะหันรถกลับไปอีกทาง ทำให้กระจกรถเกี่ยวกัน ตนจึงเข้าทำร้าย ด้วยการชกต่อย จนอาบังล้มลง แล้วใช้เท้ากระทืบที่ศีรษะอีกกว่า 10 ครั้ง ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาเจอ

เวลา 18.24 น. ญาติและเพื่อนของผู้เสียชีวิต ได้นำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนาพุทธที่วัดป่าเรไร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามี ญาติและเพื่อนชาวอินเดีย 2 คน ช่วงที่พระสงฆ์ได้มีการให้ทางญาติ และเพื่อนสนิทร่วมกันส่งวิญญาณนั้น เพื่อนคนสนิทรายหนึ่งได้ร้องไห้ออกมาท่ามกลางความเสียใจ

มีเพื่อนคนไทยรวมถึงเพื่อนบ้านในละเเวกใกล้เคียงก็ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย ก่อนจะนำขึ้นเมรุและฌาปนกิจศพทันที ตามความเชื่อของชาวอินเดีย ช่วงเปิดโลงศพทางเพื่อนคนสนิทวิดีโอคอลไปยังญาติของผู้เสียชีวิตที่อยู่ประเทศอินเดีย ร่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายด้วย

นายอุเมช กุมาร อายุ 34 ปี ญาติผู้ตาย เล่าว่า ส่วนตัวได้เดินทางมาอยู่ที่นางรองกับผู้เสียชีวิตมานานกว่า 4-5 ปี ประกอบอาชีพขายมุ้ง เครื่องนอน แบบผ่อนชำระให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่าเรื่องเงินกู้นั้นตนไม่ทราบ ที่ผ่านมาลักษณะนิสัยของคนเสียชีวิตค่อนข้างเป็นคนใจดี และชอบช่วยเหลือคน ส่วนปัญหาระหว่างผู้ตายกับผู้ก่อเหตุก่อนหน้านี้ ตนไม่ทราบว่ามั้งคู่มีปัญหาอะไรมาก่อน เพราะปกติตนเห็นหน้าทางผู้ก่อเหตุก็ปกติ เขาเองไม่เคยมายุ่งเกี่ยวอะไรกับตน หนำซ้ำเขาเองก็ค่อนข้างดีกับตนและผู้ตาย แต่พอมาข่วงนี้ก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไร รู้สึกเพี้ยนไปจากเดิม

ตนยอมรับว่าก็รู้สึกกลัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในเมื่อมาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับผู้ตายที่กำลังจะเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศ เพื่อกลับไปต่อวีซ่าในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และมีการเปิดปะเทศ แต่สุดท้ายก็ไม่ทันเขากลับมาเสียชีวิตก่อน